#วิตามินดี
Explore tagged Tumblr posts
Text
What is Nutrigenomics? โภชนพันธุศาสตร์ หรือ Nutrigenomics คืออะไร
What is Nutrigenomics?
โภชนพันธุศาสตร์ หรือ Nutrigenomics
YouTube Video
youtube
โภชนพันธุศาสตร์ หรือ Nutrigenomics เป็นการนำเอาเทคโนโลยีการตรวจ DNA มาประยุกต์เข้ากับการดูแลสุขภาพ เพื่อใช้จัดการโภชนาการ และ วางแผนการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
มนุษย์เราทุกคนเกิดขึ้นมาพร้อม DNA ที่ต่างกัน
DNA หรือ (Deoxyribonucleic acid (ดีออกซิไรโบ นิวคลีอิค แอซิด)) คือรหัสพันธุกรรมพื้นฐานในแต่ละบุคคล ถูกสร้างมาตั้งแต่กำเนิด โดยการถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง และจะไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซึ่งรหัสพันธุกรรมพื้นฐานเหล่านี้ ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ รวมทั้งมนุษย์อย่างเราด้วย
DNA คือ อะไร?
DNA ของคนเราจะมาจากการผสมลักษณะทางพันธุกรรม จากพ่อ และแม่อย่างละครึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนด รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ความไวต่อสภาพแวดล้อม ความไวต่ออาหาร และ ความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ DNA เป็นตัวบ่งชี้ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ จึงได้มีการนำเอา เทคโนโลยีการตรวจพันธุกรรม หรือ เทคโนโลยีทางชีวภาพมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้า��ดังนี้
ด้านการพัฒนายารักษาโรค
ด้านการป้องกันการเกิดโรค โดยเฉพาะโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ด้านการวินิฉัยสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ
ด้านการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน
ด้านกฎหมาย หรือ นิติวิทยาศาสตร์
ด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หรือนูทริจีโนมิกส์ (Nutrigenomics)
นูทริจีโนมิกส์ (Nutrigenomics) คืออะไร?
นูทริจีโนมิกส์ (Nutrigenomics) หรือ โภชนพันธุศาสตร์ คือการตรวจ DNA เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโภชนาการ สมรรถภาพร่างกาย และพันธุกรรม ทำให้ทราบถึง ความต้องการสารอาหาร การตอบสนองต่ออาหาร สุขภาพองค์รวม เช่น การเผาผลาญอาหาร และสมรรถภาพร่างกาย
ประโยชน์ของ โภชนพันธุศาสตร์ (Nutrigenomics)
โภชนพันธุศาสตร์ เป็นการนำเอาเทคโนโลยีทางชีวภาพ ด้วยการตรวจ DNA ที่ได้จากการเก็บตัวอย่างจาก น้ำลาย เนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อในกระพุ้งแก้มภายในช่องปาก เลือด และ เส้นผม นำมาเข้าห้องปฏิบัติการ แยกลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆ ออกมา แล้วนำมาประมวลผล เพื่อประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพต่อไป โดยผลที่ได้ จะแสดงถึงการตอบสนองของร่างกายต่อตัวแปรต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น
ความต้องการสารอาหาร
แสดงถึงความสามารถในการดูดซึม และนำสารอาหารไปใช้ รวมถึงความสามารถในการทำงานของสารอาหาร ว่าร่างกายของผู้ได้รับการตรวจนั้น สามารถดูดซึม และนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือสารอาหารนั้นทำงานได้ดีหรือไม่ ได้แก่ กรดโฟลิก วิตามินบี6 วิตามินบี12 วิตามินซี วิตามินดี โอเมก้า3 และสารต้านอนุมูลอิสระ
ความไวต่ออาหาร
แสดงให้เห็นว่าร่างกายของผู้ได้รับการตรวจมีความไวต่ออาหารแต่ละประเภทอย่างไร เช่น ร่างกายตอบสนองต่อคาร์โบไฮเดรตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า และน้ำหนักขึ้นง่ายกว่าเมื่อเทียบกับคนที่มีการตอบสนองต่อคาร์โบไฮเดรตแบบปกติ หรือ หากดูเรื่องความไวต่อรสชาติอาหาร บางคนสามารถรับรู้และแยกแยะรสชาติอาหารได้ดีกว่าคนอื่น หรือ บางคนที่รับรู้รสชาติได้น้อยก็อาจทำให้ต้องปรุงอาหารให้มีรสจัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการตรวจความไวต่ออาหารอื่นอีก ได้แก่ ไขมัน เกลือ คาเฟอีน และ แอลกอฮอลล์
สุขภาพองค์รวม
แสดงให้เห็นถึงอัตราการเผาผลาญพลังงานของแต่ละบุคคล การตอบสนองต่อการอักเสบ ความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น โรคอ้วน นอกจากนี้ยังแสดงถึงความสามารถในการควบคุมความอยากอาหารได้ด้วย
สมรรถภาพทางร่างกาย
แสดงถึงความสามารถ และ สมรรถภาพทางร่างกาย ว่าร่างกายของผู้��ด้รับการตรวจถูกสร้างมาให้เหมาะกับการออกกำลังกายแบบใด และต้องดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อต้องการออกกำลังกาย ซึ่งจะแสดงถึง ความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ประสิทธิภาพของการนำออกซิเจนไปใช้ ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย รวมถึงความทนทาน (ความอึด) หรือพละกำลังของร่างกาย
โภชนศาสตร์พันธุกรรม (Nutrigenomics) เหมาะกับใคร
การจัดการโภชนาการ และ การดูแลสุขภาพด้วยการประเมินผลจากการตรวจ DNA นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งเริ่มได้รับความสนใจในไทย แต่ใช้กันมานานแล้วในอเมริกา โดยเฉพาะในหมู่นักกีฬา ใช้เพื่อจัดโปรแกรมการรับประทานอาหาร และวางตารางการฝึกซ้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านร่างกายให้พร้อมรับกับการฝึก และการแข่งขัน
สำหรับบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ โภชนศาสตร์พันธุกรรม (Nutrigenomics) ยังนิยมใช้ประกอบการวางแผนโภชนาการ เพื่อการลดน้ำหนัก ในกลุ่มคนที่มีปัญหาโรคอ้วน โรคเบาหวาน อีกด้วย
สำหรับคนทั่วไป สามารถใช้ผลตรวจ เพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน และสร้างเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เช่น การเลือกรับประทานอาหาร ปริมาณการทานอาหารแต่ละชนิด การเลือกกิจกรรมการออกกำลังกาย ระยะเวลาการออกกำลังกายให้เหมาะสม และการกำหนดเวลาในการฟื้นฟูร่างกายให้เพียงพอ
การตรวจนูทริจีโนมิกส์ (Nutrigenomics) เป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อให้เราเห็นภาพกว้างๆ ว่าร่างกายของแต่ละบุคคลนั้นมีความต้องการอย่างไร ส่วนผลที่ได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเองมากกว่า ว่าเมื่อทราบแล้ว จะเพิ่ม จะเสริม จะลดการรับประทานอาหารประเภทไหนบ้าง และ จะดูแลสุขภาพตนเองอย่างไร เพราะสุดท้ายสุขภาพของเราอยู่ในมือเรา ต้องลงมือทำด้วยตนเอง จึงจะเกิดผล
Credit: “Nutrigenomics: The Genome–Food Interface” www.ncbi.nlm.nih.gov, “Nutrigenomics 101” www.foxnews.com, “Nutrigenomics: Does Food Influence How Our Genes Behave?” www.draxe.com/nutrigenomics, “Nutrigenomics to lose weight & Be healthy” www.blog.ring.md, “DNA คืออะไร” www.thaibiotech.info, “เทคโนโลยีชีวภาพทางด้านการแพทย์และสุขภาพ” www.thaibiotech.info, www.mythaidna.com/th/how-it-works, www.prenetics.com/en/nutrigenomics.html. ; lovefitt.com
คนเราสามารถสร้างร่างกายใหม่ได้
ด้วยหลักโภชนพันธุศาสตร์ได้ อย่างไร
1) เลือกรับประทานอาหารสด สะอาด ปลอดสารพิษ เน้นผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์และแป้ง
2) หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปทุกชนิด อาหารขยะ น้ำอัดลม ควรเลือกความหวานจากธรรมชาติเช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว นมจากถั่วต่างๆ
3) ทานอาหารเพียงวันละ 1-2 มื้อ และเรียงลำดับการกินใหม่ เพื่อยืดอายุอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกาย ควรรับประทานผักผลไม้ก่อน ค่อยตามด้วยโปรตีนและแป้ง จะช่วยลดน้ำหนักได้
4) ดื่มน้ำอย่างน้อย 4 แก้วทุกเช้าตอนตื่นนอน เพื่อการหมุนเวียนของเลือดทุกส่วนและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
5) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่หักโหมเกินไป
6) เพิ่มสารอาหารให้ร่างกายด้วย NRF2 Synergizer ที่ช่วยขจัดพิษทุกอย่างในร่างกาย รวมทั้งความเครียดต่างๆในระดับยีนถึง 40% ใน 30 วัน ด้วยการสร้างเอ็นไซม์กว่า 200 ชนิดเพื่อป้องกันโรคร้ายโรคเสื่อมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
LifeVantage ได้คิดค้นนวัตกรรมที่สามารถปลุก NRF2 กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่แบบ 1: 1,000,000 เซลล์ ภายใน 1 วินาที ใช้เวลาวิจัยนานถึง 40 ปี งานวิจัยเป็นที่ยอมรับของ สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก 27 แห่ง LifeVantage ผู้นำทางด้านโภชนพันธุ ศาสตร์ Nutrigenomics พบว่าพฤษเคมีที่มีอยู่ในสมุนไพร ผัก และผลไม้ ส่งผลต่อการทำงาน ของยีนส์
จากหลายร้อยงานวิจัยพบว่าโพรแทนดิม Nrf2 จะช่วยลดความเสื่อมและป้องกันเซลล์ ในขณะที่ Nrf1 จะช่วยให้ไมโตคอนเดรีย Mitochondria ซึ่งทำหน้าที่สร้างพลังงานให้กับเซลล์ ชะลอความชรา และทำให้เซลล์ทรงพลังมากขึ้น ดีสำหรับทุกคน...งานวิจัย Protandim นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ต้านอนุมูลอิสระ อัตรา 1:1,000,000 ต่อวินาที
Protandim Nrf2 สามารถเพิ่มอายุขัยได้ 7%
ผลการศึกษาจาก NIA Protandim ช่วยยืดอายุขัยได้ 7 %
YouTube Video
youtube
สถาบันวิจัยในผู้สูงวัยแห่งชาติของ อเมริกา
NIA ได้ทำศึกษาวิจัยนี้อย่างไร
เริ่มโดยการที่นักวิทยาศาสตร์ ให้อาหารที่มีโปรแทนดิมผสม ในกลุ่มหนูทดลองอายุ 10 เดือน โดยใช้ในปริมาณสัดส่วนที่ประเมินแล้วว่าเทียบเท่ากับสัดส่วนปกติที่คนใช้ โดยใช้น้ำหนักตัวเป็นเกณฑ์วัดโดยประมาณ และเมื่อหนูมีอายุครบ 17 เดือน ผู้วิจัยก็เพิ่มปริมาณโปรแทนดิมขึ้นอีกเท่าตัว หลังจากนั้นก็เฝ้าสังเกตุ ติดตามผลไปจนตลอดชั่วอายุขัย ของบรรดาหนูทดลองกลุ่มนี้ จนกว่าจะตายลงไปตามธรรมชาติ และนำมาเปรียบเทียบกับบรรดาหนูทดลองที่ไม่ได้รับอาหารผสมโปรแทนดิม
งานศึกษาชิ้นนี้ได้พบอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกบ้าง
- "จากผลลัพธ์นี้สามารถชี้ได้ว่าการกระตุ้น Nrf2 อาจนำมาซึ่งความสามารถในการทนทานต่อความตึงเครียด และสามารถสังเกตุเห็นได้จากการที่มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น..."
- "โปรแทนดิม, การผสมผสานของสารสกัดที่สามารถกระตุ้น Nrf2 ช่วยเพิ่มค่ามัธยฐานของอายุขัย..."
