#Jambon Riz | Explore Tumblr posts and blogs

prapasara · 2 months ago

Text

Learn French for Beginners / เรียนภาษาฝรั่งเศสเบื้องต้น 2

Les repas français

(เล เฮรอ-ปา ฟรองเซ่)

มื้ออาหารฝรั่งเศส

ชาวฝรั่งเศสเห็นความสำคัญในการใช้เวลาบนโต๊ะอาหารอย่างมาก

ที่เคยได้ยินมาใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงเลยครับ

เพราะนี่คือโอกาสของการพูดคุยและสังสรรค์กัน

วันนี้จะมาดูกันว่าในหนึ่งมื้อที่ชาวฝรั่งเศสทานมีอะไรกันบ้าง

สามารถจำแนกเป็นจานหลักได้ดังนี้

1. L’entrée 2. Le plat principal 3. Le dessert

หากแต่รายละเอียดมีมากกว่านั้นอีกครับ ขอเรียงลำดับให้ดังนี้

1. Apéritif(อาเปริติฟ) หมายถึง เหล้าที่ดื่มก่อนอาหารเพื่อเรียกน้ำย่อย

เช่น เหล้าองุ่น Porto, เหล้า Suze เป็นต้น

2. Entrée(อองเทร่) หมายถึง อาหารจานเปิดตัว

Crudites

2.1 des crudités(เด ครูดิเต้) หมายถึง อาหารดิบจำพวกผักสด

เช่น des tomates(เด โตมัต) มะเขือเทศ, des concombres(เด กงก๊งเบรอะ) แตงกวา

2.2 de la charcuterie(เดอ ลา ชากูเตอครี) หมายถึง อาหารจำพวกเนื้อสัตว์

เช่น du saucisson(ดู โซซิซซง) ไส้กรอก, du jambon(ดู ชองบง) แฮม เป็นต้น

3. Plat principal(ปลา แพร็งซิปาล) หมายถึง อาหารจานหลัก

poisson-avec-legumes

ในจานอาหารหนึ่งอาจจะมีส่วนประกอบหลักยกตัวอย่างได้ดังนี้

de la viande(เดอ ลา วิออง(เดอะ) เนื้อสัตว์

de la volaille(เดอ ลา โวเล็ล(เลอะ) เนื้อสัตว์ปีก

du poisson avec des légumes(ดู ป๊วซซง อแวค เด เลกูม) เนื้อปลาและผัก

des pâtes(เด ปั๊ต(เตอะ) อาหารจานเส้น จำพวก มักกะโรนี สปาเกตตี้

du riz(ดู ครี) ข้าว

4. Salade(ซาล่าด(เดอะ) คือ สลัด

เป็นสลัดหลากหลายรูปแบบ เช่น salade verte(ซาล่าด แวค(เทอะ) สลัดผักใบเขียว ครับ

5. Fromage(ฟร็อมมาช) หมายถึง เนยแข็ง

ในรูปภาพคือเนยแข็งที่ขึ้นชื่อของฝรั่งเศส Camembert(กามังแบร์) เป็นของขึ้นชื่อจากแคว้น Normandie

ขาดไม่ได้เลยกับชนชาตินี้ หากจะเข้าสังคมในการทานอาหาร ต้องหัดทานเนยแข็งนะครับ

ในฝรั่งเศสมีเนยแข็งเป็นร้อยๆชนิด ลองหาชิมหาทานกันได้

6. Dessert(เดสแซร์) หมายถึง อาหารหวาน

gateau

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง gateau(กาโต้) เค้ก อย่างเดียว

แต่รวมถึง glace(กลาส) ไอศครีม และ fruits(ฟรุย) ผลไม้ ด้วย

7. Digestif(ดีเชสติฟ) หมายถึง อาหารช่วยย่อย

cognac2-150x150

เป็นจำพวกแอลกอฮอล์อีกแล้วครับ เช่น เหล้า cointreau, cognac(กอนยัค) บรั่นดี เป้นต้น

8. Café(กาเฟ่) หมายถึง กาแฟ

cafe

เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะรับประทานกันครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นเมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ส่วนใหญ่จะยึดเอาตามเมนู 3 แบบข้างต้นครับ

Quels vins?

(แก็ล แว็ง)

ไวน์ชนิดไหนดี?

ในสังคมฝรั่งเศสไวน์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในฐานะเครื่องดื่มที่จะต้องทานคู่กับอาหาร

แต่ไวน์ชนิดใดควรทานกับอาหารประเภทไหน เราจะมาดูกันครับ

1.Vin rouge(แว็ง ครุช) ไวน์แดง

vin-rouge

เหมาะที่จะทานคู่กับ

De la viande rouge(เดอ ลา วิออง ฮรุช) เนื้อสัตว์สีแดง

เช่น Boeuf(เบิฟ) เนื้อวัว, Mouton(มูตง) เนื้อแกะ

หรือแม้แต่ Gibier(ชิบบิเย่) สัตว์ที่ได้จากการล่า

Faisan(เฟซัง) ไก่ฟ้า และ Sanglier(ซังกลิเย่) หมูป่า เป็นต้น

2.Vin blanc(แว็ง บลัง) ไวน์ขาว

vin-blanc

เหมาะที่จะทานคู่กับ

Des fruits de mer(เด ฟรุย เดอ แมร์) อาหารทะเล

Des escargots(เด เซสกาโก้) หอย

Des poisson fumés(เด ป๊วซซง ฟูเม่) ปลาเผา รมควัน

Des poissons grillés(เด ป๊วซซง กรีเย่) ปลาย่าง

De la viande blanche(เดอ ลา วิออง บล็องช์) เนื้อสัตว์สีขาว

เช่น Porc(ปอร์) เนื้อหมู, Veau(โว) เนื้อลูกวัว, ฯลฯ

3.Vin rosé(แว็ง โรเซ่) ไวน์ชมพู

หรือ Muscat sec(มุซกา เซ็ค) ซึ่งเป็นไวน์องุ่นชนิดหนึ่งเช่นกัน

rose wine splashing on white background

เหมาะที่จะทานคู่กับ

Le dessert(เลอ เดซแซร์) ขนมหวาน

หมายความว่าทานได้กับขนมหวานหลายชนิดอย่างเอร็ดอร่อยเลยครับ

4. Vin doux(แว็ง ดู) ไวน์รสหวานนุ่ม

หรือจะเป็น Liqueur(ลิเกอร์) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสหวาน

liqueurs

เหมาะที่จะทานคู่กับ

Le café(เลอ กาเฟ่) กาแฟ

รสชาติของไวน์หรือเหล้าหวานนี้จะได้รสชาติดีกับกาแฟรสขมแน่นอนครับ

ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าจะทานอาหารคู่กับไวน์ให้อร่อยยิ่งขึ้น

