Tumgik
#พริกขี้หนู
meechott · 2 years
Text
พริกขี้หนูกับปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
พริก มีการบันทึกว่าพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 7,000 ปี ก่อนคริสตกาลที่ประเทศเม็กซิโก sa gaming  ผู้ค้นพบคือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบทวีปอเมริกานั่นเองพริก เป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทยคนไทยบริโภคพริกเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว จึงพบว่าพริกเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารไทย
ผลต่อการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด
ถ้าเกล็ดเลือดมีการจับกลุ่มกันง่าย หรือมากกว่าปกติจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น เพราะเลือดสามารถจับตัวกันเป็นก้อนแล้วอาจไปอุดกั้นหลอดเลือดโดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ก็จะทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด มีการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่าแคปไซซินสามารถลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดได้ และจากการศึกษาในคนพบว่าเมื่อให้กินพริกขี้หนูสด 5 กรัมสับละเอียดพร้อมน้ำ 1 แก้วแล้ววัดค่าการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดหลังจากกินทันที จนถึง 1 ชั่วโมงหลังกินพบว่ามีการยืดระยะเวลาของการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดออกไป ซึ่งผลนี้ส่งผลภายใน 30 นาทีหลังจากการกินพริกเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นในการศึกษาในระยะยาวคือ 4 สัปดาห์ ให้คนกินพริกขี้หนูวันละ 5 กรัม พร้อมอาหารปกติ พบว่าหลังกินแล้ว 4 สัปดาห์ การจับกลุ่มของเกล็ดเลือดก็มีการยืดระยะเวลาออกไปเช่นกัน
ผลต่อการละลายลิ่มเลือด
หากมีความผิดปกติของการละลายลิ่มเลือด สมัครสมาชิก sa gaming โดยที่มีการละลายลิ่มเลือดได้น้อยหรือเลือดแข็งตัวมากกว่าปกติทำให้เสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น เพราะมีลิ่มเลือดไปอุดกั้นในหลอดเลือดหัวใจได้หรือถ้าไปอุดกั้นหลอดเลือดที่สมอง ก็อาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้แคปไซซินมีผลต่อการละลายลิ่มเลือดจากการศึกษาที่ผ่านมามีการทดลองให้นักศึกษาแพทย์ของไทยกินพริกขี้หนู 2 ช้อนโต๊ะพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวทำให้มีการละลายลิ่มเลือดเพิ่มขึ้น(โดยการวัดค่าEuglobulin Lysis Time) ซึ่งส่งผลทันทีทันใดหลังกิน และนอกจากนั้นยังพบว่าไฟบริโนเจน (ซึ่งเป็นตัวสำคัญในกระบวนการหยุดเลือด) ถ้าหากมีปริมาณมากไป ก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่เป็นโรคหัวใจจากการศึกษาดังกล่าวพบว่าคนไทยมีปริมาณไฟบริโนเจนในเลือดต่ำกว่าของชาวอเมริกันที่อาศัยในประเทศไทยสำหรับการศึกษาของผู้เขียนได้ศึกษาการละลายลิ่มเลือดโดยวัดเอนไซม์ตัวหนึ่งในกระบวนการละลายลิ่มเลือดที่ชื่อว่าทิชชูพลาสมิโนเจน เอ็กทิเวเตอร์ (tissue plasminogen activator ; TPA) จากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด จะมีจำนวน TPA มากกว่าคนปกติ เมื่อทำการศึกษาโดยให้กลุ่มตัวอย่าง 12 คน กินพริกขี้หนูสดจำนวน 5 กรัม แล้วเจาะเลือดดูเอนไซม์ TPA พบว่าปริมาณ TPA ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ภายในเวลา 30 นาทีหลังกินซึ่งนั่นก็หมายถึงพริกขี้หนูน่าจะมีผลต่อการละลายลิ่มเลือด
ผลต่อระดับไขมันในเลือด
มีการศึกษาพบว่าพริกและแคปไซซินสามารถยับยั้งการดูดซึมไขมันและลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรในหนูได้ และจากการศึกษาโดยการให้หนูกินอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น(ได้แก่ โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ วีแอลดีแอล และแอลดีแอล) และเมื่อให้หนูกินพริก และแคปไซซิน เข้าไป ทำให้ระดับไขมันในเลือดดังกล่าวลดลง นอก จากนั้นยังมีการศึกษาที่พบว่าแคปไซซินและพริกลดการสร้างไขมันในร่างกายได้อีกด้วยสำหรับการศึกษาของผู้เขียน เข้าเล่น sa เป็นการศึกษาในคนไข้ที่มีไขมันในเลือดสูงแล้วแบ่งกลุ่มให้กินพริกขี้หนู 5 กรัมร่วมกับอาหารปกติ เป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมคือไม่กินพริก พบว่าภายหลัง 4 สัปดาห์ ไขมันโคเลสเตอรอลทั้งหมด (total cholesterol) แอลดีแอล (LDL) และและเอชดีแอล (HDL) ในกลุ่มที่ไม่กินพริกสูงขึ้น แต่ในกลุ่มที่กินพริกระดับไขมันโคเลสเตอรอลทั้งหมด (total cholesterol) แอลดีแอล (LDL) ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เอชดีแอล (HDL) สูงขึ้น
0 notes
prapasara · 3 months
Text
Tumblr media
16 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพง่าย ๆ อร่อยดีมีประโยชน์
1. ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
          ใครชอบกินเมนูปลาอยากให้ลองทำเมนูปลากะพงย่างซอสมิโซะ จับปลากะพงไปย่างแล้วทาซอสมิโซะ เสิร์ฟกับข้าวสวยญี่ปุ่น เพิ่มเติมผักลวก
ส่วนผสม ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
เนื้อปลากะพง (แล่เป็นชิ้น) 300 กรัม
มิโซะ 80 กรัม
มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
น้ำมันพืช (สำหรับทาตะแกรง)
หัวไช้เท้าขูด
ข้าวสวยญี่ปุ่น
วิธีทำปลากะพงย่างซอสมิโซะ
     1. นำมิโซะและมิริน เทใส่กระทะ ตั้งไฟอ่อน กวนผสมจนเข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้      2. ตั้งไฟสำหรับย่าง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วตะแกรง ทาซอสมิโซะ (ในข้อ 1) ให้ทั่วเนื้อปลากะพง นำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุก จัดเสิร์ฟพร้อมกับหัวไช้เท้าขูด และข้าวสวยญี่ปุ่น
ดูวิธีทำ ปลากะพงย่างซอสมิโซะ เพิ่มเติมคลิก
2. ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ
          ต้นเดือนแล้วจัดเมนูปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิสักมื้อ มาพร้อมวิธีทำซอสเทอริยากิ พอย่างจนสุกก็ราดซอสเทอริยากิลงไป กินกับข้าวสวยร้อน ๆ
ส่วนผสม ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ
เนื้อปลาแซลมอนติดหนัง (น้ำหนักประมาณ 150-200 กรัม) จำนวน 1 ชิ้น
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ
เหล้าสาเก 3 ช้อนโต๊ะ
เหล้ามิริน 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักลวกตามชอบ (เช่น แครอต บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น)
วิธีทำปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ
     1. ใส่ซีอิ๊วญี่ปุ่น เหล้าสาเก เหล้ามิริน และน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้      2. หมักเนื้อปลาแซลมอนกับส่วนผสมซอสเทอริยากิ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที พอครบเวลาให้ซับเนื้อปลาให้แห้ง เตรียมไว้      3. นำซอสที่เหลือจากการหมักปลาใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เติมน้ำตาลทรายประมาณ 2 ช้อนชา เคี่ยวจนเดือด ยกลงจากเตา เตรียมไว้      4. นำกระทะสำหรับย่างขึ้นตั้งไฟ วางเนื้อปลาลงบนกระทะ ทาด้วยซอสเทอริยากิที่เตรียมไว้ให้ทั่วจนสุกทั้งสองด้าน ตักใส่จาน ราดด้วยซอสเทอริยากิที่เหลือ แต่งด้วยผักลวกตามชอบ
ดูวิธีทำ ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ เพิ่มเติมคลิก
3. แกงเลียง
สูตรจาก คุณปูขาเก เซมารู