- งานวิจัยนี้ "สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ประสิทธิภาพของ โปรแทนดิม กับการมีอายุยืนนั้นมีส่วนมาจากการกระตุ้นของ Nrf2"
- ผลลัพธ์จากงานวิจัยนี้สามารถชี้ได้ว่า "ประสิทธิภาพของ โปรแทนดิมนั้นจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อใช้ตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต"
- "อัตราการอยู่รอดในหนูทดลองตัวผู้ในกลุ่มควบคุมนั้น เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผล (P<0.012) ของ [โปรแทนดิม] ด้วยอัตราการอยู่รอดที่เพิ่มขึ้นถึง 7%"
จะมีการศึกษาเพิ่มเติมในโปรแทนดิมอีกหรือไม่? บรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัยนี้ได้กล่าวว่า การศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคตอาจมีประโยชน์ดังนี้ • ทดสอบประสิทธิภาพของ ปริมาณการใช้งานโปรแทนดิมในปริมาณที่ เพิ่มขึ้น และน้อยลงจากปริมาณที่ใช้อยู่ • ศึกษาถึงการตอบสนองต่อโปรแทนดิมตลอดชั่วอายุขัย เพื่อตัดสินว่ากลไกอะไรในร่างกาย ที่โปรแทนดิมส่งผลทั้งในช่วงต้นและช่วงปลาย ของชีวิต
ที่มา: goo.gl/Sl0rpB
สถาบันวิจัยในผู้สูงวัยแห่งชาติของ อเมริกา
องค์กรหนึ่งที่ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการเสื่อมวัยคือ สถาบันวิจัยในผู้สูงวัยแห่งชาติของ อเมริกา (NIA) เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่อ้างว่าสามารถชลอวัยได้ อย่างมากมายในท้องตลาด ทาง NIA จึงได้พัฒนาโปรแกรมทดสอบแผนการการชลอวัยขึ้นมา (ITP) ซึ่งโปรแกรมนี้ ตรวจสอบ อาหาร, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสารประกอบ ที่มีหลักฐานอย่างชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพในการชะลอวัย ทาง NIA ได้หวั��ว่าจะสามารถบ่งชี้ได้ถึงความปลอดภัย, โครงการทดสอบกระบวนการเสื่อมวัย ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สามารถช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรง และช่วยให้ผู้คนรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีเอาไว้
โปรแกรมทดสอบแผนการ (ITP)
การศึกษาได้จัดทำขึ้นในห้องทดลองทั้งสามแห่ง : แจ๊คสัน ลาบอราทอรี, มหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน, และ ศูนย์วิทยาศาสตร์ทางสุขภาพที่ ซาน อันโตนีโอ ในมหาวิทยาลัยเทกซาส
ในแต่ละปี คณะกรรมการในโครงการ ITP ได้ประเมินจากผู้เข้าร่วมในการทดสอบและจะคัดเลือก เพียงห้ารายสำหรับทดสอบในการวิจัยในแลบข้างต้นนี้ บรรดานักวิจัยในโครงการจะดำเนินการทดลองอย่างรัดกุม และเข้มงวดในการประเมินผลลัพธ์เพื่อตัดสินว่า สิ่งที่ได้รับการคัดเลือกมาทดสอบในโครงการนี้นั้นสามารถชลอวัย และชลอการก่อตัวของโรคจากกลุ่มหนูทดลอง
การศึกษาในขั้นตอนที่ 1
พิจารณาประสิทธิภาพโดยดูจากอายุขัย
การศึกษาในขั้นตอนที่ 2
เนื่องจากอายุขัยไม่ได้เพียงแค่เป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดของประสิทธิภาพของแผนการชะลอวัย ในการส่งเสริมสุขภาพเมื่อแก่ตัว แผนการชะลอวัยที่มีผลกระทบต่ออายุขัยและสุขภาพโดยรวมจากการศึกษาในขั้นตอนที่ 1 จะผ่านเข้ามาศึกษาต่อในขั้นตอนนี้
1. ในขั้นตอนที่ 2 นี้ การทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกาย, วิถีแห่งชีวเคมี ที่อาจมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมวัย และ
2. ยืนยันประสิทธิภาพของแผนการชลอวัย ที่มีต่ออายุขัย
ผลลัพธ์จาก ITP
นับตั้งแต่เริ่มต้นโปรแกรมทดสอบของ NIA ขึ้นมา ในการทดสอบสมมติฐานจากแผนการชลอวัย ในการเพิ่มอายุขัย มีสารประกอบเพียง 6 ชนิดที่ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถยืดอายุขัยได้ และจากสารประกอบทั้ง 6 ชนิดนั้นมีเพียง Protandim Nrf2 Synergizer เท่านั้นที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ตัวแทนจำหน่าย Lifevantage ประเทศไทย
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 🙏🙏🙏
โทร ☎️ :: 084-110-5021 Line ID :: pla-prapasara
http://line.me/ti/p/~pla-prapasara
สั่งวันนี้มีโปรโมชั่น พิเศษ‼️ #ทักมาเลย
🚒🚒 กรุงเทพและปริมณฑล 1-2 วันรับของ ต่างจังหวัด 2-3 วันค่ะ 🚒🚒
🚒 จัดส่งโดย KERRY EXPRESS (เคอรี่ เอ็กซ์เพรส) 🚒
2 notes
·
View notes
Text
BONE COMPLEX: เสริมกระดูกให้แข็งแรงเพื่อชีวิตที่กระฉับกระเฉง💪
คุณเคยรู้สึกไหมว่ากระดูกของคุณเริ่มอ่อนแอลง?
หรือมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพกระดูกที่ไม่แข็งแรง?
Bone Complex อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา!
ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก และช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
พร้อมไปค้นพบวิธีที่ bone complex จะช่วยปรับปรุงสุขภาพของคุณในรายละเอียดต่อไปกันเถอะ!
👉 ซื้อ BONE COMPLEX ที่เว็บไซต์ทางการ
Bone Complex: การสนับสนุนสุขภาพกระดูก
ทำไมสุขภาพกระดูกถึงสำคัญ?
คุณเคยรู้สึกว่ากระดูกของคุณเริ่มอ่อนแอลงหรือเปล่า? ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อคุณทำกิจกรรมประจำวัน? นี่คือสิ่งที่หลายคนเผชิญ และมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
Bone complex เป็นตัวช่วยที่คุณต้องการในการเสริมสร้างและรักษาสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง
อะไรคือ Bone Complex?