ก็ต้องเลือกสรรให้ถูกเพื่อความละมุนสุนทรีย์ในมื้ออาหารนะครับ

La disposition à la française

(ลา ดิซโปซิซิยง อา ลา ฟรังแซส)

การจัดวางเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารแบบฝรั่งเศส

วันนี้เราจะมาดูกันว่าเวลาเราทานอาหาร มีอุปกรณ์อะไรบ้าง วางตำแหน่งใด และใช้อย่างไร

เผื่อวันใดที่เราจะต้องเป็นเจ้าบ้านรับเชิญแขกมาทานอาหาร จะได้จัดวางได้อย่างถูกต้อง

La-disposition-a-la-francaise

ภาชนะและตำแหน่ง

1. La fourchette(ลา ฟูร์แช็ต) ส้อม

1.1 La fourchette à viande(ลา ฟูร์แช็ต อา วิออง(เดอะ) ส้อมสำหรับเนื้อสัตว์

ตำแหน่ง : วางหงายขึ้น อยู่ทางด้านซ้ายของจาน

1.2 La fourchette à poisson(ลา ฟูร์แช็ต อา ป๊วซซง) ส้อมสำหรับปลา

ตำแหน่ง : วางถัดจากส้อมสำหรับเนื้อสัตว์ และวางหงายขึ้น

2. Le couteau(เลอ กูโต้) มีด

2.1 Le couteau à viande(เลอ กูโต้ อา วิออง(เดอะ) มีดสำหรับเฉือนเนื้อสัตว์

ตำแหน่ง : จัดวางด้านขวาของจาน และหันด้านมีคมเข้าหาจาน

2.2 Le couteau à poisson(เลอ กูโต้ อา ป๊วซซง) มีดสำหรับเฉือนปลา

ตำแหน่ง : จัดวางด้านขวาของจาน ถัดจากมีดเฉือนเนื้อสัตว์และหันด้านมีคมเข้าหาจาน

3. La cuillère à soupe(ลา กุยแยร์ อา ซุป) ช้อนสำหรับทานซุป

ตำแหน่ง : จัดวางไว้ขวาสุด หงายขึ้น ถัดจากมีดเฉือนปลา

4. La cuillère à dessert(ลา กุยแยร์ อา เดสแซร์) ช้อนสำหรับทานขนมหวาน

ตำแหน่ง : วางด้านบนของจาน ตัวช้อนหงายขึ้น

5. Le couteau à fromage(เลอ กูโต้ อา ฟรอมมาช) มีดสำหรับทาเนยแข็ง

ตำแหน่ง : วางด้านบนถัดออกไปจากช้อนสำหรับขนมหวาน หันด้านมีคมเข้าหาจาน

6. Les verres(เล แวร์) แก้ว

ตำแหน่ง : การจัดแก้วเรียงจากซ้ายไปขวา ใหญ่ไปเล็กครับ

6.1 Le verre à eau(เลอ แวร์ อา โอ) แก้วน้ำดื่ม

ตำแหน่ง : เป็นแก้วใหญ่วางด้านบนซ้ายสุด

6.2 Le verre à vin rouge(เลอ แวร์ อา แว็ง ครุช) แก้วไวน์แดง

ตำแหน่ง : วางถัดมาจากแก้วน้ำดื่ม

6.3 Le verre à vin blanc(เลอ แวร์ อา แว็ง บล็อง) แก้วไวน์ขาว

ตำแหน่ง : วางด้านขวาสุด

7. Les assiettes(เล ซัสซิแอ๊ต) จาน

ตำแหน่ง : จานอาหารจะต้องถูกจัดวางให้ห่างจากขอบโต๊ะ 1-2 เซนติเมตร

7.1 L’assiette de présentation(ลัซซิแอ๊ต เดอ เพรซองตาซิอง) ถือเป็นจานอยู่ด้านล่างสุด รองจานอื่นๆ

และจะใช้เมื่อถึงเวลาทานเนยแข็ง

7.2 L’assiette creuse(ลัซซิแอ๊ต เคริซ) จานหลุม เป็นภาชนะสำหรับทานซุป

7.3 L’assiette plate(ลัซซิแอ๊ต ปลั๊ต) จานแบน

เป็นภาชนะสำหรับอาหารหลัก เนื้อสัตว์ และเนื้อปลา

7.4 L’assiette à pain(ลัซซิแอ๊ต อา แป็ง) จานใส่ขนมปัง

วางด้านซ้ายถัดจากแก้วน้ำดื่ม อาจมีมีดทาเนยวางพาดบนจานด้วยก็ได้

เป็นยังไงบ้างครับกับความพิถีพิถันของชาวฝรั่งเศส อาจจะดูแล้วมึนงงหรือยุ่งยากเกินไป

ถึงกระนั้นเรารู้ไว้เป็นความรู้รอบตัว ไม่เสียหายอะไรจริงมั้ยครับ

Riz et Nouilles

(ครี เอ นุย)

ข้าวและก๋วยเตี๋ยว

ในบทความนี้ขอกล่าวถึงอาหารที่เราทานกันเป็นประจำ เป็นอาหารหลักเลยก็ว่าได้ มาดูกันว่าเค้าเรียกยังไงกันในภาษาฝรั่งเศส