          เมนูแกงเลียงหาอร่อยถูกปากยาก ถ้าทำกินเองรับรองฟินกว่าค่ะ ใส่ผักสารพัดเพื่อสุขภาพ มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงเลียง ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ใบแมงลัก
ส่วนผสม แกงเลียง
พริกไทยดำ 1+1/2 ช้อนชา
กระชาย 1-2 แง่ง
หอมแดง 3-4 หัว
กะปิ 1 ช้อนชา
กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
บวบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
ซูกินี หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
ข้าวโพดอ่อน หั่นสไลซ์ 150 กรัม
เห็ดกระดุม 150 กรัม
กุ้งสด 200 กรัม
ใบแมงลัก 80 กรัม
น้ำปลา (ปรุงรส)
วิธีทำแกงเลียง
     1. เตรียมเครื่องแกงก่อน โดยโขลกพริกไทยกับกระชายแล้วใส่หอมแดงลงไปโขลกให้ละเอียด ตามด้วยกะปิ โขลกรวมกัน จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้งป่นลงไปโขลกรวมกันอีกครั้งให้ละเอียดเป็นอันเรียบร้อย      2. ใส่น้ำซุปไก่ลงในหม้อ ต้มให้เดือดแล้วใส่เครื่องแกงลงไป      3. พอน้ำแกงเดือดก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน ต้มพอเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักที่เหลืออื่น ๆ ลงไป (จริง ๆ ขึ้นอยู่กับการหั่นด้วย อย่างฟักทองหั่นชิ้นเล็กก็จะสุกไว) พอน้ำเดือดปุ๊บก็ใส่บวบ ฟักทองอ่อน ซูกินี และเห็ดลงไป      4. พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งสดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ ชิมรส      5. พอส่วนผสมเดือดอีกครั้งก็ใส่เสน่ห์ของแกงเลียงลงไป คือ ใบแมงลักนั่นเอง ตักเสิร์ฟร้อน ๆ ซดน้ำให้ชุ่มคอชื่นใจ หวัดหายสบายดี
4. ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
สูตรจาก คุณ Wittra_tt สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          พร้อมแซ่บกับเมนูต้มยำอกไก่ใส่เห็ด ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกกับน้ำปลา ใส่พริกขี้หนูพอมีรสเผ็ด โรยผักชีฝรั่งเพิ่มความหอม
ส่วนผสม ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
เครื่องต้มยำ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
หอมแดง (แกะเปลือก) 4-5 หัว
พริกขี้หนู (ทุบพอบุบ)
เห็ดฟาง
มะเขือเทศสีดา
มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว
อกไก่หั่นชิ้นบาง ๆ
ผักชีฝรั่ง
วิธีทำต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
     1. ตั้งน้ำให้เดือด ปริมาณน้ำก็ดูตามความเหมาะสมนะ ถ้ากินคนเดียว ใส่พอให้ได้ชามเล็ก ๆ ก็พอ      2. ใส่เครื่องต้มยำ ข่าก็ทุบ ๆ ใส่ลงไปสักสองชิ้น อย่าใส่เยอะนะเดี๋ยวจะมีรสฝาด ตะไคร้ก็ทุบ ๆ เหมือนกัน แล้วก็หั่นสักหน่อยเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงไปให้พอหอม ตามด้วยหอมแดงจะช่วยให้น้ำต้มยำหวานอร่อย และมะเขือเทศสีดา ใส่ให้ช่วยเพิ่มรสเปรี้ยว      3. พอทุกอย่างเดือดเข้าที่ ให้ใส่อกไก่หั่นชิ้นลงไป รอจนสุก ใส่เห็ด      4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ยกหม้อต้มยำลงจากเตาได้      5. จากนั้นก็ฉีกใบมะกรูดโรยหน้า ใส่พริกขี้หนูทุบเพิ่มความเผ็ด และโรยผักชีฝรั่ง ถ้ายังเปรี้ยวไม่สะใจบีบมะนาวเพิ่มนะคะ หรืออ่อนรสใดไปก็ค่อย ๆ เติมจนได้รสที่ถูกปากนะ แต่อย่ารสชาติสุดโต่งเกินไป ไม่เค็มมาก ไม่เปรี้ยวมาก สงสารกระเพาะนะ
ดูวิธีทำ ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด เพิ่มเติมคลิก
5. ข้าวอ��ธัญพืชกับกุ้งหมักน้ำผึ้งกระเทียม
สูตรจาก นิตยสาร @Kitchen
          แค่จานเดียวก็อิ่มแล้วกับเมนูข้าวอบธัญพืชกับกุ้งหมักน้ำผึ้งกระเทียม จับกุ้งหมักกับน้ำผึ้งและกระเทียมแล้วเอาไปผัดจนสุก สุดท้ายราดบนข้าวธัญพืช
ส่วนผสม กุ้งซอสน้ำผึ้งกระเทียม
กุ้งสด (ตามชอบ) 8 ตัว
น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วย
กระเทียมสับ 2-3 กลีบ
ข้าวสารผสมธัญพืช 2 ถ้วย
น้ำซุป หรือน้ำสต๊อก 3 ถ้วย
ผักลวกตามชอบ (สำหรับเสิร์ฟ)
ไข่ออนเซ็น (สำหรับเสิร์ฟ)      
วิธีทำกุ้งซอสน้ำผึ้งกระเทียม
     1. ผสมน้ำผึ้ง ซีอิ๊วขาว และกระเทียมให้เข้ากัน ใส่กุ้งลงไปหมักอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน      2. หุงข้าวโดยใส่ข้าวสารผสมธัญพืชและน้ำซุปลงในหม้อหุงข้าว คนให้เข้ากัน แล้วหุงตามปกติ      3. ตั้งกระทะใช้ความร้อนปานกลาง ใส่กุ้งลงไปเรียงให้เต็ม ใส่น้ำหมักลงไปครึ่งหนึ่ง รอจนกุ้งสุกตักขึ้น เทน้ำหมักที่เหลือลงไปเคี่ยวจนงวดสำหรับเป็นน้ำซอสราด      4. เสิร์ฟกุ้งพร้อมข้าว ผักลวก และไข่ออนเซ็น
ดูวิธีทำ ข้าวอบธัญพืชกับกุ้งหมักน้ำผึ้งกระเทียม เพิ่มเติมคลิก
6. เมนูอกไก่ซอสครีมนมอัลมอนด์
          สายโปรตีนถูกใจสิ่งนี้ ! เมนูอกไก่อบซอสครีม แต่ใช้นมอัลมอนด์ Blue Diamond Almond Breeze รส Unsweetened Original สูตรไม่เติมน้ำตาล ปราศจากแลคโตส และคอเลสเตอรอล ให้พลังงานเพียง 25 กิโลแคลอรี ใช้แทนนมวัวและครีม แคลอรีต่ำกว่าเดิม เพิ่มเติมคือความหอมมัน กินเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นก็ฟิน ๆ อร่อยเต็มปากเต็มคำได้แบบไม่ทำร้ายหุ่น แถมได้โปรตีนจากเนื้ออกไก่เน้น ๆ เลย
ส่วนผสม อกไก่ซอสครีมนมอัลมอนด์
อกไก่ 200 กรัม (หรือชิ้นส่วนไก่อื่น ๆ ตามชอบ)
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
นมอัลมอนด์ Blue Diamond Almond Breeze Almond Milk รส Unsweetened Original 480 มิลลิลิตร
กระเทียมปอกเปลือก 5-10 กลีบ
อบเชยแท่ง 1 แท่ง
ใบกระวาน 4 ใบ
เกลือป่น ตามชอบ
พริกไทยป่น ตามชอบ
พาร์สลีย์ 1 กำมือ
น้ำเลมอน 1/2 ลูก หรือน้ำมะนาว 1 ลูก
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำอกไก่ซอสครีมนมอัลมอนด์
     1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้      2. ซับเนื้อไก่ให้แห้ง ใส่ลงในถาดหรือกระทะสำหรับอบ ปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันมะกอกลงไปจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสวยงาม      3. เติมนมอัลมอนด์ Almond Breeze รส Unsweetened Original กระเทียม อบเชยแท่ง ใบเบย์ และพาร์สลีย์ ปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น รอจนเดือด หรือนำไปเข้าเตาอบประมาณ 25-30 นาที      4. นำอบเชยแท่ง พาร์สลีย์ ใบเบย์ และไก่ออกจากกระทะ      5. ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเลมอนหรือน้ำมะนาว ตีผสมเข้ากันเร็ว ๆ จนไม่จับตัวเป็นก้อน      6. เทใส่ลงในส่วนผสมซอส นำขึ้นตั้งไฟจนเดือดประมาณ 1-2 นาที เคี่ยวจนเหนียว ปรุงรสตามชอบ ตักราดลงบนไก่ แต่งด้วยโรสแมรี่ พร้อมเสิร์ฟ
7. ข้าวต้มข้าวมันปูหน้าธัญพืช
สูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          หน้าตาดีไม่ใช่น้อยกับเมนูข้าวต้มข้าวมันปูหน้าธัญพืช พอต้มข้าวมันปูเรียบร้อยก็ท็อปด้วยแซลมอนรมควัน โรยงาขาว-งาดำคั่ว อัลมอนด์ และเมล็ดบักวีต ถ้าชอบกินรสเผ็ดก็ใส่พริกขี้หนูลงไปด้วยนะคะ
ส่วนผสม ข้าวต้มข้าวมันปูหน้าธัญพืช
ข้าวมันปู
แซลมอนรมควัน
งาขาว-งาดำคั่ว
อัลมอนด์อบสุก
เมล็ดบักวีต
พริกขี้หนูซอย
วิธีทำข้าวต้มข้าวมันปูหน้าธัญพืช
     1. ต้มข้าวมันปูให้นิ่มในระดับที่ต้องการ      2. ตักใส่ชาม โรยด้วยแซลมอนรมควัน งาขาว-งาดำคั่ว อัลมอนด์ และเมล็ดบักวีต สุดท้ายโรยพริกขี้หนูซอยเล็กน้อย
ดูวิธีทำ ข้าวต้มข้าวมันปูหน้าธัญพืช เพิ่มเติมคลิก
8. ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
          มาต่อกันที่เมนูข้าวผัดเพื่อสุขภาพกับเมนูข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล จับปลานิลหั่นชิ้นไปทอดจนสุก แล้วเอามาผัดกับข้าวไรซ์เบอร์รี แครอต บรอกโคลี และฟักทอง โรยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน
ส่วนผสม ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล
ปลานิล (หั่นเต๋า) 100 กรัม
เกลือป่นหยาบ เล็กน้อย
พริกไทยป่น เล็กน้อย
แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 1+1/2 ช้อนชา
แครอต (หั่นเต๋า) 1 ช้อนโต๊ะ
บรอกโคลี (หั่นเต๋า) 1 ช้อนโต๊ะ
ฟักทอง (หั่นเต๋า) 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 3/4 ถ้วยตวง
ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 6-7 เม็ด
เมล็ดทานตะวันอบกรอบ 1 ช้อนชา
น้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
วิธีทำข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล
     1. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นบนเนื้อปลานิลแล้วคลุกลงในแป้งทอดกรอบพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลาง ทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้      2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอเหลืองหอม ใส่แครอต บรอกโคลี ฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รีลงไปผัดเบา ๆ ให้เข้ากัน      3. ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่นและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน      4. ใส่ปลาทอดลงไปตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จานสำหรับเสิร์ฟ โรยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
ดูวิธีทำ ข้าวไรซ์เบอร์รีผัดปลานิล เพิ่มเติมคลิก
9. ยำตะไคร้เห็ดออรินจิ
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
          มาต่อกันที่เมนูยำตะไคร้เห็ดออรินจิ เริ่มจากลวกเห็ดแล้วใส่ตะไคร้และสมุนไพรอื่น ๆ เติมน้ำยำลงไปเคล้าจนเข้ากัน ก่อนเสิร์ฟโรยด้���ยใบสะระแหน่
ส่วนผสม ยำตะไคร้เห็ดออรินจิ
เห็ดออรินจิหั่นชิ้น 200 กรัม
ตะไคร้ซอย 5 ต้น
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวนซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ สำหรับโรย
วิธีทำยำตะไคร้เห็ดออรินจิ
     1. ผสมน้ำมะนาว ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากัน      2. ลวกเห็ดออรินจิในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำ นำไปใส่ในส่วนผสมข้อที่ 1 ใส่พริกขี้หนู ตะไคร้ หอมแดง ผักชี และผักชีฝรั่ง คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยด้วยใบสะระแหน่ จัดเสิร์ฟ
     เคล็ดลับ : ลวกเห็ดแค่พอสุกและนำไปแช่น้ำเย็นทันทีหลังจากลวก เพื่อให้เห็ดมีรสสัมผัสเหนียวหนึบและเด้ง
ดูวิธีทำ ยำตะไคร้เห็ดออรินจิ เพิ่มเติมคลิก
10. ผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
สูตรจาก คุณ Wittra_tt สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
           เตรียมกระทะสำหรับทำเมนูผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่กันเถอะ สูตรนี้ใส่เห็ดหอมเพิ่มความหอม ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย
ส่วนผสม ผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
อกไก่ (หั่นเป็นชิ้น)
พริกหวาน (หั่นเป็นชิ้น)
เห็ดหอม (หั่นเป็นชิ้น)
น้ำมันหอย
ซอสปรุงรส
น้ำตาลทราย
วิธีทำผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
     1. ใส่อกไก่ลงในกระทะผัดจนสุก ตามด้วยพริกหวานกับเห็ดหอม ผัดให้เข้ากัน      2. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายนิดหน่อย ถ้าไม่ชอบผัดแบบแห้ง ๆ ให้เติมน้ำเปล่าสะอาดลงไปสักเล็กน้อย
ดูวิธีทำ ผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่ เพิ่มเติมคลิก
11. อกไก่อัลมอนด์
สูตรจาก เว็บไซต์ Easy Cooking
          หน้าตาดูอินเตอร์สำหรับเมนูอกไก่อัลมอนด์ จับไก่หมักกับเกลือและพริกไทย ก่อนเอาไปย่างทาน้ำผึ้งและโรยอัลมอนด์อบลงไป เสร็จแล้วนำไปอบจนไก่สุก
ส่วนผสม อกไก่อัลมอนด์
เนื้ออกไก่ผ่าครึ่ง (จะได้สุกง่าย)
เกลือ
พริกไทยดำ
น้ำผึ้ง
อัลมอนด์อบสุก
พาร์สลีย์สับ
น้ำมะนาว
วิธีทำอกไก่อัลมอนด์
     1. หมักอกไก่กับเกลือและพริกไทย พักทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นนำไปย่างในกระทะจนเกือบสุก ประมาณ 90%      2. ทาน้ำผึ้งบาง ๆ ที่ผิวไก่ จากนั้นโรยอัลมอนด์ลงไป และทาน้ำผึ้งบาง ๆ ทับอีกครั้ง      3. นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 นาที หรืออบจนอัลมอนด์เหลืองสวย      4. นำออกจากเตาอบ โรยพาร์สลีย์สับ บีบมะนาวลงไปตามชอบ
ดูวิธีทำ อกไก่อัลมอนด์ เพิ่มเติมคลิก
12. ผักกาดขาวลุยสวน
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
          อิ่มสบายท้องรับมื้อเย็นกับเมนูผักกาดขาวลุยสวน จับใบผักกาดขาวไปลวกจนนิ่มแล้วเอามาห่อไส้หมูสับวุ้นเส้นให้สวยงาม มาพร้อมวิธีทำน้ำจิ้มลุยสวน
ส่วนผสม ผักกาดขาวลุยสวน
ผักกาดขาว 1 หัว (เลือกต้นที่ใบใหญ่)
น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมกลีบใหญ่ (สับละเอียด) 3 ช้อนโต๊ะ
เนื้อสันในหมูบด 200 กรัม
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
วุ้นเส้น (แช่น้ำให้นุ่ม หั่นท่อน) 100 กรัม
แครอตสับ 1/2 ถ้วย
เห็ดหูหนูดำซอยเส้น 1/2 ถ้วย
ใบโหระพา 10 ใบ
ใบสะระแหน่ 15 ใบ
น้ำเปล่า
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำเปล่าผสมน้ำแข็ง
ส่วนผสม น้ำจิ้มลุยสวน
รากผักชีซอย 2 ราก
กระเทียมไทย 10 กลีบ
พริกขี้หนูสวนสีเขียว 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำผักกาดขาวลุยสวน
     1. เตรียมน้ำจิ้ม โดยโขลกรากผักชีกับกระเทียมให้แหลก ใส่พริกขี้หนูสวนลงไปโขลกให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้      2. ตัดโคนผักกาดขาวและแกะใบผักกาดออกมาทีละใบ และต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่เกลือป่นเล็กน้อย ใส่ใบผักกาดขาวลงลวกจนใบนิ่ม ตักขึ้นแช่น้ำเปล่าผสมน้ำแข็งเพื่อคงสีให้เขียวสด ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ      3. เตรียมผัดไส้ โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันรำข้าวพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัดพอหอม ใส่เนื้อหมูผัดให้สุก ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน      4. ใส่วุ้นเส้น แครอต และเห็ดหูหนูดำ ผัดจนส่วนผสมแห้งขึ้นเล็กน้อย ตักใส่ถ้วยพักไว้ให้เย็น      5. นำใบผักกาดขาวที่สะเด็ดน้ำแล้ววางลงบนเขียงสะอาด ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ตรงกลางใบ ใส่ใบโหระพา ใบสะระแหน่ อย่างละ 2-3 ใบ พับม้วนให้สวยงาม หั่นครึ่ง จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มลุยสวน
ดูวิธีทำ ผักกาดขาวลุยสวน เพิ่มเติมคลิก
13. สเต๊กเต้าหู้
สูตรจาก คุณ Rita_Bunny สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          เติมโปรตีนย่อยง่ายกับเมนูสเต๊กเต้าหู้ จับเต้าหู้ไปทอดจนผิวเหลืองสวย เสร็จแล้วราดซอสเห็ดสุดเข้มข้น กินเปล่า ๆ ไม่ต้องมีข้าวสวยก็อร่อยค่ะ
ส่วนผสม สเต๊กเต้าหู้
เต้าหู้โมเมน 1 ชิ้น
แครอตกับเห็ด 100 กรัม
เนยจากน้ำมันทานตะวัน 2-3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส (เจ) 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำสเต๊กเต้าหู้