Bone complex คือผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนสุขภาพของกระดูก โดยมีส่วนผสมจากธรรมชาติและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
มันประกอบไปด้วย:
แคลเซียม
วิตามินดี
แมกนีเซียม
การรวมกันนี้จะช่วยให้กระดูกของเรามีความแข็งแรงและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
ประโยชน์ของ Bone Complex
เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก ด้วยแคลเซียมในปริมาณสูง ช่วยให้กระดูกมีความหนาแน่นมากขึ้น
ปรับสมดุลวิตามินดี วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งสำคัญมากสำหรับการสร้างกระดูกใหม่
ลดอาการปวดข้อ หลายคนรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์นี้
ความแตกต่างของ Bone Complex กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Bone complex ถึงโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ เหตุผลคือส่วนผสมที่เลือกมาอย่างพิถีพิถันและวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐาน
ตัวอย่างจากผู้ใช้จริง
"ตอนแรกฉันไม่เชื่อว่าจะเห็นผล แต่หลังจากใช้ Bone complex ไป 3 เดือน ฉันรู้สึกว่าเดินง่ายขึ้น ไม่มีอาการเจ็บตามข้อเหมือนก่อน" — นางสาวสุรีย์, อายุ 45 ปี
"ลูกชายของฉันเล่นกีฬาเยอะ ตอนแรกเขามักบ่นว่าปวดขา แต่ตั้งแต่เริ่มทาน Bone complex เขาบอกว่าไม่รู้สึกเจ็บเลย!" — นายสมชาย, อายุ 38 ปี
วิธีการใช้ Bone Complex ให้ได้ผลดีที่สุด
ทานวันละ 1-2 เม็ด ตามคำแนะนำบนฉลาก
ควรทานพร้อมอาหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหาร
ควบคู่กับการออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน หรือโยคะ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น
สรุปแล้ว Bone Complex คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ!
หากคุณต้องการรักษาสุขภาพกระดูกให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด อย่ารอช้า! ลองใช้ Bone complex วันนี้ แล้วคุณจะเห็นถึงความแตกต่างในชีวิตประจำวันของคุณเอง
👉 พบกับ BONE COMPLEX ที่นี่เลย
FAQ
ทำไมถึงควรใช้ Bone Complex?
Bone Complex ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากระดูกหรืออยู่ในช่วงวัยที่กระดูกเริ่มอ่อนแอ มันช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ดีมาก
Bone Complex มีส่วนผสมอะไรบ้าง?
ผลิตภัณฑ์นี้มักจะประกอบด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม, และวิตามินดี ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
ใช้ Bone Complex แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่?
หลายคนเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
ใครควรใช้ Bone Complex บ้าง?
Bone Complex เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหากระดูก หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
มีผลข้างเคียงจากการใช้ Bone Complex ไหม?
โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัย แต่ถ้าคุณมีเงื่อนไขทางสุขภาพเฉพาะหรือแพ้อาหารบางประเภท ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
สามารถทาน Bone Complex พร้อมกับอาหารอื่นได้ไหม?
แน่นอน! คุณสามารถทาน Bone Complex พร้อมกับอาหารอื่นๆ ได้เลย แต่อาจต้องหลีกเลี่ยงการทานพร้อมกับกาแฟหรือชาเพื่อไม่ให้มีผลต่อการดูดซึมแคลเซียม
ควรรับประทาน Bone Complex วันละกี่เม็ด?
คำแนะนำทั่วไปคือ 1-2 เม็ดต่อวัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์และคำแนะนำบนฉลาก
ซื้อ Bone Complex ที่ไหนได้บ้าง?
คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือสั่งซื้อ���อนไลน์ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ที่เชื่อถือได้
หากลืมทาน Bone Complex จะทำอย่างไรดี?
ถ้าคุณลืมทาน ให้วางแผนที่จะทานในเวลาถัดไป แต่ถ้าใกล้เวลาใหม่แล้ว ให้ข้ามวันนั้นไป ไม่ควรทานครั้งสองเท่าเพื่อชดเชย
ควรเก็บรักษา Bone Complex อย่างไร?
เก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง หลีกเลี่ยงความชื้นและแดดจัด เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในสภาพดีที่สุด
👉 สั่งซื้อ BONE COMPLEX จากแหล่งที่เชื่อถือได้
0 notes
Text
MEDICAL NUMBERS IN THE LIFE OF EVERY HUMAN BEING (Continued in Thai language section)
*หมายเลขทางการแพทย์ในชีวิตของมนุษย์ทุกคน*
1. ความดันโลหิต: 120 / 80 Thai language section
2. ชีพจร: 70 - 100
3. อุณหภูมิ: 36.8 - 37
4. การหายใจ: 12-16
5. ฮีโมโกลบิน: ผู้ชาย (13.50-18), ผู้หญิง (11.50 - 16)
6. คอเลสเตอรอล: 130 - 200
7. โพแทสเซียม: 3.50 - 5
8. โซเดียม: 135 - 145
9. ไตรกลีเซอไรด์: 220
10. ปริมาณเลือดในร่างกาย: พีซีวี 30-40%
11. น้ำตาล: เด็ก (70-130), ผู้ใหญ่: 70 - 115
12. ธาตุเหล็ก: 8-15 มก.
13. เม็ดเลือดขาว: 4,000 - 11000
14. เกล็ดเลือด: 150,000 - 400,000
15. เม็ดเลือดแดง: 4.50 - 6 ล้าน
16. แคลเซียม: 8.6 - 10.3 มก./ดล.