เริ่มกันเลย

riz-decortique

(nm.) Riz décortiqué (ครี เดก๊อร์คติเก้) ข้าวสาร

riz-non-decortique

(nm.) Riz non décortiqué (ครี นง เดก๊อร์คติเก้) ข้าวเปลือก

สังเกตได้ว่ามีกริยา V.décortiquer แปลว่า ปอก, ลอกออก

คำว่า non แปลว่า ไม่

พอจะเข้าใจถึงความแตกต่างของสองคำนี้นะครับ

(nm.) Riz nature (ครี นาตูร์) ข้าวสวย

เห็นเพียวๆแล้วไม่รู้จะทานกับอะไรก็เอาไปผัดซะเลย

riz-sauté

(nm.) Riz sauté (ครี โซ๊ตเต้) ข้าวผัด

ข้าวผัด เราจะผัดกับอะไรดีละ

Riz sauté aux légumes (ครี โซ๊ตเต้ โอ เลกูม) ข้าวผัดผัก

Riz sauté au poulet (ครี โซ๊ตเต้ โอ ปูเล่) ข้าวผัดไก่

Riz sauté au porc (ครี โซ๊ตเต้ โอ ปอร์) ข้าวผัดหมู

ข้าวที่ทานแล้วอิ่มท้องนานต้องนี่เลย

riz-gluant

(nm.) Riz gluant (ครี กลูอ็อง) ข้าวเหนียว

หรือ Sticky Rice นั่นเอง

ต้องทานคู่กับ

Poulet grillé (ปูเล่ กรีเย่) ไก่ย่าง

Salade de papaye verte (ซาล่าด เดอ ปาปาย แวร์ค(ทึ) ส้มตำ

เมนูตอนเช้าที่หลายๆคนต้องทานคือ

soupe-au-riz

(nf.) Soupe au riz (ซุป โอ ครี) ข้าวต้ม

(nm.) Potage de riz (โปตาช เดอ ครี) โจ๊ก

มาต่อกันที่เมนูเส้น ดูซิว่ามีเมนูอะไรที่เราคุ้นเคยบ้าง

vermicelles

(nf.) Nouilles (นุย) ก๋วยเตี๋ยว

Pâte de nouilles sautées (ปั๊ต เดอ นุย โซ๊ตเต้) ก๋วยเตี๋ยวผัด

Nouilles de riz (นุย เดอ ครี) ขนมจีน

Nouilles de riz nappées de sauce (นุย เดอ ครี นั๊ปเป้ เดอ โซส) ขนมจีนราดน้ำยา

Nouilles nappées de sauce (นุย นั๊ปเป้ เดอ โซส) ราดหน้า

vermicells-aux-oeufs

Vermicelles aux oeufs (แวร์มิแซ็ล โอ เซอ) บะหมี่

Vermicelles au soja (แวร์มิแซ็ล โอ โซชา) วุ้นเส้น

Vermicelles de riz (แวร์มิแซ็ล เดอ ครี) เส้นหมี่

Salade pimentée de vermicelles au soja

(ซาล่าด ปิมองเต้ เดอ แวร์มิแซ็ล โอ โซชา)

ยำวุ้นเส้น

สุดท้ายแล้วสำหรับวันนี้

(nm.) Ravioli (ราวิโอลี) เกี๊ยว

มันคือแป้งบางๆที่นำมาประกบกันโดยมีไส้อยู่ข้างในครับ

วันนี้คงได้รับคาร์โบไฮเดรตกันถ้วนหน้าเลย ลองนำไปใช้กันดูนะครับ

Oeuf

(เอิฟ)

ไข่

ศัพท์สำหรับคนชอบไข่ ไม่ว่าจะไข่ดิบ หรือ ไข่ที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว จะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกันครับ

จำได้เลยครับว่าเช้าๆแม่จะต้องจ่ายตลาด และซื้อกลับมาตุนไว้ไม่ให้ขาด

oeuf

(nm.) Oeuf (เอิฟ) ไข่

Oeuf de poule (เอิฟ เดอ ปุล) ไข่ไก่

Oeuf de cane (เอิฟ เดอ กาน) ไข่เป็ด

Oeuf de quail (เอิฟ เดอ เก็ล) ไข่นกกระทา

แถมไม่ใช่แค่ฟองเดียวด้วย ต้องซื้อเป็นโหลเลย

(nf.) Douzaine (ดูแซน) แปลว่า โหล

Une douzaine d’oeufs (อวิน ดูแซน เดอ) ไข่หนึ่งโหล

Deux douzaines d’oeufs (เดอ ดูแซน เดอ) ไข่สองโหล

พอเดินกลับมาถึงบ้าน เมนูสุดฮิตที่จะทำทานแบบง่ายๆ ได้กำลังวังชายิ่งนัก

ก็มีดังนี้หละครับ

oeuf-a-la-coque

Oeuf à la coque (เอิฟ อา ลา ก๊อก) ไข่ลวก

Oeuf dur (เอิฟ ดูร์) ไข่ต้ม

สิ่งที่เห็นได้ชัดของไข่ลวกและไข่ต้ม คือ

Blanc d’oeuf (บล็อง เดิฟ) ไข่ขาว

Jaune d’oeuf (โชน เดิฟ) ไข่แดง

คำว่า Jaune แปลว่า สีเหลือง ไม่แปลกคับ เราก็เห็นอยู่ว่าไข่แดง

ออกโทนเหลืองๆส้มๆมากกว่าเสียอีก

(nf.) Omelette (ออมแล๊ต) ไข่เจียว

Oeuf au plat (เอิฟ โอ ปลา) ไข่ดาว

ศัพท์เมนูไข่ที่ผ่านกรรมวิธีที่ยุ่งยากมากขึ้น มีอะไรบ้างนะ

1.Oeuf au sirop parfumé au gingembre

(เอิฟ โอ ซีโร ปาร์คฟุมเม่ โอ แช็งช็องเบรอะ)

แปลภาษาไทยออกมาสั้นเชียว ไข่หวาน ครับ

2.Oeuf de cent ans (เอิฟ เดอ ซ็อง ต็อง)

แปลตามตัวหมายถึง ไข่ร้อยปี หรือ ที่เราเรียกว่า ไข่เยี่ยวม้า ครับ

3.Oeuf au caramel (เอิฟ โอ การาเม็ล)