     1. นำเนยจากน้ำมันทานตะวันไปละลายในกระทะ ใส่เต้าหู้ลงไปทอดด้วยไฟกลางค่อนไปทางอ่อนจนผิวเกรียม แล้วตักขึ้นพักไว้      2. ใส่เห็ดและแครอตลงไปผัดต่อในกระทะ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสปรุงรส และซอสเห็ดหอม เคี่ยวให้ซอสข้นขึ้นเล็กน้อย แล้วตักราดเต้าหู้ เป็นอันเสร็จ
14. ยำแซลมอนต้นอ่อนทานตะวัน
สูตรจาก คุณ iammreview สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          เมนูแซ่บ ๆ เพื่อสุขภาพกับเมนูยำแซลมอนต้นอ่อนทานตะวัน จับปลาสดเคล้ากับน้ำยำหอมสมุนไพรรสแซ่บ ราดบนต้นอ่อนทานตะวัน
ส่วนผสม ยำแซลมอนต้นอ่อนทานตะวัน
แซลมอนดิบ
พริกขี้หนูซอย
กระเทียมหั่น
น้ำปลา
ผงปรุงรสเล็กน้อย
น้ำตาลทราย
มะนาว 1 ลูก
ต้นหอมซอย
หอมแดงซอย
ตะไคร้ซอย
ใบมะกรูดซอย
ใบสะระแหน่
ต้นอ่อนทานตะวัน
วิธีทำยำแซลมอนต้นอ่อนทานตะวัน
     1. ใส่พริกขี้หนูกับกระเทียมลงไปเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผงปรุงรส และน้ำตาลทราย บีบมะนาวลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน      2. ใส่ต้นหอม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด และใบสะระแหน่ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน      3. ใส่แซลมอนลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว เทใส่บนต้นอ่อนทานตะวันที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่
ดูวิธีทำ ยำแซลมอนต้นอ่อนทานตะวัน เพิ่มเติมคลิก
15. ข้าวต้มปลาเก๋า
          มื้อเช้าอิ่มอุ่นท้องไปกับเมนูข้าวต้มปลาเก๋า สูตรใส่น้ำซุปกระดูกหมู เพิ่มความหอมจากข่าอ่อน พอต้มจนข้าวสุกนุ่มก็ตักใส่ถ้วย โรยกระเทียมเจียวและขึ้นฉ่าย
ส่วนผสม ข้าวต้มปลาเก๋า
น้ำซุปกระดูกหมู 1,200 มิลลิลิตร
ข่าอ่อนหั่นเป็นแว่นบาง 3 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอม (แช่น้ำจนนิ่ม) 100 กรัม
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
เนื้อปลาเก๋า (หั่นเป็นชิ้นลวกสุก) 10 ชิ้น
ข้าวหอมมะลิหุงสุก 300 กรัม
ข่าแก่ตำละเอียด
กระเทียมเจียว
ใบขึ้นฉ่ายซอย
วิธีทำข้าวต้มปลาเก๋า
     1. ต้มน้ำซุปกระดูกหมูกับข่าอ่อนจนเดือด ใส่เห็ดหอม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ลดไฟลง ต้มจนน้ำซุปเดือด เตรียมไว้      2. ตั้งน้ำในหม้ออีกใบจนเดือด ใส่ข้าวหอมมะลิลงต้มในน้ำเดือดจนนุ่ม ตักใส่ถ้วย วางปลาเก๋าลวก ตักน้ำซุปกระดูกหมูใส่ โรยข่าตำละเอียด กระเทียมเจียว และขึ้นฉ่าย กินขณะร้อน ๆ กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว
ดูวิธีทำ ข้าวต้มปลาเก๋า เพิ่มเติมคลิก
16. ลาบเต้าหู้เห็ดนางฟ้า
          เตรียมผักแกล้มให้พร้อมจะได้มากินคู่กับเมนูลาบเต้าหู้เห็ดนางฟ้า จับเต้าหู้ต้มยีพอแหลกแล้วเคล้าผสมกับเห็ด ปรุงรสเผ็ดตามชอบ สุดท้ายใส่ผักชีฝรั่งซอย ใบสะระแหน่ และข้าวคั่ว
ส่วนผสม ลาบเต้าหู้เห็ดนางฟ้า
เต้าหู้ 1 ก้อน
เห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
เห็ดหูหนูดำ 1 ถ้วย
ซีอิ๊วขาวเจ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลาบเต้าหู้เห็ดนางฟ้า
     1. นำเต้าหู้ก้อนลงไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วใช้ส้อมยีให้พอแหลก      2. หั่นเห็ดนางฟ้าและเห็ดหูหนูดำเป็นเส้น ๆ นำไปคั่วในกระทะจนแห้งและมีกลิ่นหอม ตักใส่อ่างผสม เตรียมไว้      3. ใส่เต้าหู้ที่ยีไว้ลงไปผสมกับเห็ด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเจ น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่น เคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ      4. ใส่ผักชีฝรั่งซอย ใบสะระแหน่ และข้าวคั่วลงไป เคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ภาชนะ แต่งด้วยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ
ดูวิธีทำ ลาบเต้าหู้เห็ดนางฟ้า เพิ่มเติมคลิก
 จบไปแล้วสำหรับวิธีทำอาหารเพื่อสุขภาพง่าย ๆ ใครที่อยากกินของอร่อยและมีคุณค่ามาลองทำกันเลยค่ะ เอาล่ะ… ขอเลือกสูตรที่ชอบก่อนนะคะ 
ที่มา    https://cooking.kapook.com/view207763.html
2 notes · View notes
project1888 · 8 months
Text
แนะนำอาหาร ยอดนิยมของมาเลเซีย
Tumblr media
แนะนำอาหาร ยอดนิยมของมาเลเซีย
หากพูดถึงอาหารมาเลเซีย หลายคนที่ยังไม่เคยไปท่องเที่ยวและลิ้มลองชิมรสชาติอาหารของประเทศมาเลเซียร์ก็คงจะไม่รู้จัก วันนี้เราจะมาเเนะนำอาหารที่เป็นที่นิยมของประเทศมาเลเซียพร้อมหน้าตาอาหารให้รู้จักและเห็นภาพกันค่ะ แทงหวย
Tumblr media
นาซิเลอมัก นาซี เลอมัก อาหารประจำชาติของมาเลเซีย ความพิเศษคือนำข้าวไปหุงกับกะทิและใบเตย ทำให้มีความมันเหมือนข้าวมันไก่และมีกลิ่นหอม เสิร์ฟกับพริกแกงซัมบัลทำจากพริกป่น หอมแดง และน้ำมะขามเปียก พร้อมเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น ไก่ทอด ปลากะตักทอด ไข่ต้ม ถั่วลิสงทอด เป็นต้น
ซัมบัล คือ เครื่องจิ้มคล้ายน้ำพริกกะปิของคนไทย ทำจากพริกป่น หัวหอมและน้ำมะขาม น้ำพริกซัมบัล ที่ประกอบขึ้นจากพริก กะปิ มะนาว น้ำตาลปึก คลุก หรือ ตำ ในครก สร้างความนัวเพิ่มเติมด้วยวัตถุดิบต่างๆ แต่ละบ้าน แต่ละตระกูล แต่ละร้าน จะมีสูตรเด็ดซัมบัลประจำของตนเอง
Tumblr media
สะเต๊ะ ซาเตหรือสะเต๊ะ อาหารมาเลเซียเสียบไม้หน้าตาคล้ายไทย แต่เมนูมีหลากหลายกว่า ทั้งเนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อกระต่าย เนื้อปลา มาพร้อมกับน้ำจิ้มถั่วรสชาติหวานเข้มข้น ผักดองแกล้มตัดเลี่ยน และข้าวอัดก้อนที่ทำมาจากข้าวสวยหั่นเป็นคำ ต่างจากบ้านเราที่กินกับน้ำจิ้มอาจาดและอาจเพิ่มขนมปังปิ้งจิ้มด้วย
นาซิกันดาร์ เป็นอาหารอินเดียมุสลิมที่ได้รับความนิยมมาก (ในภาษามาเลย์ คำว่า “นาซิ” หมายถึงข้าว ) ประกอบด้วยข้าวสวยรับประทานกับแกงกะหรี่ไก่หรือปลา หรืออาจรับประทานคู่กับแป้งแผ่นอย่างจาปาตีหรือโรตี
Tumblr media
นาซี โกเร็ง นาซี โกเร็ง หรือข้าวผัดมาเลเซีย จุดเด่นคือมีรสเผ็ดและหอมเครื่องสมุนไพร เริ่มจากการนำข้าวไปผัดกับกะปิและน้ำพริกซัมบัลซึ่งคล้ายพริกแกงไทย เติมสีสันด้วยซีอิ๊วหวาน ใส่เนื้อสัตว์ หอมแดง พริกขี้หนู เสิร์ฟกับไข่ดาวและเครื่องเคียงอื่น ๆ เช่น ไก่ทอด สะเต๊ะ ปลาเล็กปลาน้อย ข้าวเกรียบกุ้ง ถั่วลิสง สลัดผักต้ม เป็นต้น
ฉ่าก๋วยเตี๋ยว ฉ่าก๋วยเตี๋ยว หรือก๋วยเตี๋ยวผัดมาเลเซีย หน้าตาคล้ายผัดซีอิ๊วผสมผัดไทย เป็นอีกหนึ่งอาหารมาเลเซียยอดนิยม สามารถใส่เส้นได้หลากหลาย ผัดกับไข่ เติมสีสันจากซีอิ๊วดำ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ใส่ถั่วงอก กุยช่าย และใส่เนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง ไก่ หมู กุนเชียง เป็นต้น
Tumblr media
วันตัน หมี่ วันตัน หมี่ หรือบะหมี่หมูแดงสไตล์จีนฮกเกี้ยนที่ขายกันแพร่หล��ยในมาเลเซีย ทำจากบะหมี่เหลืองเส้นเล็กคลุกซอสสีดำตามสูตรของแต่ละร้าน รสชาติโดยรวมเค็มหวาน มาพร้อมหมูแดงหั่นชิ้นหรือเนื้อไก่ฉีก เสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวหมูน้ำ เครื่องปรุงมีซีอิ๊วขาวและน้ำส้มพริกดอง
ลักซา ลักซา หรือก๋วยเตี๋ยวแกง ตัวเส้นใช้เป็นเส้นขนมจีน บางสูตรใช้บะหมี่เหลืองหรือเส้นหมี่ ราดด้วยแกง 2 แบบ ได้แก่ Curry Laksa แกงเผ็ดใต้ผสมผงกะหรี่ ใส่เนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง ปลาหมึก เนื้อไก่ เป็นต้น ใส่เห็ดฟาง เต้าหู้ทอด ไข่ต้ม ใส่ผักลวกตามชอบลงไป
Tumblr media
หมี่โกเร็ง หมี่โกเร็ง หรือหมี่ผัดมาเลเซีย หน้าตาคล้ายยากิโซบะญี่ปุ่น เป็นการนำบะหมี่สีเหลืองเส้นใหญ่ผัดกับผัก เช่น กวางตุ้ง กะหล่ำปลี และเนื้อสัตว์อย่างเช่น ไก่ กุ้ง ปรุงรสชาติด้วยซีอิ๊วดำ มีรสชาติเค็มหวาน ปรุงรสด้วยน้ำส้มพริกดอง มะนาว ท็อปด้วยไข่ดาว หรือเอาไข่ลงไปผัดกับเส้นก็ได้เช่นกัน