17. วิตามินดี 3: 20 - 50 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร)
18. วิตามินบี 12: 200 - 900 พิกกรัมต่อมิลลิลิตร
*คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน:*
อายุ *40 ปี*
อายุ *50 ปี*
อายุ *60 ปี*
*คำแนะนำแรก:*
ควรดื่มน้ำเสมอแม้ว่าจะไม่รู้สึกกระหายน้ำหรือต้องการน้ำก็ตาม ปัญหาสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดและส่วนใหญ่เกิดจากการขาดน้ำในร่างกาย อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน (24 ชั่วโมง)
*คำแนะนำที่สอง:*
เล่นกีฬาแม้ว่าคุณจะมีความกังวลมากที่สุด ร่างกายต้องเคลื่อนไหว แม้ว่าจะแค่เดิน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดใดก็ได้ 🚶 การเดินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี 👌
*เคล็ดลับที่สาม:*
ลดปริมาณอาหาร
เลิกอยากอาหารมากเกินไป เพราะอาหารจะไม่ดีต่อสุขภาพ อย่าอดอาหาร แต่ให้ลดปริมาณลง กินอาหารที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น
*เคล็ดลับที่สี่*
อย่าใช้รถมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ พยายามเอื้อมมือไปหยิบของที่ต้องการ (ซื้อของ เยี่ยมใคร) หรือเป้าหมายอื่นๆ ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
*เคล็ดลับที่ห้า*
ปล่อยวางความโกรธ ปล่อยวางความกังวล พยายามมองข้ามสิ่งต่างๆ อย่าเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่สงบ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำลายสุขภาพและทำลายความงดงามของจิตใจ เลือกพี่เลี้ยงเด็กที่คุณรู้สึกสบายใจด้วย พูดคุยกับคนที่คิดบวกและรับฟัง
*เคล็ดลับที่หก*
ดังที่กล่าวไว้ว่า ให้ฝากเงินของคุณไว้กับแสงแดดและนั่งในที่ร่ม อย่าจำกัดตัวเองและคนรอบข้าง เงินถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตด้วยเงิน ไม่ใช่เพื่อใช้ชีวิตเพื่อเงิน
*เคล็ดลับที่เจ็ด*
อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกสงสารใครๆ หรือสงสารสิ่งที่คุณทำไม่ได้ หรือสงสารสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของไม่ได้ เพิกเฉยต่อมัน ลืมมันไปเถอะ
*เคล็ดลับที่แปด*
ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เช่นกัน ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเงิน ชื่อเสียง อำนาจ และอิทธิพล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกความเย่อหยิ่งและความเย่อหยิ่งทำลาย ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งที่นำพาผู้คนมาใกล้ชิดคุณด้วยความรัก
*เคล็ดลับที่เก้า*
หากผมของคุณหงอก นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคุณสิ้นสุดลง แต่เป็นหลักฐานว่าชีวิตที่ดีกว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มองโลกในแง่ดี ใช้ชีวิตด้วยการรำลึกถึง เดินทางสนุกสนาน สร้างความทรงจำ!
*การแบ่งปันอาจช่วยใครบางคนได้*
เคล็ดลับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม ให้ปฏิบัติตามนี้ทั้งหมดเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี:
ดื่มนมในชาให้น้อยลง แต่ให้เติมน้ำมะนาวหรือน้ำมะนาวแทน
ในตอนกลางวันให้ดื่มน้ำมากขึ้น แต่ในตอนกลางคืนให้ดื่มน้อยลง
ในตอนกลางวันอย่าดื่มกาแฟเกิน 2 แก้ว แนะนำให้หยุดดื่มโดยสิ้นเชิงด้วย
รับประทานอาหารมันๆ ให้น้อยลง
เวลาเข้านอนที่ดีที่สุดคือระหว่าง 22.00 น. ถึง 06.00 น.
ในตอนเย็น ให้รับประทานน้อยหรือไม่รับประทานเลยหลัง 17.00 น. หรือ 18.00 น.
อย่าทานยากับน้ำเย็น แต่ให้ทานกับน้ำอุ่น และทานยาก่อนเข้านอนครึ่งชั่วโมง อย่าทานยาแล้วเข้านอนทันที
เมื่ออายุมากขึ้น ให้หยุดดื่มน้ำเย็น แต่ให้ดื่มเฉพาะน้ำอุณหภูมิห้อง
พยายามนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
งีบหลับ 1 ชั่วโมงครึ่งระหว่างเที่ยงวันถึง 15.00 น. เพื่อคลายความเครียด ดูอ่อนเยาว์และไม่แก่เร็ว
เมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเหลือเพียง 1 ขีด อย่าโทรออกอีกต่อไป เพราะรังสีและคลื่นอันตรายนั้นสูงกว่าแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มหลายเท่า
ใช้หูซ้ายรับสาย หูขวาจะทำร้ายสมองโดยตรง ควรใช้หูฟังรับสายจะดีกว่า
สองสิ่งที่ควรตรวจสอบให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้:
(1) ความดันโลหิตของคุณ
(2) น้ำตาลในเลือดของคุณ
หกสิ่งที่คุณควรลดปริมาณอาหารลงให้น้อยที่สุด:
(1) เกลือ
(2) น้ำตาล
(3) เนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารแปรรูป
(4) เนื้อแดง โดยเฉพาะเนื้อย่าง
(5) ผลิตภัณฑ์นม
(6) ผลิตภัณฑ์แป้ง
สี่สิ่งที่คุณควรเพิ่มในอาหาร:
(1) ผักใบเขียว/ผัก
(2) ถั่ว
(3) ผลไม้
(4) ถั่ว
สามสิ่งที่คุณต้องลืม:
(1) อายุของคุณ
(2) อดีตของคุณ
(3) ความกังวล/ความคับข้องใจของคุณ
สี่สิ่งที่คุณต้องมี ไม่ว่าคุณจะอ่อนแอหรือเข้มแข็งแค่ไหน:
(1) เพื่อนที่รักคุณอย่างแท้จริง
(2) ครอบครัวที่ห่วงใย
(3) ความคิดเชิงบวก
(4) บ้านที่อบอุ่น
หกสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้มีสุขภาพดี:
(1) ร้องเพลง
(2) ���ต้นรำ
(3) อดอาหาร
(4) ยิ้ม/หัวเราะ
(5) เดินป่า/ออกกำลังกาย
(6) ลดน้ำหนัก
หกสิ่งที่คุณไม่ต้องทำ:
(1) อย่ารอจนหิวแล้วค่อยกิน
(2) อย่ารอจนกระหายน้ำแล้วค่อยดื่ม
(3) อย่ารอจนง่วงแล้วค่อยนอน
(4) อย่ารอจนรู้สึกเหนื่อย
(5) อย่ารอจนป่วยแล้วค่อยไปตรวจสุขภาพ มิฉะนั้นคุณจะเสียใจในภายหลัง
(6) อย่ารอจนมีปัญหาแล้วค่อยอธิษฐานต่อพระเจ้า
สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำหลังจากอ่านเคล็ดลับสุขภาพเหล่านี้:
(1) ส่งต่อเคล็ดลับสุขภาพเหล่านี้ไปยังคนที่คุณรักและเพื่อนของคุณ และขณะที่คุณทำเช่นนั้น ขอพระเจ้าอวยพรคุณ
=================
ในขณะที่ดำเนินกิจวัตรประจำวัน โปรดจำไว้เสมอว่าต้องตรวจร่างกายอยู่เสมอเพื่อทราบว่าคุณแข็งแรงแค่ไหน สุขภาพคือความมั่งคั่ง
ความฟิตของร่างกาย
ความดันโลหิตสูง
120/80 -- ปกติ
130/85 -- ปกติ (ควบคุม)
140/90 -- สูง
150/95 -- V.สูง
ชีพจร
72 ครั้งต่อนาที (มาตรฐาน)