ไข่ในน้ำเชื่อม ไข่ราดคาราเมล หรือ บ้านเราเรียกว่า ไข่ลูกเขย

ด้วยความที่มันมีเชื่อมหวานมาก เลยถูกเรียกแบบนั้นครับ

ทานไข่อย่างเดียวคงไม่อร่อยเท่ากับการได้เพิ่มรสชาติจากเครื่องปรุงรส

ที่เราก็คุ้นเคยกันดี

(nm.) Assaisonnement (อั๊ซเซซ็อนเนอมัง) เครื่องปรุง

กริยา V.assaisonner (อั๊ซเซซอนเน่) ปรุงรส

sauce-de-poisson-150x150

(nf.) Sauce de poisson (โซส เดอ ป๊วซซง) น้ำปลา

Sauce de poisson aux petits piments (โซส เดอ ป๊วซซง โอ เปอติ ปิม็อง) น้ำปลาพริก

Sauce au soja (โซส โอ โซชา) ซีอิ๊ว

Sauce au soja sucrée (โซส โอ โซชา ซูเคร่) ซีอิ๊วหวาน

Sauce de tomate (โซส เดอ โตมัต) ซอสมะเขือเทศ

Sauce de piment (โซส เดอ ปิม็อง) ซอสพริก

Sauce d’huître (โซส ดวิทเทรอะ) ซอสหอยนางรม

Viande et Fruit de mer

(วิอ็อง เอ ฟรุย เดอ แมร์)

เนื้อและอาหารทะเล

มาเพิ่มพูนคำศัพท์ด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์กันดีกว่าครับ

(nf.) Viande (วิอ็อง) เนื้อสัตว์

(nm.) Boeuf (เบิฟ) เนื้อวัว

(nm.) Porc (ปอร์) เนื้อหมู

(nm.) Canard (กานาร์) เป็ด

(nm.) Poulet (ปูเล่) ไก่

หากต้องการพูดถึงลูก��ิ้นว่าเป็นลูกชิ้นอะไร ให้เรียงคำดังนี้

Boulettes de + เนื้อชนิดนั้น เช่น

Boulettes de poulet (บูแล๊ต เดอ ปูเล่) ลูกชิ้นไก่

Boulettes de porc (บูแล๊ต เดอ ปอร์) ลูกชิ้นหมู

Boulettes de poisson (บูแล๊ต เดอ ป๊วซซง) ลูกชิ้นปลา

มาถึงหมวดอาหารทะเลกันบ้าง

poisson

(nm.) Poisson (ป๊วซซง) ปลา

Poisson d’eau douce (ป๊วซซง โด ดุซ) ปลาน้ำจืด

Poisson de mer (ป๊วซซง เดอ แมร์) ปลาน้ำเค็ม

Poisson-chat (ป๊วซซง ชา) ปลาดุก

(nm.) Thon (ตง) ปลาทูน่า

(nm.) Maquereau (มั๊กเกอะโร) ปลาทู

poisson-en-conserve

Poisson en conserve (ป๊วซซง ออง กงแซร์เวอะ) ปลากระป๋อง

Poisson fermenté (ป๊วซซง ��ฟร์มังเต้) ปลาร้า

Les-coques

(nm.) Coquillage (โกกิยาช) หอย

(nf.) Coque (ก๊อก) หอยแครง

(nf.) Huître (อวิทเทรอะ) หอยนางรม

(nf.) Moule (มุล) หอยแมงภู่

(nm.) Escargot (เอสการ์โก้) หอยทาก

Coque poché (ก๊อก โปเช่) หอยลวก

(nm.) Crabe (คร๊าบเบอะ) ปู

(nf.) Crevette (เครอแว๊ต) กุ้งฝอย, กุ้งตัวเล็ก

(nf.) Ecrevisse (เอเครอวิซ) กุ้งก้ามกราม

(nf.) Langouste (ล็องกุซเตอะ) กุ้งทะเลใหญ่, กุ้งล็อบสเตอร์

Les différents types de chocolat

(เล ดิฟเฟฮครัง ติ๊ป เดอ โชโกลา)

หลากหลายรูปแบบในความเป็น “ช็อกโกแลต”

หากแบ่งตามชนิดแล้ว ช็อกโกแลตก็จะถูกแบ่งออกได้ 3 ชนิดใหญ่ๆได้แก่

(nm.) Chocolat noir (โชโกลา นัวร์) ช็อกโกแลตดำ

ประกอบด้วยโกโก้อย่างน้อย 43% หากชอบความขม(Amertume) ปริมาณโกโก้จะอยู่ที่ 60 – 80%

รสชาติจะออก Amère (อะแมร์) ขม ครับ

Chocolat-au-lait

(nm.) Chocolat au lait (โชโกลา โอ เล) ช็อกโกแลตนม

ประกอบด้วยโกโก้ 25% และผลิตภัณฑ์นม 14%

รสออกหวานมัน

Sucré (ซูเคร่) หวาน

(nm.) Chocolat blanc (โชโกลา บล็อง) ช็อกโกแลตขาว

จะไม่มีส่วนผสมโกโก้ทั้งแบบเนื้อครีมและผงมาก

ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์นมอย่างน้อย 14%, เนยโกโก้อย่างน้อย 20%, น้ำตาล(Sucre) และแต่งกลิ่นวานิลลา

รสชาติของช็อกโกแลตนมและช็อกโกแลตขาว มักจะเป็นแบบ

Crémeux (เครเมอ) มีหัวนมมาก, Caramélisé (กาคราเมลิเซ่) ออกเนื้อคาราเมล

และ Beurré (เบอเคร่) รสสัมผัสแบบเนย

ช็อกโกแลตที่ถูกนำมาแปรรูปในรูปลักษณ์ต่างๆ มีอะไรบ้าง?

Beurre de cacao (เบอร์ เดอ กากาโอ) เนยโกโก้

ประกอบจากส่วนผสมของ

Huile de palme (อุย เดอ ปาล์ม) น้ำมันปาล์ม, ไขมันพืช

Beurre de karité (เบอร์ เดอ การิเต้) เนยจากต้น Karité หรือ Shea Butter นั่นเอง

ต้น Karité เรียกอีกอย่างว่า Tree of Life ปลูกมากอยู่ในทวีปแอฟริกาตะวันตก

Bonbon-du-chocolat(nm.) Bonbon de chocolat (บงบง เดอ โชโกลา)

หมายถึง ลูกอม หรือ ขนมช็อกโกแลตแบบพอดีสำหรับคำหนึ่ง

(nf.) Bouchée (บุชเช่) คำหนึ่ง

ที่ประกอบด้วยไส้แบบ Ganache หรือ Praliné สอดอยู่ข้างในแล้วเคลือบด้วย

Couverture de chocolat

คำกริยา V.enrober (อ็องโรเบ้) ห่อหุ้ม, เคลือบ

(nf.) Couverture de chocolat (กูแวร์ตู เดอ โชโกล่า)