คังคุง โกเร็ง คังคุง โกเร็ง เป็นเมนูผัดผักบุ้งสไตล์มาเลเซีย ทีเด็ดคือผัดกับน้ำพริกซัมบัลใส่กะปิ ปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ๊วขาว บางสูตรใส่น้ำมะขามเปียกหรือใส่มะเขือเทศลงไปด้วย กินกับข้าวเปล่าและอาหารอื่น ๆ อย่างเมนูนาซี โกเร็ง ได้ด้วย
เห็นหน้าตาอาหารของประเทศมาเลยเซียเเล้ว หน้าตา สีสัน ชวนให้หน้าลองทานหลายเมนู แนะนำเลยว่าหากได้เดินทางไปประเทศมาเลยเซียแล้ว แนะนำให้ลองไปหาทานกันนะคะ บอกเลยว่ารสชาติ เครื่องเทศ ผสมผสานในอาหารได้อย่างเลิศรสแน่นอนค่ะ
0 notes
nimo003 · 8 months
Text
ประโยชน์ของพริก
Tumblr media
พริก (Chili) จะมีสารที่ชื่อว่า แคปไซซิน (Capsaicin) สารชนิดนี้เองค่ะ ที่ทำให้พริกมีความเผ็ด แสบ จนต้องร้องไห้ และยังทนต่อความร้อน ความเย็นทำให้ไม่สูญเสียความเผ็ดไป ซึ่งจะมีมากสุดบริเวณแกนกลางสีขาว ส่วนเปลือกและเมล็ดจะมีน้อยกว่า
พริกมีด้วยกันหลายสายพันธุ์ ในไทยเองถือได้ว่าเป็นพริกที่มีความเผ็ดอยู่สูง ซึ่งเรียงลำดับได้ตามนี้ค่ะ พริกขี้หนู > พริกเหลือง > พริกชี้ฟ้า > พริกหยวก > พริกหวาน เป็นต้น พริกเหล่านี้ได้รับความนิยมในการนำประกอบอาหารสำคัญเกือบทุกเมนูของไทย 👉เลขเด็ด👈
พริก ไม่ได้มีดีแค่เผ็ด แต่อุดมไปด้วยวิตามิน
รู้หรือไม่คะว่า ในพริกอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็ก ใยอาหาร เป็นต้น ซึ่งเป็นเหล่าสารอาหารที่ดีต่อกลไกร่างกายพื้นฐานหลายอย่าง เช่น สารสื่อประสาทในสมอง ระบบหมุนเวียนโลหิต การสร้างกล้ามเนื้อ สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
ประโยชน์ของ พริก มีอะไรบ้าง
ช่วยกระตุ้นการเจริญอาหาร
ในพริกที่อุดมไปด้วยสารแคปไซซิน จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย กระตุ้นปลายประสาทของสมองส่วนกลางรับรู้และอยากอาหารมากขึ้น และยังหลั่งสาร Endorphin ที่ทำให้รู้สึกอาหารอร่อย หากใครที่อยู่ในช่วงเบื่ออาหาร การเลือกทานเมนูเผ็ดๆ ก็ช่วยให้คุณทานได้ดีขึ้นนะคะ
ช่วยเบิร์นไขมัน ลดน้ำหนัก
ทุกครั้งที่ทานเผ็ดเราจะรับรู้ได้ถึงความร้อนในร่างกาย เพราะว่าในพริกยังมีสาร Thermogenic ที่ช่วยก่อความร้อนนั่นเองค่ะ ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เป็นอย่างดี ดีต่อระบบย่อยอาหาร เสริมการ Detox ของร่างกาย และยังมีกรดคอร์บิก ที่ช่วยเบิร์นเปลี่ยนไขมันให้กลายเป็นพลังงาน จึงช่วยให้น้ำหนักคุณลดลงได้
ดีต่อระบบหมุนเวียนเลือด ลดความเสี่ยงโรคความดัน โรคหลอดเลือด โรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ
ในสารแคปไซซิน ยังยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยละลายลิ่มเลือดไม่ให้เกาะตัวเป็นก้อนและเกิดการอุดตัน ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก และยังเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง ขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้เพิ่มการดูดวึมได้ดีขึ้น
ขับเสมหะ หายใจคล่อง ดีต่อระบบทางเดินหายใจ
ทานเผ็ดทีไร น้ำมูกไหลทุกที เพราะสาร Thermogenic กระตุ้นให้เรามีน้ำมูก น้ำตา ลดสิ่งกีดขวางในระบบทางเดินหายใจ ช่วยให้จมูก คอ โล่ง เสมหะน้อยลง ที่ดีต่ออาการคัดจมูก ไข้หวัด ไซนัส โรคภูมิแพ้
เสริมสร้างภูมิต้านทาน กำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ลดเสี่ยงมะเร็ง
เพราะมีมีวิตามินเอ และวิตามินซีสูงมาก แถมยังมีเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดีต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดการกลายพันธุ์ของเซลล์ร้าย เช่น เซลล์มะเร็ง ยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน สาเหตุของสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ป้องกันการติดเชื้อในจมูก ลำคอ ปอด ช่องปาก และวิตามินเหล่านี้ยังช่วยบำรุงจอประสาทตา เสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยของผิว
บำรุงสมอง ลดอาการซึมเศร้า
สารแคปไซซิน ช่วยกระตุ้นการหลั่งของสาร Endorphin ที่ช่วยลดความเครียด ผ่อนคลาย ความดันโลหิตลดลง และยังบรรเทาอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 6 ธาตุเหล็ก ที่ดีต่อการทำงานของสมอง สารสื่อประสาท Serotonin ที่ช่วยให้อารมณ์ดี ลดซึมเศร้า ช่วยให้เลือดไหลเวียนในสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน โรคอ้วน
พริกมีสารที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมของน้ำตาลกลูโคส ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และยังช่วยลดระดับอินซูลิน ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
0 notes
morgangansblog · 8 months
Text
เมี่ยงกลีบบัว เมนูอาหารว่างแบบไทย ๆ ดีต่อสุขภาพ
Tumblr media
เมี่ยงกลีบบัว เมนูอาหารว่างแบบไทย ๆ ที่หลายท่านต้องเคยรับประทานกัน อย่างเมี่ยงคำ เป็นเมนูของว่างแบบไทย ๆ ตั้งแต่ยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีวัตถุดิบหลักคือใบชะพูล และเครื่องเคียง รสชาติอร่อยถูกปากจนหลายคนติดใจ ปัจจุบันจึงได้มีการดัดแปลงด้วยการนำกลีบบัวหลวง และดอกบัวฉัตร ที่มีสีชมพูแซมขาว สีสวยชวนทานที่อาจแปลกตาสำหรับบางคน มาแทนใบชะพูล กลีบบัวนี้จะไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวมาทำเป็น เมี่ยงกลีบบัว อาหารว่างที่ทานอร่อย เพียงแค่จัดเป็นคำ ๆ แล้วราดด้วยน้ำเมี่ยงรสเด็ดที่ทำมาจากน้ำตาลปี๊บเคี่ยว และเติมด้วยเครื่องเคยเล็กน้อย ม้วนพับให้พอดีคำ เคี้ยวเพลิน ๆ เป็นอาหารว่างแสนอร่อยจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
การทำเมี่ยงกลีบบัว
-เริ่มจากการเตรียมเครื่องเคียงต่าง ๆ ดังนี้ -กลีบบัวหลวง,เกสรบัวหลวง ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน -พริกขี้หนู -ขิง,หอมแดง,มะนาว โดยทั้งหมดหั่นเป็นสี่เหลี่ยมทรงลูกเต๋า -ถั่วลิสงคั่ว,กุ้งแห้ง, -มะพร้าวคั่ว นำมะพร้าวทึนทึกหรือมะพร้าวแก่ที่กะเทาะเปลือกออกแล้วหั่นซอยบาง ๆ ให้เป็นเส้น ๆ แล้วผึ่งลมไว้สักครู่ จากนั้นก็นำมาคั่วกับไฟอ่อน ๆ จนเหลืองกรอบ แล้วพึ่งลมให้แห้ง แล้วเก็บใส่ถุงรัดปากให้ดี ๆ ทำครั้งหนึ่งถ้าเหลือสามารถทานได้หลายวันอยู่ เป็นอันเสร็จสำหรับเครื่อง
Tumblr media
ต่อมาคือการทำน้ำราดเมี่ยงคำ
-น้ำตาลมะพร้าว 500 กรัม -ข่า,ตะไคร้ 100 กรัม -ขิง,หอมแดง 50 กรัม -กะปิประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ -ถั่วลิสงคั่ว,มะพร้าวคั่ว -กุ้งแห้งป่น -น้ำเปล่า 1 ถ้วย
ขั้นตอนการทำ
การทำน้ำเมี่ยงโดยเริ่มจากนำข่า ตะไคร้ ขิง หอมแดง มาหั่นซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ นำไปคั่วให้หอมแล้วพักไว้ ตำกุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว มะพร้าวคั่ว ให้ละเอียดแล้วพักไว้
นำหม้อตั้งไฟใส่น้ำเล็กน้อยแล้วใส่น้ำตาลมะพร้าวคนให้พอเดือดแล้วใส่กะปิ และใส่เครื่องสมุนไพรที่เตรียมพักไว้ลงไปเคี่ยวให้หอมจากนั้นชิมรสเน้นหวานและตามด้วยรสเค็มเล็กน้อยคนสักพักและยกลง จัดใส่จานให้น่าทาน เป็นอันเสร็จ
Tumblr media
เมี่ยงกลีบบัวแม้เป็นอาหารว่างที่สามารถทานได้ทุกคน และยังเป็นอาหารว่างที่ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย สำหรับวันหยุดนี้ลุ้นหวยหากอยากทำอาหารว่างทานกัน ลองทำเมี่ยงกลีบบัวทานกันนะคะ รับรองว่าจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้ทานแน่นอน
0 notes
malonenuny · 9 months
Text
10 เมนูอาหารไทยอร่อยเด็ด!!