60 - 80 น. (ปกติ)
40 - 180 น. (ผิดปกติ)
อุณหภูมิ
98.4 F (ปกติ)
99.0 F ขึ้นไป (มีไข้)
โปรดช่วยเหลือญาติพี่น้อง เพื่อนของคุณโดยแบ่งปันข้อมูลนี้
อาการหัวใจวาย - การดื่มน้ำอุ่น:
นี่เป็นบทความที่ดีมาก ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับน้ำอุ่นหลังอาหารเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับอาการหัวใจวายด้วย ชาวจีนและญี่ปุ่นดื่มชาร้อนกับอาหาร ไม่ใช่น้ำเย็น บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มขณะรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำเย็น บทความนี้อาจใช้ได้กับคุณ การดื่มน้ำเย็นระหว่างมื้ออาหารเป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากน้ำเย็นจะทำให้ของที่มีน้ำมันที่คุณเพิ่งกินเข้าไปแข็งตัว ซึ่งจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง เมื่อ "ตะกอน" นี้ทำปฏิกิริยากับกรด มันจะสลายตัวและถูกดูดซึมเข้าสู่ลำไส้ได้เร็วกว่าอาหารแข็ง มันจะไปเคลือบลำไส้ ในไม่ช้า ตะกอนเหล่านี้จะกลายเป็นไขมันและนำไปสู่โรคมะเร็ง ควรดื่มซุปร้อนหรือน้ำอุ่นหลังอาหาร
เฟรนช์ฟรายและเบอร์เกอร์เป็นศัตรูตัวฉกาจของสุขภาพหัวใจ การดื่มโค้กและเบอร์เกอร์จะทำให้ปีศาจตัวนี้มีพลังมากขึ้น ��ลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้เพื่อหัวใจและสุขภาพของคุณ
ดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้วก่อนเข้านอนเพื่อหลีกเลี่ยงการแข็งตัวของเลือดในตอนกลางคืนและหลีกเลี่ยงอาการหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง
0 notes
Text
วิตามิน
วิตามินสำคัญกับร่างกายอย่างไร?
แม้วิตามิน ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สำคัญ เพราะวิตามินมีส่วนสำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกายอย่างมาก ดังนั้น "การตรวจหาระดับวิตามิน" จะช่วยทำให้เรารู้ลึกลงไปว่า ร่างกายกำลังขาดวิตามินกลุ่มใด และนำไปสู่การเสริมวิตามินกลุ่มนั้นกลับเข้าไป เพื่อให้กลไกการทำงานของร่างกายมีความสมบูรณ์มากขึ้น
การตรวจวิตามินหลักๆ ที่สำคัญมีอะไรบ้าง? แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ -กลุ่มที่ 1 จะเป็นวิตามินด้าน Antioxidant (เช่น วิตามินเอ ซี อี) กลุ่ม Xanthine หรือ Carotene -กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม Essential minerals ซึ่งร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็สำคัญไม่แพ้กัน -กลุ่มที่ 3 วิตามินดี เพราะวิตามินดีมีประโยชน์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงของกระดูก เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับ Metabolic Syndrome เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งบางชนิด -กลุ่มที่ 4 วิตามินบี ซึ่งจะช่วยในด้านการเผาผลาญร่างกาย พลังงาน แต่วิตามินบี ประกอบด้วยหลายตัวๆ ฉะนั้นความโดนเด่นจะแตกต่างกันออกไ��
จริงๆ แล้วการตรวจระดับวิตามินสามารถตรวจได้ในคนทั่วๆ ไป กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องรอมีอาการ แต่ทั้งนี้ในกลุ่มที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจอย่างยิ่ง หรือในกลุ่มที่ไม่แน่ใจว่าตนเองทานสารอาหารครบ 5 หมู่หรือเปล่า ต้องการตรวจหาสภาวะโภชนาการก็สามารถตรวจหาได้เช่นกัน
แต่ถามว่า “อาการ” แบบไหน ควรรีบตรวจและมาพบแพทย์ …. *เส้นผมเปราะบาง แตกง่าย ผมร่วง *ผิวแห้ง หยาบกร้าน *สายตา มองไม่ชัดเจน *เลือดออกตามไรฟัน *มีแผลที��มุมปาก
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจวิตามิน *งดน้ำและอาหาร ก่อนการตรวจ 8 – 12 ชม *หากรับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมอยู่ ควรงดก่อนมาตรวจเลือดอย่างน้อย 24 ชม
นอกจากการตรวจระดับวิตามินแล้ว จะมีการตรวจหาระดับโลหะหนัก และการตรวจหาระดับฮอร์โมนในร่างกาย ตรวจเรื่องความหนาแน่นของกระดูก และตรวจหา Oxidative Stress test
แม้อายุยังน้อย ไม่อยากแก่เร็ว ไม่อยากป่วย การตรวจหาระดับวิตามินจะช่วยเราป้องกันความเสี่ยง และเป็นแนวทางในการส่งเสริมวิตามินที่ขาดเข้าสู่ร่างกายได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากขึ้น… เล่นหวย
0 notes
Text
5 นมเพิ่มความสูง แคลเซียมจัดเต็ม มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ตอนเด็กๆ เราถึงถูกปลูกฝังให้กินอาหารให้ครบห้าหมู่พร้อมดื่มนมให้เยอะๆ เพราะว่านมนั้นมีความสำคัญมากในการเสริมสร้างและบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งมีแคลเซียมเยอะ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และเพิ่มความสูงอีกด้วยวันนี้เลยขอแนะนำ 5 ยี่ห้อนมเด็กที่กินแล้วสูงโดยไม่เรียงลำดับมาฝากกัน " ลุ้นหวย "
นมตราหมี นมตราหมี (อังกฤษ: Bear Brand) เป็นยี่ห้อนมผงและเครื่องดื่มนมที่เริ่มวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2519 โดยบริษัทเนสท์เล่ วางจำหน่ายในหลายพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์นมผงตราหมีอยู่ในความดูแลของเนสท์เล่ (ประเทศไทย) ส่วนผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม (นมสเตอริไลส์ และเครื่องนมไขมันต่ำ ตราหมี โกลด์) อยู่ในความดูแลของเฟรเชอร์แอนด์นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) ในเครือทีซีซีฯ
นม ไทย – เดนมาร์ค นมไทย-เดนมาร์ค สัญลักษณ์วัวแดง เป็นผลิตภัณฑ์นมของคนไทยที่ผลิตและจัดจำหน่าย โดย องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่เป็นองค์การของรัฐ สังกัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ซึ่งตลอดกว่า 45 ปี ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในคุณภาพของนมไทย-เดนมาร์ค ที่ใช้น้ำนมสด 100% ไม่ผสมนมผง