คือ ช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบ คลุม ราดหน้าขนมหวาน

ที่มี่ส่วนประกอบจากโกโก้ เนยโกโก้ น้ำตาล และนมผง

อาจเป็นช็อกโกแลตดำ หรือช็อกโกแลตนมก็ได้แต่จะต้องประกอบด้วยเนยโกโก้ 32% เป็นอย่างน้อยเพื่อความเหลว นวล ละเอียด

Ganache (กานาช) คือ ช็อกโกแลตที่มีรูปและเนื้อรสสัมผัสเนื้อครีม(Crème)

ที่ไว้ใช้สอดไส้ทั้งในเนื้อเค้ก ในช็อกโกแลต หรือขนมชนิดอื่นๆ

อาจถูกปรุงแต่งด้วยน้ำหมักต่างๆ เช่น

(nf.) Infusion de menthe (แอ็งฟูซิยง เดอ ม็องเธอะ) น้ำหมักกลิ่นมิ้นท์

(nf.) Infusion de cannelle (แอ็งฟูซิยง เดอ กานแนล) น้ำหมักกลิ่นอบเชย

หรือเติมแต่งด้วยกลิ่นอื่นๆ เช่น

Zestes de citron (แซสเตอะ เดอ ซีทรง) เปลือกมะนาว

Café frais (กาเฟ่ เฟร) กาแฟสด เป็นต้น

Praliné1

Praliné (พราลิเน่) คือ ไส้ในของช็อกโกแลตที่ประกอบด้วยถั่วหรืออัลมอนด์

(nf.) Noix (นัว) ถั่ว = Walnut เช่น

Pistache (ปิสต๊าช) ถั่วพิสทาชิโอ

Pécan (เปกัง) ถั่วพีแคน

หรือจะใส่เป็นผลไม้แห้งก็ได้

Fruit sec (ฟรุย เซค) ผลไม้แห้ง

Truffe (ทรุฟ)

คือ เนื้อ Ganache ที่ถูกตีจนเป็นฟองให้เนื้อฟู แล้วโรยด้วยผงโกโก้

Poudre de cacao (ปูร์เดรอะ เดอ กากาโอ) ผงโกโก้

Poudre (ปูร์เดรอะ) แป้ง, ผง

CR :: มื้ออาหารฝรั่งเศส เรียนภาษาฝรั่งเศสด้วยตนเอง (educatepark.com)

#Learn French for Beginners #เรียนภาษาฝรั่งเศสเบื้องต้น

2 notes · View notes

thisisadidoo · 1 year ago

Text

Je suis remonté sur ma balance.

46.7kg puis 51.8kg puis 50.9, je pense qu’elle est cassée lol

Je viens d’en commander une nouvelle sur amazon elle à l’air incroyable j’ai hâte de vous la montrer

Je pense faire dans les 51.5kg… J’ai pas mal repris depuis octobre 2022, objectif premier 50kg ça devrait se faire rapidement (ça baisse vite au debut)

Objectif final à stabiliser sur du vrai long terme : maximum 48kg.

Je vous posterai des photos de mon corps, depuis que j’en avais parlé à mon copain j’avais arrêté ce compte et repris mon alimentation merdique c’était une mauvaise idée

Là actuellement bah je mange n’importe comment depuis des mois : quantité astronomique de merde sucrée le matin. J’emporte pas de déjeuner en pensant réussir à me priver le midi mais je trouve toujours des bêtises à grignotter. Je rentre chez moi vers 20h et c’est dîner pas saint du tout en grosse quantité : plat, tartine de fromage et super dessert

D’ailleurs désormais je ne rentrerai plus à 20h mais à 17h30 alors il faut que je m’empêche de prendre un goûter et que je reprenne contrôle sur mes repas, je vais réussir

Je fais ma liste de course demain, hâte de retrouver mes tomates cerises mon jambon mes haricots et mes galettes de riz :)

Bonus je m’inscris à la salle de sport dans quelques semaines puisque je n’ai plus l’occasion d’assurer mes 10 000 pas

2 notes · View notes

catherine-geoffray · 1 year ago

Text

09–06–23 La nuit commence à tomber. Le bateau se dirige vers la plage. À une dizaine de mètres du rivage, il coupe son moteur pour glisser sur son aire après avoir ouvert sa porte avant, pour libérer le flot des passagers. J’ai le sentiment de courir sur l’eau sans m’enfoncer pour franchir les quelques mètres qui me séparent du sable. La dernière fois j’étais trempée en arrivant sur la plage. Cette fois seules mes plantes de pied sont mouillées. Je suis partagée entre l’euphorie de cette traversée magique et le léger regret de ne pas m’être immergée dans cette eau noire qui ne me paraissait pas si hostile. Au moment de me mettre au volant de ma voiture, le simple fait de m’imaginer me contorsionner sur le siège pour me débarrasser de mes vêtements dégoulinants si je m’étais trempée, amenuise ce regret. J’ai promis à ma cousine qui arrive demain avec ses enfants par le même bateau, de venir les chercher. En effet, la présence d’enfants très petits risque de complexifier leur débarquement. Pour les accueillir, je prépare des sandwiches avec les restes : du riz froid et des frites mélangés à des bouts de jambon dont je fourre la mie d’une demie-baguette. Assis autour d’une table de pique-nique, les enfants attrapent les frites et les bouts de jambon et boudent le reste, alors je verse sur la table le riz froid et saisis une petite cuillère en bambou, abandonnée par d’autres pique-niqueurs, pour leur donner la becquée. Ils ouvrent grand leur bouche. L’amie qui me prête sa maison m’a demandé de baisser les stores en partant en laissant un petit jour. Je bloque celui du salon avec un vieux parapluie en plastique transparent, le même qu’utilisait ma mère sur l'île.

2 notes · View notes

valontheroad · 1 year ago

Text

Variations sur les chemins du soleil. Jour 3: L’éternel retour. On ne devrait jamais prévoir un retour

Ça commence plutôt bien avant de devenir ce que se doit d’être une étape de retour : un passage obligé avec beaucoup de moments chiants et des surprises que tu n’as plus la patience de prendre positivement. Je me réveille à 5h15 et décide qu’il est temps de me préparer lentement. Je me fais un petit dej royal: riz - jambon Serrano - oeuf. Je plie les gaules et lance le top départ vers 6h45.