Tumblr media
10 เมนูอาหารไทยอร่อยๆ หลายเมนูเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมนูที่อร่อยติดอันดับโลก ใครที่กำลังคิดอยากทำอาหารไทย แต่ไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไรดี ลองนำไอเดียเมนูต่อไปนี้ไปปรับใช้กันได้ เยี่ยมชม
1. ผัดไทย
Tumblr media
อาหารไทยเมนูผัดที่โกอินเตอร์และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ใช้ส่วนผสมที่สามารถหาได้ทั่วไปตามท้องตลอด นิยมใช้เส้นเล็กหรือเส้นจันท์ ผสมกับวัตถุดิบอย่างถั่วงอก ไข่ กุ้งแห้ง เต้าหู้ บ้างก็ใส่เนื้อสัตว์เพิ่มเข้าไป เช่น เนื้อหมู หรือกุ้งสด แล้วเติมความอร่อยด้วยน้ำซอสรสเปรี้ยวหวาน ผัดไทยที่อร่อยต้องมีเส้นที่เหนียวนุ่มและมีรสชาติกลมกล่อม
2. ต้มยำกุ้ง
Tumblr media
พูดถึงอาหารไทยเมนูต้มก็ต้องนึกถึงต้มยำกุ้งเป็นชื่อแรกๆ นำกุ้งสดมาปอกเปลือกและผ่าหลัง แล้วต้มให้สุก ใส่เครื่องปรุงต้มยำ เพิ่มรสเผ็ดและเปรี้ยวได้ตามชอบ โรยหน้าด้วยพริกหั่นหรือใบมะกรูดซอย โดยต้มยำกุ้งที่นิยมรับประทานกันมี 2 แบบ ได้แก่ ต้มยำกุ้งน้ำข้น และต้มยำกุ้งน้ำใส
3. ข้าวยำปักษ์ใต้ 
Tumblr media
ถือเป็นอาหารไทยเมนูผักสมุนไพรที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการนำผักชนิดต่างๆ มายำรวมกัน เป็นเมนูอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ เพราะวัตถุดิบของข้าวยำจะประกอบไปด้วย ผัก ไข่ต้ม เนื้อปลาป่น เนื้อกุ้งป่น มะพร้าวคั่ว มะม่วงดิบ พริกขี้หนู ข่า มะกรูด ฯลฯ รับประทานกับข้าวสวยที่ราดด้วยน้ำยำบูดู กลายเป็นเมนูอาหารรสชาติกลมกล่อม อุดมด้วยสมุนไพรพื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
4. ส้มตำ
Tumblr media
เมนูสุดแซ่บอาหารจานเด็ดของภาคอีสาน แต่คนไทยก็นิยมรับประทานกันทั่วทุกภาค เพียงใช้เนื้อมะละกอ ตำผสมกับเครื่องปรุงวัตถุดิบพื้นบ้านอย่างพริกแห้ง มะนาวสด น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาร้า เติมรสตามที่ชอบ ซึ่งในปัจจุบันเมนูส้มตำกลายเป็นเมนูประยุกต์ที่หยิบจับวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ มาเสิร์ฟเป็นเมนูเด็ดไม่ซ้ำใคร เช่น ส้มตำกุ้งสด ส้มตำมั่ว ตำผลไม้ ตำข้าวโพดไข่เค็ม เป็นต้น
5. หมูสร่ง
Tumblr media
หมูสร่งเป็นอาหารไทยโบราณที่สะท้อนถึงความประณีตและความใส่ใจของคนไทยในเรื่องอาหารการกิน เนื่องจากเมนูนี้ต้องใช้ความพิถีพิถันในการสับเนื้อหมูให้ละเอียด ปรุงรส แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ก่อนจะใช้เส้นหมี่มาพันรอบๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้สุกจนเหลืองกรอบ
6. แกงเขียวหวาน
Tumblr media
อาหารไทยเมนูไก่ที่กลายเป็นอีกหนึ่งเมนูประจำชาติ ส่วนผสมของน้ำแกงกะทิเข้มข้นที่ใช้วัตถุดิบผักพื้นบ้านเป็นส่วนประกอบ เช่น มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พร้อมทั้งใส่เนื้อสะโพกไก่แล้วต้มจนสุก โรยหน้าด้วยใบมะกรูด เพิ่มสีสันและกลิ่นหอมชวนรับประทานมากยิ่งขึ้น
7. น้ำตกหมู
Tumblr media
หนึ่งในอาหารไทย 4 ภาคที่ช่วยเพิ่มความจัดจ้านกันด้วยจานเด็ดจากทางภาคอีสาน นำเนื้อหมูหมักซอสมาย่างจนหอมแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากนั้นปรุงรสให้มีรสแซ่บนัวด้วยน้ำปลา หอมแดงซอย น้ำมะนาว และพริกป่น อย่าลืมไฮไลต์สำคัญของเมนูนี้อยู่ที่ข้าวคั่วหอมๆ และใบสะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากันก็ยกเสิร์ฟได้เลย
8. ข้าวซอยไก่
Tumblr media
ข้าวซอยไก่ เมนูอาหารเหนือที่อร่อยติดใจใครหลายคน มีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยว แต่ใช้เส้นบะหมี่ทอดกรอบเป็นส่วนผสม ใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดในน้ำแกงกะทิจนสุก รับประทานพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างผักกาดดอง มะนาว หอมแดงซอย และพริกสด
9. แกงมัสมั่นไก่
Tumblr media
อาหารไทยประเภทแกงที่เป็นเมนูจานเด็ด ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู โดยใช้น้ำพริกแกงที่มีส่วนผสมของผักพื้นบ้าน เช่น พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า ลูกผักชี รวมไปถึงเครื่องเทศอย่างยี่หร่า ดอกจันทน์ และกานพลู เติมเนื้อไก่ ใส่น้ำกะทิลงไปในเครื่องแกง ปรุงจนสุกกลายเป็นสีเหลืองนวลน่ารับประทาน
10. น้ำพริกปลาทู
Tumblr media
น้ำพริกถือเป็นเมนูที่อยู่คู่ครัวมายาวนาน เนื่องจากเป็นอาหารไทยเมนูผักที่ทำได้ง่ายๆ ที่ใช้พืชผักพื้นบ้านมาตำให้มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ปรุงรสชาติได้ตามความชอบ โดยเฉพาะเนื้อปลาทูย่างที่นิยมนำมาตำน้ำพริกรวมกับกะปิ กระเทียม ตะไคร้ซอย หอมแดง มะนาว น้ำปลา และน้ำตาล นิยมเสิร์ฟคู่กับผักสดและรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ 
อาหารไทยทั้ง 10 เมนูนี้ สามารถนำมาใช้เป็นไอเดียในการทำอาหารได้ โดยสามารถปรับสูตร วัตถุดิบ หรือส่วนผสมต่างๆ และปรุงรสได้ตามความชอบได้เลยนะคะ
0 notes
custard002 · 9 months
Text
สูตร ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
Tumblr media
หลายคนอาจจะเคยกินแต่น้ำพริกกะปิธรรมดา แต่วันนี้เราจะมาทำ “ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ” โดยเอาข้าวมาผัดคลุกเคล้ากับน้ำพริกกะปิ กินพร้อมกับเครื่องเคียงจากผักอินทรีย์จากโครงการหลวง ไม่ว่าจะเป็น มะเขือเปราะ แตงกวา หรือถั่วฝักยาว ฯลฯ นอกจากจะได้คุณค่าทางสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ยังได้กินผักปลอดสารพิษอีก ด้วยค่ะ หวยเวียดนาม
วัตถุดิบ ข้าวสวย 1 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 30 กรัม พริกขี้หนู 30 กรัม น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือพวง 30 กรัม ปลาทูทอด 1 ตัว มะเขือเปราะ ตามชอบ แตงกวา ตามชอบ ถั่วฝักยาวลวก ตามชอบ ไข่ทอดชะอม ตามชอบ
Tumblr media
วิธีทำ
ใส่กระเทียมลงไปในครก ตามด้วยพริกขี้หนู กะปิ และน้ำตาลปี๊บ โขลกให้ละเอียด จากนั้นตักใส่ชาม ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำต้มสุก คนให้เข้ากันและพักไว้
นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำมันพืชลงไป รอจนน้ำมันร้อน ใส่ข้าวสวยลงไปผัด จากนั้นใส่น้ำพริกกะปิที่เตรียมไว้ และมะเขือพวงลงไป ผัดให้เข้ากัน
ตักใส่จาน วางเครื่องเคียง ได้แก่ ปลาทูทอด ไข่ทอดชะอม แตงกวา ถั่วฝักยาวลวก และมะเขือเปราะ พร้อมเสิร์ฟค่ะ
Tumblr media
เป็นไงบ้างคะสำหรับเมนู “ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ” รสชาติลงตัว เครื่องเคียงแน่น และยังได้คุณค่าทางสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อีกด้วย สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ดี ๆ มีคุณภาพจากโครงการหลวง ซึ่งเป็นผลผลิตจากคนไทยอีกด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากลองทำเมนูข้าวผัดอื่น ๆ บ้างล่ะก็คลิ๊กที่นี่ได้เลย
0 notes
ayydaxx · 1 year
Text
หม่าล่า
Tumblr media
หม่าล่า เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วโลก มากจากอาเซียนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความหลากหลายในรสชาติและส่วนประกอบ เนื้อหม่าล่าที่สุกนุ่ม อร่อย และมีรสชาติพิเศษ รวมถึงน้ำซุปที่หอมหวาน จึงทำให้หม่าล่าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงประเทศที่มีการนำเสนอ
ต้นกำเนิดและประวัติของหม่าล่า
หม่าล่ามีรากฐานจากชาวจีนในประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นอาหารของชาวจีนในพื้นที่ต่างๆ ในช่วงต้นปี 1800 หม่าล่าถูกนำมายัดเยียดเป็นการส่งมอบของการพิมพ์หนังสือ จนกระทั่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและอาหารของคนไทย ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา หม่าล่ากลายมาเป็นเมนูที่มีความนิยมและเป็นที่นิยมของคนไทยทั่วไป
ส่วนประกอบหม่าล่า
เนื้อหม่าล่า: เนื้อหม่าล่ามีรสชาติอ่อนๆ นุ่มละเอียด มักจะใช้เนื้อวัวหรือเนื้อหมูในการทำหม่าล่า
น้ำซุปหม่าล่า: น้ำซุปหม่าล่าเป็นความเป็นเอกลักษณ์ของเมนูนี้ เนื่องจากมีความหอมหวานและเข้มข้น มักจะมีรสชาติเปรี้ยวน้อย หวานเล็กน้อย และมีสีสันสดใส
ผักและเครื่องปรุง: หม่าล่ามักจะมีผักต่าง ๆ เช่น ผักกาดหม่า ผักชี โหระพา มะเขือเทศ และอื่น ๆ รวมถึงเครื่องปรุงรสเช่น กระเทียม พริกไทย ซีอิ๊ว น้ำตาล และซอสหม่าล่า
สไตล์การรับประทานหม่าล่า
การรับประทานหม่าล่ามักจะเป็นแบบ "ชุบชุบ" หรือ "แช่ชุบ" ซึ่งหมายถึงการนำเนื้อหม่าล่าไปแช่ในน้ำซุปร้อน แล้วรับประทานพร้อมกับผักและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ โดยมักจะมีเครื่องเสิร์ฟเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มรสชาติตามความชอบของแต่ละคน เช่น พริกขี้หนู น้ำมะขามเปียก หรือน้ำปลาผสมพริก
ความนิยมและสถานที่จำหน่าย
หม่าล่าเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย คุณสามารถหาหม่าล่าได้ทั้งในร้านอาหารท้องถิ่น ตลาดนัด ร้านอาหารระดับเรือนจำ และร้านอาหารตามถนน รวมถึงร้านเสื้อผ้ามือสองหรือร้านขายเครื่องสำอางค์ที่เปิดร้านอาหารเพื่อสร้างสรรค์ความหลากหลายในธุรกิจของพวกเขา
สรุป
หม่าล่าเป็นเมนูอาหารที่มีความนิยมและเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วโลก มีรสชาติหลากหลายและส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย เนื้อหม่าล่านุ่มละเอียดรับประทานพร้อมกับน้ำซุปหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ การรับประทานหม่าล่าเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนาน ทำให้หม่าล่าเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมที่คนไทยต้องลองทุกครั้งที่มีโอกาสมาถึงอาเซียนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
0 notes
patifluke49 · 1 year
Text
กระเพราหมูกรอบไข่ดาว
Tumblr media
ส่วนประกอบ
หมูสามชั้น 300 กรัม ใบกระเพรา 1/2 กำ ไข่ไก่ 1 ฟอง กระเทียม 2 กลีบ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 2 ช้อนชา น้ำมันพืช 2 ช้อนชา พริกขี้หนู 5 เม็ด น้ำปลา 2 ช้อนชา น้ำซุป นิดนึง
วิธีทำ
1.ตำกระเทียมกับพริกขี้หนูให้เข้ากัน
2.นำกระเทียมและพริกขี้หนูตำใส่ลงไปในกระทะที่มีน้ำมันพืชลงไปผัดให้พอได้ที่สวยงาม
3.นำหมูกรอบที่เตรียมไว้ใส่ลงไปผัด
4.ใส่น้ำตาลลงไปหมูกรอบ
5.ใส่น้ำซุปลงไปเพื่อไม่ให้แห้งเกินไป
6.ใส่น้ำมันหอย
7.ใส่ใบกระเพราลงไปผัด (เคล็ดลับ)ไม่ควรใช้ไฟอ่อนเพราะอาจทำให้ใบกระเพราจะเหลือง
8.ทำไข่ดาว ใส่น้ำมันแล้วตอกไข่ใส่ลงกระทะ
9.ทอดไข่ดาวให้ผูสวยงาม
10.จัดจานเสิร์ฟ งามๆ
0 notes
jayniwa · 2 years
Text
วันนี้จะมาในเมนูข้าวผัดแหนมจ้าาา*
ข้าวผัดแหนม เมนูทำได้ง่ายๆ มีวัตถุดิบและวิธีการทำดังนี้ค่ะ
มาดูวัตถุดิบกันก่อนนะคะ 1. ข้าวเย็น 3 ทัพพี 2. แหนม 80 กรัม 3. มะนาว 1/2 ลูก 4. พริกขี้หนู 5 เม็ด 5. ต้นหอมซอย 1/4 ถ้วย 6. ขิ��อ่อนหั่นเต๋า 1/4 ถ้วย 7. กระเทียมซอย 3 กลีบ 8. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ 9. น้ำมันสำหรับผัด 10. หอมแดงซอย ถั่วคั่ว สำหรับแต่งจาน หรือผักอื่น ๆ ตามต้องการ
ต่อไปมาดูวิธีการทำกันเลยค่าา
ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟอ่อน ใส่แหนมและขิงอ่อนหั่นเต๋าในกระทะ ผัดให้มีน้ำออกมาจนท่วม ตามด้วยพริกขี้หนูสับและกระเทียมลงไปผัด
พอเริ่มงวดขึ้นแล้วใส่ข้าวสวยลงไปผัด ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม แล้วเร่งไฟให้กระทะร้อนขึ้น
พอข้าวเริ่มเปลี่ยนสีและเครื่องทุกอย่างเริ่มสุก ใส่ต้นหอมลงไปผัดกับข้าว เสร็จแล้วยกลงจากเตาพร้อมจัดเสิร์ฟ 
Tumblr media
ขอบคุณภาพจาก /www.wongnai.com
0 notes
prapasara · 15 days
Text
Tumblr media
ยำมะเขือยาวเผา
ยำมะเขือยาวเผา
ภาพจาก : คุณแม่มณีมีของกิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          ยำมะเขือยาวเผาสูตรนี้ใส่ซีฟู้ดลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำและหมูสับ ใส่หอมแดงและผักชีลงไปเพิ่มสีสันและความหอม สุดท้ายใส่มะเขือยาวเผาลงไปเคล้าให้เข้ากัน