นมโฟร์โมสต์ รสชาติมีให้เลือกถึง 7 รสชาติ ได้แก่ รสจืด, หวาน, ช็อกโกแลต, สตรอเบอร์รี, กล้วย, พร่องมันเนยรสจืด และพร่องมันเนย รสช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์นมโคแท้ เพื่อทุกคนในครอบครัว นมคุณภาพ ด้วยมาตรฐานการผลิตจากเนเธอร์แลนด์มากว่า 144 ปี อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายเช่น โปรตีน จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แคลเซียมและฟอสฟอรัส มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง วิตามินดี ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 และ บี 12 มีส่วนช่วยในระบบประสาทและสมอง
หนองโพ ผลิตจากวัตถุดิบที่คัดสรรจากธรรมชาติ 100% ทำให้ได้รับคุณค่าของนมโคสดแท้ แคลเซียมสูงจากธรรมชาติ ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมปรุงแต่ง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วย วิตามิน บี2 บี12 ฟอสฟอรัส และ โปรตีน ซึ่งมีประโยชน์สูงต่อร่างกาย
ดูเม็กซ์ ไฮคิว ถ่ายทอดความรักจากคุณแม่สู่ลูกน้อย ด้วยรสชาติสุดแสนอร่อยจาก ดูเม็กซ์ ไฮคิว 3 พลัส พรีไบโอโพรเทก นมผงรสจืด อุดมด้วยสารอาหารในสัดส่วนที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ มีพรีไบโอติก จุลินทรีย์มีชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมส่วนผสมหลากหลาย ช่วยพัฒนาระบบประสาท บำรุงสมอง และการเจริญเติบโตของร่างกายที่แข็งแรง
ถ้าอยากให้ลูกเจริญเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ คุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจให้ลูกดื่มนมอย่างเพียงพอ เพราะมันมีประโยชน์สำหรับเด็กอย่างมากในวัยที่กำลังเจริญเติบโตนะคะ
0 notes
Text
วิตามินตัวไหน? ที่ร่างกายขาดแล้วทำให้ป่วย
หากมีการถามคร่าว ๆ ว่า ‘วิตามิน’ มีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใด หลาย ๆ คนอาจจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ในขณะเดียวกันนั้น หากเปลี่ยนคำถามที่ว่า วิตามินอะไรที่ถ้าร่างกายขาดแล้วจะส่งผลเสียบ้าง เชื่อว่าหลาย ๆ คน ก็อาจจะสงสัยอยู่เช่นกัน ฉะนั้นแล้ว เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
โดยคร่าว ๆ หากมีการตั้งคำถามถึงวิตามินแล้ว วิตามินก็คือสารอาหารที่ร่างกา��จำเป็นต้องมีในปริมาณน้อย แต่ไม่สามารถขาดได้ เนื่องจากเพื่อให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ปกติ ซึ่งการขาดวิตามินทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติและเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ถามว่าร่างกายควรรับวิตามินมากน้อยแค่ไหน คำตอบคือ ร่างกายไม่ได้ต้องการวิตามินในปริมาณมาก แต่ต้องการทุกวัน คนส่วนใหญ่ที่กินอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่มักจะได้รับวิตามินเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
วิตามินใดที่ร่างกายไม่ควรขาดอย่างยิ่ง
วิตามินซี
วิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ��ร็อคโคลี่ มันฝรั่ง พริกหวาน ผักโขม มะละกอ มะม่วง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม
วิตามินดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกระดูก โดยปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อได้รับแสงแดด สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับแสงแดด ร่างกายอาจจะสร้างวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ฉะนั้น ควรรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เห็ด และดื่มนมที่เสริมวิตามินดีเป็นประจำ
วิตามินเอ
ด้านวิตามินเอ จะช่วยรักษาสายตาของผู้สูงวัยไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งของวิตามินเอในอาหาร ได้แก่ ผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก
วิตามินอี
ส่วนวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย วิตามินอีพบมากในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว งา และน้ำมันสำหรับปรุงอาหารทุกชนิด
แคลเซียม
สำหรับแคลเซียมนั้น จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่น โดยผู้สูงอายุต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ส่วนอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียม ได้แก่ นมถั่วเหลืองเพิ่มแคลเซียม นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวไม่หวานจัด ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น ฟองเต้าหู้ ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก, ผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้ม เช่น คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบยอ ฟักทอง แครอท
เสริมวิตามินกับร่างกายอย่างไรให้ได้ประโยชน์
เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนโดยส่วนใหญ่ อาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่ครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามที บวกกับกระบวนการทำอาหารระหว่างทางที่อาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางอย่างไปได้ ฉะนั้นวิธีเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีประสิทธิภาพจึงมักมาจาก 3 แหล่งหลักๆ คือ
-ผักและผลไม้ เช่น ผักโขม พริกหวาน มันฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง ส้ม และถั่วต่างๆ
-การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริม ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้ที่มีเวลาดูแลตัวเองน้อย
-วิตามินจากธรรมชาติ
โดยการออกไปรับวิตามินดีฟรีๆ ผ่านแสงแดด เป็นการเพิ่มระดับวิตามินดีให้ร่างกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวัน รวมถึงการเดินเหยียบหญ้าในตอนเช้าก็สามารถช่วยกระตุ้นความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมรับอากาศบริสุทธิ์ไปในตัวอีกด้วย
ผลเสียในการรับวิตามินที่มากเกินไป
แม้ว่าวิตามินจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าได้รับที่มันมากเกินไปแล้ว อาจจะส���งผลเสียต่อร่างกายได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ การทานอาหารเสริมหลายอย่างอาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุซ้ำกันจนได้รับเกินขนาด เช่น ได้รับธาตุเหล็กมาเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้รับวิตามินเอมากเกินไปก็เป็นพิษต่อตับ