La petite matinée commence avec des chemins bucoliques puis ça devient le bordel. Je trouve difficilement ce qui est censé être ma trace, je m’enfonce dans la forêt, je dois passer sous des arbres, puis par dessus, puis entre les ronces, le bordel quoi. Je me rends compte que je ne suis plus sur la trace alors que je n’ai vu aucune bifurcation. Tant pis je continue, le chemin finira bien quelque part. Je me mets à douter car ça devient de plus en plus la forêt vierge. Je manque de glisser avec le vélo dans la pente en dévers. Cette forêt est très très mal rangée ! Je rejoins finalement une petite oute au pris d’efforts démesurés face à la distance parcourue. Ce ne sera pas la dernière fois aujourd’hui. Je retrouve des petites routes, des chemins qui monte, je pousse parfois mais c’est plutôt cool. J’entame ensuite la descente vers la Via Rhona.

J’arrive sur Chanaz que je connais déjà et décide de ne pas m’y arrêter, je prendrais un second petit déjeuner plus loin d’ici à Seyssel. Je rattrape un Bikepacker en VTT, un allemand qui fait une sorte d’européanisations divide. Il est parti il y a six semaines du Portugal et va poursuivre jusque Bâle puis rentrer chez lui en train. On fait un petit bout de route ensemble et c’est fort sympathique. On se quitte à Culoz et là je prends un chemin de halage qui va m’amener jusque Seyssel. Sauf qu’il reste pas mal de kil, que j’ai le vent de face et que ça s’avère très chiant. Je prends mon mal en patience mais c’est dur pour le moral. Je mets la tête dans le guidon et je fais l’erreur de regarder de temps en temps ma trace qui reste invariablement droite.

A Seyssel je fais un arrêt Boulange café et je vois un Kougn Aman seul dans la vitrine au milieu des croissants qui semblent lui porter un regard mauvais. Je pris pour que les gens devant moi dans la queue ne le voient pas, je suis prêt à me battre. Mon tour arrive “dites moi ce ne serait pas un Kougn Aman dans la vitrine ?”-”Mais oui cher monsieur” - “Et bien servez-le moi gente damoiseau”. J’en ai déjà la salive aux bords des lèvres.

Après la pause je relance et je sais que quelques côtes m’attendent pour remonter le Rhône. Je passe par des chemins de collines similaires à ceux du deuxième jour. J’accuse tout de même la fatigue et le manque de concentration qui en découle se paie cache. Sur une fin de descente anodine je vois qu’à la fin du virage, m’attend une grosse flaque de boue. Je freine un peu en urgence alors que j’ai le temps, mais à l’endroit où je suis il y a aussi un peu de bout. Je perds le contrôle du vélo et me jette en avant pour entamer un roulé-boulé et anticiper la chute. Je me relève sans véritable bobo ni pour moi ni pour le vélo (seule ma gourde a pris un pet). Le petit coup d’adrénaline m’a réveillé, c’est reparti. Je décide de ne pas suivre ce que j’avais tracé pour rejoindre la Suisse car ça me semble bien raide en descente comme en montée afin de passer de l’autre côté du Rhône et que je ne me sens pas assez alerte pour gérer ça convenablement. Connaissant le coin pour y être souvent passé sur de la longue distance sur route, je sais où me diriger et j’improvise quand je peux prendre des petites routes ou chemins de travers. Après quelques découvertes qui valent le coup, je rejoins la Via Rhona puis je prends des chemins pédestre sur Suisse techniquement bien costauds mais aussi assez superbes.

Malheureusement ce sera de courte durée car une fois que je rejoins ma trace initiale, je me rends compte qu’elle ne prend qu’une piste cyclable jusqu’à Genève alors qu’il reste un sacré fichu paquet de kilomètres. Je ne vois pas trop d’autres itinéraires et j’avoue ne pas avoir envie de prendre le temps car il faut que j’enquille des bornes. J’ai le vent de face et c’est sans doute une des routes les mieux classées au monde dans l’échelle des plus chiantes. Je passe un long mauvais moment où je peste contre les suisses, contre komoot et contre moi-même qui n’ait pas vérifié cette partie de la trace. J’ai envie de descendre de vélo et de taper quelqu’un gratuitement. Je pourrai faire un peu d’introspection et analyser ce qu’il s’est passé en moi pendant cette phase de ma vie de cycliste - chiant - chiant - chiant - CHIANT !

J’arrive tant bien que mal à Genève et là c’est à nouveau le bordel. Les feux ne marchent pas, tout le monde traverse en même temps, c’est bourré de monde. Putain mais les Suisses ne sont pas censés être organisés ? Je comprends quand j’arrive sur les quais. Il y a la fête “le feu O lac”. Toutes les berges sont interdites à la circulation, ce qui explique le bordel ailleurs. Il y a des stands de partout, des scènes musicales, c’est assez ahurissant. Je profite de la route libre , comme ses enfants et adultes qui font du rouler, du skate ou de vélo en toute sécurité sur cette vaste avenue. Mais c’est comme ça qu’elle devrait être la vie non ?

Après une pause Samossa trop épicé, je repars pour le dernier round. Je sais que l’est il y a plein de petites routes et de chemins, mais komoot s’escrime à me faire passer tout droit par les routes les plus chiantes. Je me demande s’il n’y a pas un complot international dans lequel la Suisse exige de komoot qu’il ne fasse pas passer les vélos sur ses itinéraires piétons. Quand on pense que parfois sur les cartes françaises ce logiciel vous fait faire un détour de 3km par des chemins impraticables pour éviter 100m de route, c’est normal d’avoir des doutes non ? Comme disait l’ami Pierre “ce n’est pas parce que je suis pas parano qu’ils ne sont pas tous après moi”. Du coup j’improvise. Je pars à droite et je trouve en effet plein de petits chemins beaucoup plus agréable. Je passe la frontière et là, la trace daigne à nouveau passer par des chemins. Pour le pire. Vous me direz que je suis jamais content. Mais qui l’est à 20-30 bornes de chez lui, le vent dans la gueule et l’envie d’en finir ? Je me retrouve dans une forêt marécageuse à pousser 80% du temps. Le vent à fait aussi son oeuvre et me propose une course de haie.