ทำเมนูจากมะเขือยาวเผากันค่ะ หอมหวานอร่อย โดย คุณแม่มณีมีของกิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ยำมะเขือยาวเผา
มะเขือยาว 4 ลูก
น้ำยำ
ส่วนผสม น้ำยำมะเขือยาว
น้ำซุป 
น้ำมะนาว
น้ำพริกเผา 
น้ำปลา 
น้ำตาลทราย
พริกขี้หนู
ปลาหมึกสดลวก 
กุ้งสดลวก 
หมูบด 
หอมแดง 
ผักชี
วิธีทำยำมะเขือยาวเผา
           อยู่ดี ๆ ก็นึกอยากกินยำมะเขือยาวขึ้นมาค่ะ แต่ว่าต้องเอามะเขือไปเผาก่อน ว่าแล้วก็ไปตลาดได้มะเขือยาวมา 4 ลูก มาถึงก็จุดไฟเตรียมเผามะเขือกันเลยค่ะ
             ตอนเผาก็ต้องนั่งเฝ้ากันหน้าเตาเพราะกลัวจะไหม้ เวลาได้ยินเสียงน้ำในมะเขือมันเดือดก็มีกลิ่นหอมของมะเขือ อยากจะวิ่งไปเอาพริกน้ำปลามาจิ้มกินตั้งแต่ตอนนั้น
             จากนั้นก็นำมะเขือที่เผาเสร็จแล้วมาปอกเปลือกออก ใช้มือนี่แหละค่ะ ค่อย ๆ แกะออก (รอให้มะเขือเย็นก่อนนะคะ) เสร็จแล้วก็พักไว้ เตรียมทำน้ำยำกันต่อเลยค่ะ
วิธีทำน้ำยำมะเขือยาว
           สำหรับน้ำยำ เราใช้น้ำซุป น้ำมะนาว น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกขี้หนู คนให้เข้ากัน
            ส่วนเครื่องยำเราใช้หมึกสดลวก กุ้งสดลวก หมูบด หอมแดง และผักชี
            เททุกอย่างลงไปในน้ำยำ และใส่มะเขือยาวเผาตามลงไป
             แบ่งมะเขือยาวเผาไว้อีก 2 ลูก ไม่เอาไปยำ แต่เอามาจิ้มพริกน้ำปลาแทนค่ะ ว่าแล้วไปตักข้าวมากินด้วยกันเลย
Eggplant   ,   เมนูมะเขือยาว
ที่มา   โดย คุณแม่มณีมีของกิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
1 note · View note
eatwm · 2 years
Text
ต้มยำกุ้ง
ส่วนผสม
1.กุ้ง
2.เห็ดฟาง
3.ข่า
4.ตะไคร้
5.ใบมะกรูด
6.หอมแดง
7.รากผักชี
8.พริกแห้ง
9.พริกขี้หนูสวน
10.ผักชีฝรั่ง
11.ผักชี
12.น้ำพริกเผา
13.น้ำปลา
13.มะนาว
14.นมข้นจืด
15.เกลือ
16.น้ำ 
วิธีทำ
1.ใส่ตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนู ลงในครก ทุบให้พอแหลก 
2.หั่นข่าเป็นแว่น ๆ แล้วฉีกใบมะกรูดเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
3.ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่า ระหว่างรอน้ำเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู และเกลือ ลงไป รอน้ำเดือด
4.ใส่เห็ดฟาง ตามด้วย น้ำพริกเผา คนให้ละลายเข้ากัน แล้วรอจนกว่าน้ำจะเดือดอีกรอบ
5.ใส่กุ้งพร้อมกับหัวกุ้งลงไป ต้มให้กุ้งสุก 
6.ปรุงรสด้วย น้ำปลา นมข้นจืด 
7.ใส่พริกแห้ง ใบมะกรูด 
8.เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้ปิดเตา แล้วใส่น้ำมะนาว เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว
9.โรยหน้าด้วย ผักชี ผักชีฝรั่ง เป็นอันเสร็จ
Tumblr media
0 notes
vivitawin · 2 years
Photo
Tumblr media
#ต้มข่าไก่ใส่หัวปลี อกไก่ เลือดไก่ ตับไก่ 95 บาท กะทิ 70 บาท หัวปลี 10 บาท ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด 10 บาท มะเขือเทศ 10 บาท หอม 10 บาท มะนาว 10 บาท พริกขี้หนู 5 บาท รวม 220 บาท #ค่าครองชีพ (at รุ่งปิติแลนด์) https://www.instagram.com/p/CkF9qvjvW5R9ARZub9XS7rLZCbRECoLTqF-g4U0/?igshid=NGJjMDIxMWI=
0 notes
may-k-world · 3 years
Photo
Tumblr media
我が家の冷凍庫に貯蔵してある青唐辛子たち。 左上は2年前のもの。もともとは佃煮を作る目的で買った葉唐辛子の苗だったけど、収穫する青唐辛子が結構辛くて、すっかりそちら目当てになってしまい、ジップロック中袋2袋いっぱい収穫した残りです。 そして去年はお休みしたけど、今年は内藤とうがらし、プリッキーヌが豊作でした。 期待したプリッキーヌスワンは花は咲くものの実は成らず…。また苗を見つけたら挑戦してみたいです 🌿
59 notes · View notes
9zup-blog · 3 years
Photo
Tumblr media
พริกขี้หนูสดๆ หวานทุกเม็ด 🌶😁 #ดีปรี #พริกขี้หนู #ผักสวนครัวปลอดสารพิษ #ผักสวนครัว #สนใจทัก #cayennepepper #capsicum #birdseyechilli #hotchilli #9mytjplants #9mytj (at Phatthalung, Thailand) https://www.instagram.com/p/CO7n7w2gZ4a/?igshid=12xxefj2e301w
0 notes
custard002 · 9 months
Text
วิธีทำยำไข่ต้มตาหวาน
วันนี้ จะชวนเพื่อน ๆ เข้าครัวมาทำยำไข่ต้มที่ไม่เหมือนใคร กับเมนู “ยำไข่ต้มตาหวาน” หรือที่เรียกกันว่า ไข่ตานี มาพร้อมเทคนิคการต้มไข่อย่างไรให้เยิ้มถูกใจแบบนี้! กินกับน้ำยำฟิน ๆ แซ่บครบรสกับไปเลย ถ้าพร้อมแล้วรีบสวมผ้ากันเปื้อนแล้วตามเข้าครัวมาเลยค่ะ หวยเวียดนาม
Tumblr media
วัตถุดิบ ไข่เป็ด 10 ฟอง  หมูสับ 200 กรัม  พริกขี้หนูสับหยาบ 10 เม็ด  หอมแดงซอย 3 หัว  น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ  น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ  น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศราชินี 10 ลูก ผักชี ตามชอบ  น้ำเปล่า สำหรับต้มไข่ เกลือ น้ำส้มสายชู
Tumblr media
วิธีทำ 1 : ต้มไข่ นำไข่เป็ดใส่ลงไปในหม้อ เทน้ำเปล่าลงไปประมาณ ⅔ ของไข่เป็ดจนท่วม ใส่เกลือ และน้ำส้มสายชู จากนั้นนำขึ้นตั้��ไฟปานกลาง และต้ม 7 นาที พอครบ 7 นาทีแล้ว ตักไข่เป็ดใส่ในน้ำเย็น และแกะเตรียมไว้ : วิธีต้มไข่เป็ดให้ไข่แดงทะลุออกมา คือให้นำไข่เป็ดไปตากแดดก่อนนำมาต้ม จะทำให้ไข่แดงลอยเหนือไข่ขาว พอต้มออกมาก็จะเยิ้ม ๆ แบบนี้เลยจ้า : ใส่เกลือ และน้ำส้มสายชู จะช่วยให้ไข่เป็ดไม่แตก และแกะง่าย
2 : ทำน้ำยำ นำหมูสับไปลวกให้สุกแล้วพักไว้ใส่น้ำปลาลงในชามผสม ตามด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกขี้หนู หอมแดง มะเขือเทศราชินี และหมูสับที่ลวกไว้ คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
3 : จัดเสิร์ฟ นำไข่เป็ดที่เตรียมไว้เรียงบนจาน ราดน้ำยำ และโรยผักชี พร้อมเสิร์ฟจ้า
Tumblr media
ทำไม่ยากเลย! กับเมนู “ยำไข่ต้มตาหวาน” อร่อยยันฟองสุดท้าย! อิ่มง่าย ๆ ด้วยเทคนิคดี ๆ ที่ใครก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน บวกกับน้ำยำรสแซ่บ กินแล้วเข้ากันมาก ๆ ค่ะ สำหรับใครอยากเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นลงไป เช่น ปลาหมึก หรือกุ้ง ก็ทำได้ไม่ว่ากันจ้า ทำอย่างเดียวคงไม่พอต้องลองทำสูตรเมนู "ขนมจีนแกงเผ็ดไก่" กินด้วย ฟินแน่นอน!
1 note · View note