Je sors de la forêt et décide de ne pas passer par la dernière montée que komoot avait tracé. Je suis fatigué et je n’ai pas envie de me gamelle juste avant l’arrivée. Je me dis que je vais donc passer par le bas-chablais que j’ai pas mal fréquenté quelques années plus tôt. Je connais des chemins, oui, mais je ne vais pas les retrouver, du moins pas au début. J’improvise en regardant de vagues traces sur mon GPS. Je m’embourbe, me retrouve dans la forêt sans plus de chemins à suivre. Je fais du hors sentier pour sortir de la forêt, puis je coupe à Traver s un champ de mais jusqu’à retrouver un chemin. Je suis Rambo et je veux rentrer maison. Le reste est anecdotique, je vais finir par rentrer et j’oublierai vite les contrariétés pour garder toutes ses images colorées de vert, cette sensation à l’air libre dans laquelle je baigne pendant ce genre de voyage et qui m’imprègne encore quelques jours ensuite, me donnant qu’une seule envie: repartir au plus vite. Un jour peut-être sans avoir à prévoir un jour de retour ?

Bilan de la journée: 140km. 1460 D+ et 1250 descente en 11h

Trace finale

2 notes · View notes

chaotictomtom · 2 years ago

Text

terrible comment faire les courses c'est de pire en pire j'ai de moins en moins de vivre à chaque fois, 2 cheques alimentaires d'aide exceptionnelle donc 20 balles on a même pas un sac entier de course. un sac de course là. à peine moitié rempli. en prenant que de la marque netto premier prix, quelques conserves, des pâtes, du riz et 4 tranches de jambons c'est bon t'en a pour un rein c'est juste déprimant. derrière les seuls droits qu'on peut accéder font que descendre et chaque jour tu peux avoir la surprise que tu peux perdre ton seul revenu pour vivre.

#ON VIT DANS UNE SAUCISSE OLALA mais genre pour de vrai j'ai tellement envie de crever c'est hallucinant #tomtom_is_rambling #tomtom_communique #tomtom veut se defenetrer highkey parce que c'est épuisant d'être pauvre en france

1 note · View note

moulin-girault · 2 months ago

Text

A la table du moulin,

Tomate du jardin, basilic, mozzarella, jambon de Parme.

Saumon cuisson basse température, ratatouille et riz à la tomate

Couronne de chèvre de Touraine

Tarte vigneronne,

Chinon rouge 2023 de Nicolas Pointeau !

#artdevivre #lifestyle #gastronomie

0 notes

celineoshara · 1 year ago

Text

auj j’ai mangé du riz à l’ail et jambon

1 note · View note

bigoudibouclebrunes · 1 year ago

Text

Bigoudi Bouclebrune et la Communauté de l’Auto (chapitre 2)

« Dans mon temps, c’était très clair, on avait juste deux sexes. Les Madames pis les Monsieurs. Les madames pouvaient être belles, avoir des enfants pis être silencieuse. Pis les monsieurs pouvaient juste travailler jusqu’à se tuer pour faire vivre la famille. C’était comme ça et tout le monde était satisfait… mais là, les jeunes woks détruisent toute cette simplicité-là! Comme si c’était déjà compliqué au départ! Comme si on comprenait pas nos propres corps! Comme si l’humain était poche pour catégoriser les choses! Là, on a plein de genres, plein d’identités sexuelles, plein de façon de s’habiller, les Madames peuvent travailler ou pas, ne pas avoir d’enfants et être bin correctes avec ça. Ça, j’ai rien contre… mais forcer les monsieurs à faire plus? À s’occuper des zinfins? À parler de ses émotions? Arrêter de pincer les fesses des madames en faisant des clins d’œil? Ah, ça, c’est non! Pis dire qu’on peut être autre chose? Quelle hérésie! Nenon, les woks qui veulent que les gens soient biens dans leur vie, qu’ils soient heureux! Quossé ça! Nous autres, on était malheureux dans mon temps, pis on chiâlait pas pantoute!!! Par exemple, je vais vous partager une histoire inventée qui pourrait être vraie…»

Bigoudi ferma alors la chronique de Dick Tartineau, chroniqueur du Journal du Mordor en soupirant. Il se demandait bien combien de temps quelqu’un pouvait survivre tout en étant mort en-d’dans… et selon l’âge de M. Tartineau, Bigoudi en conclu que c’était 61 « and counting » comme disait les plus jeunes. Depuis que la Communauté de l’Auto avait pris la route pour aller détruire l’Anneau de GrosCon, ils avaient rarement eu le temps de prendre des pauses. Ils suivaient tous les indications de Grandoulf ou de Laurentgorn Duvernay-Tardif, fils de Françoisthorn Tardif, ancien roi du Gondor. Ils avaient été rejoint par un grand flan mou parlant aux oiseaux et aimant les Triscuit, prénommé Legranslack, un homme grognon de petite taille, du prénom de Kimchi, le fils du Protecteur du Gondor et adepte des civics modifiées et des chest-bras, du nom de Broromir ainsi que de certains des amis de Bigoudi, dont son jardinier, Samsage Grenadier, Méridien Brandiboucle et Pépin Tuque. Cette bande de joyeux lurons s’était arrêtée sur la route des Montagnes Enneigées, près du tire-fesse de la station de ski du Mont Vibrant. Bigoudi avait pu déguster du couscous aux carottes, zucchinis, poulet et saucisses merguez, des brochettes aux trois viandes sur du riz pilaf, un beau gros club sandwich accompagné d’une salade césar, un salade de tomate aux bocchonccinis et basilic frais, quelques petites croquettes de thon et saumon sur lit de salade verte, une pizza aux 4 fromages, aux amandes et aux cubes de jambon rôti, des frites de patates douces, de patates russet et de navet avec une petite mayonnaise épicée et juste assez sucrée. Il y avait du pain brioché, du pain de seigle, un immense pain au babeurre ainsi que différente sorte de beurres, dont un beurre au thym et sel de mer et un beurre à l’érable et au bacon. En dessert, les petits fruits des champs faisaient leur grand retour et traînaient dans des bols appropriés avec de la crème fouettée. Un gâteau au chocolat et crème au beurre au cacao noire avait été séparé pour tous les convives. Ainsi se présentait leurs minuscules vivres qu’ils se devaient de bien garder pour la route.

Legrandslack avait aussi apporté des triscuits en quantité industrielle ainsi que des barre-tendres ValNature et avait dit : « C’est du mangé d’elfe… ça peut nourrir une armée avec yinque les miettes. »

Ce à quoi Kimchi avait répondu d’un ton brusque « C’est ça qu’tu nous dit, mais moé, j’sais bin que ça goûte le yâb’, tes affaires pis que l’armée va préférer mourir de faim que de manger ça… ». Grandoulf répliqua : « Voyon’ mes amis… ne vous disputez pas pour si peu… nous avons assez de vivres pour… »

« Pour rebrousser chemin, Grandoulf. Dit alors Laurentgorn Duvernay-Tardif. Regardez! »

Et il pointa une immense colonne de fumée provenant du Nord. « La forêt du Nord brûle, Grandoulf. »

Nos compères regardèrent la fumée, attérés. Il semblait que le ciel s’était embrasé, soudainement. De la cendre tombait à l’horizon. « Nous sommes tous coupables de cet acte, Laurentgorn… nous avons fermés les yeux trop longtemps. » dit Grandoulf.

Ce à quoi retentit un étouffement charactéristique… un gros TADROSS! TADROSS!

C’était Conspiragollum. Ce dernier s’approcha du campement, alléché par les vivres. « C’est pas nouveau, les forêts qui brûlent, TADROS! C’est pas nouveau! Ça arrive chaque année… TADROS! TADROS! Faut pas capoter avec ça, mes précieux… c’est normal. TADROS! Voulez-vous acheter des bitcoins? TADROSS! »

« Arke, bro. » Répliqua enfin Broromir avant de se flexer les pipes d’un air menaçant. « Approche pas, bro. T’es pas cool. » Il avança d’un pas pour intimider l’ennemi. « C’paske… cette année, c’est pire que d’habitude, là… » commença-t-il.

« TADROS!! C’est pire cette année, mon précieux? C’EST ÇA QUE LES MERDIAS DISENT! TADROSS! TADROSS! »

« Ne lui parlez pas, Broromir! Il est corrompu jusqu’à la moëlle! » dit alors Grandoulf. « Allez! Fichons le camp d’ici. Nous trouverons un autre chemin. En attendant… Conspiragollum, j’aimerais que tu m’expliques en quoi les pyramides ont été faites par les Atlantes. »

« TOUT LE MONDE SAIT ÇA! N’avez-vous pas vu, TADROS! Que la pyramide de Khéops a 8 faces?! TADROSS! 8 FACES, MON PRÉCIEUX! Si on le divise ce nombre par la grandeur des couloirs ainsi que de l’entrée de la Grande Pyramide, mes précieux, on obtient le nombre d’or… LE NOMBRE D’OR! TADROSS! »

Sur ces paroles, nos comparses prirent leurs effets en quadruple vitesse et déguerpirent, laissant à Conspiragollum la chance de dire toutes ses étrangetés à la boucane qui venait vers lui.

Après plusieurs jours de marches sans réel répit, nos amis allèrent au passage secret menant aux Mines de la Malartic. Kimchi rêvait de revenir ici. Il l’avait dit à Grandoulf. Mais autour des rives du lac de couleur cuivre devant les portes des mines, un vent chaud et souffrant soufflait sur la Compagnie… « On aurait peut-être dû prendre le tire-fesse, dit Broromir. »

- Je n’aime pas trop cet endroit, dit alors Bigoudi à Grandoulf.

- Eh bin, mon ti-gars, tu sauras que c’est le meilleur endroit pour nous! Dit alors Kimchi. C’est la mine de mes ancêtres! On cherchait des quossins bons pour la santé, genre… de l’Asbestos, pis on a trouvé de l’or!

- Eh bien, répondit Grandoulf, je n’aurais jamais emprunté ce passage si je n’avais pas eu le choix… et les immenses feux de forêts ainsi que les clones de Nantelroumanes parcourent les Montagnes enneigées… il était grand temps que nous partions. Surtout avec la venue de Conspiragollum. Bon… ceci étant dit, il me faut trouver le mot de passe pour entrer dans les mines… hum… Kimchi, mon cher, que veut dire « Dites le nom de cet endroit, quel festin et toute une ambiance et entrez »?

Kimchi haussa les épaules. « C’était avant mon temps, ça, Grandoulf. ».

Bigoudi alla s’asseoir avec ses amis hobbits. Pépin s’amusait à lancer des roches dans l’eau du lac, alors que Samsage et Méridien parlaient de la culture du cannabis et ce qu’ils devaient faire pour avoir le meilleur plant en santé possible. Samsage avait même donner quelques petits trucs pour faire pousser des champignons magiques… C’est alors que Laurentgorn pris le bras de Pépin et l’empêcha de lancer la dernière pierre de sa pile.

« Heille! Lâche-moé! Cria Pépin.

- Il semblerait que si vous continuiez, vous dérangiez une menace encore plus grande que nécessaire… répliqua d’un ton alarmant Laurentgorn. »

En effet, des remous dans l’eau firent peur à nos comparses qui ramassèrent leurs affaires et s’empressèrent d’aller voir Grandoulf. Puis, une immonde créature déploya des tentacules géantes et menaça la Compagnie.

« ARKE!!! ÇA RESSEMBLE À UNE SUBURBAN QUI DÉBOULE!!! Cria Broromir. »

Un cri strident retenti… MA VÉRITAAAAAAAY!!!! MON RESSENTIIIIIIII! REEEEEEEEEEEEEE!!! MES CRISTAUX QUI RALIGNENT MES SHAKRAAAAAS!!!! BOOSTEZ LE STÈMUNITAIIIIIRE!!!

« Ah non! Cria Grandoulf… C’EST ANAL INFORMATION!!! LA CRÉATURE DU LAC PLEIN DE MÉTAUX LOURDS! puis, il prit son bâton de sagiciel, l’appuya sur l’entrée, puis cria enfin BARBIE’S RESTOBAR GRILL!!! QUEL ENDROIT, QUEL FESTIN ET TOUTE UNE AMBIAN-ANCE! »

Puis, la porte s’ouvrit en chantant « ha ha ha ha ha ha ha BARBIES! » et nos camarades s’y engoufrèrent, Pépin s’étant fait donné un sacré coup de tentacule sur le péteux.

Bigoudi reprit ses esprits… ils se trouvaient dans les Mines de la Malartic… mais le regard de Grandoulf ne le rassura guère… il savait qu’ils n’étaient pas au bout de leur peine… loin de là. Après les feux et les conpis… que leur restaient-ils donc à affronter dans ces mines? Fin du chapitre.

#bigoudi bouclebrunes #grandoulf #middle earth #fanfiction #recettes

0 notes