ฉะนั้นแล้ว การได้รับแร่ธาตุบางอย่างมากเกินไปก็จะรบกวนการดูดซึมของแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ตัวหนึ่งขาด ตัวหนึ่งเกิน การทานสารสกัดจากพืชบางชนิดในปริมาณมากเป็นเวลานานอาจเกิดปัญหากับตับและไตได้ด้วย
หวยssslotto แทงง่ายๆ ได้จริงๆ เพียงคลิกแทงหวยยี่กี่
ขอบคุณข้อมูลจาก : ซิกน่า, โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
0 notes
Text
ข้อควรรู้ประโยชน์ของไข่
เป็นที่รู้กันว่า ไข่ไก่ ถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ว่ากันว่าไข่ไก่ 1 ฟอง มีประโยชน์เทียบเท่ากับการกินข้าว 1 จานเลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน แคลเซียม แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ไข่ที่เรากินกันเป็นประจำทุกวันนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร และอายุเท่านี้ ควรรับประทานไข่ไก่วันละกี่ฟองถึงจ��ดีวันนี้เราหาคำตอบมาให้ทุกคนแล้วไปดูกันเลยค่ะ
ประโยชน์ของไข่ไก่” กินได้ทุกวัน ห่างไกลหมอ
อุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ และแร่ธาตุมากมายหลากหลายชนิด อาทิเช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค ช่วยลดความดันโลหิต จากการศึกษาพบว่า เปปไทด์ในไข่สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตในเลือดสูงได้ เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโปรตีนอยู่ถึง 6 กรัม ถือเป็น���หล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ค่ะ
มีไขมันโอเมก้า 3 ไข่เป็นอาหารที่อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งเป็นไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ ไข่ถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดอาหารที่ดีกับสุขภาพ เหตุหนึ่งก็เพราะไข่เป็นแหล่งสะสมของกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกายถึง 9 ชนิดเลยทีเดียวบำรุงสมองและระบบประสาท ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโคลีน (Choline) มากถึง 20% ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งโคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง ส่งผลให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง
เราควรทานไข่วันละกี่ฟอง
ไข่หนึ่งฟองมีประโยชน์ต่างกันในแต่ละช่วงอายุ จึงจำแนกได้ดังนี้
เด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป : ไม่ควรกินไข่ทั้งฟอง แนะนำให้นำไข่ไปบดกินคู่กับอาหารประเภทอื่นด้วย
เด็กที่มีอายุ 7 เดือน - 18 ปี : ควรรับประทานวันละ 1 ฟอง
อายุ 18 - 40 ปี (หรือวัยทำงาน) : หากมีสุขภาพแข็งแรงดี ควรรับประทานไข่ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ หรือวันละ 1-2 ฟอง ส่วนใครที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
ผู้สูงอายุ (หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน) : ควรรับประทานสัปดาห์ละ 1 ฟอง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
0 notes
Text
ความรู้เกี่ยวกับอาหารจากเนื้อปลา
อาหารจากเนื้อปลาเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจากปลาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันดี วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย
ประโยชน์ของอาหารจากเนื้อปลา
เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี เนื้อปลาเป็นโปรตีนชั้นดี ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย
เป็นแหล่งไขมันดี ปลาบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซา��์ดีน เป็นแหล่งของไขมันดี เช่น โอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
เป็นแหล่ง���ิตามินและแร่ธาตุ เนื้อปลาเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 12 วิตามินดี แคลเซียม เหล็ก เป็นต้น
ช่วยบำรุงสมองและสายตา โอเมก้า 3 ในเนื้อปลามีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองและสายตาในเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ และโรคจอประสาทตาเสื่อม
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุในเนื้อปลามีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดีขึ้น
ช่วยลดน้ำหนัก เนื้อปลาเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือต้องการลดน้ำหนัก
ประเภทของอาหารจากเนื้อปลา
อาหารจากเนื้อปลาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
อาหารจากเนื้อปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาหมึก กุ้ง ปู เป็นต้น
อาหารจากเนื้อปลาน้ำจืด เช่น ปลาช่อน ปลากะพง ปลานิล ปลาดุก เป็นต้น
วิธีปรุงอาหารจากเนื้อปลา
อาหารจากเนื้อปลาสามารถปรุงได้หลากหลายวิธี เช่น นึ่ง ต้ม ผัด ทอด ยำ เป็นต้น การเลือกวิธีปรุงอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากเนื้อปลาอย่างเต็มที่
ข้อควรระวังในการรับประทานอาหารจากเนื้อปลา
ไม่ควรรับประทานปลาที่สุกไม่เพียงพอ เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค
ไม่ควรรับประทานปลาที่มีสารปรอทสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาอินทรีย์ เป็นต้น
ไม่ควรรับประทานปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลากะพง ปลาทู ปลาแซลมอน เป็นต้น เป็นประจำ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
สรุป
อาหารจากเนื้อปลาเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ควรรับประทานเป็นประจำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปลาทู : ปลา ทู นึ่ง มะนาว
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปลาอินทรีย์ : ปลาอินทรีย์นึ่งซีอิ้ว
เว็บไซต์รวบรวมความเกี่ยวกับเนื้อปลา : ปลามีประโยชน์อย่างไร
1 note
·
View note
Text
ประโยชน์จากดอกทานตะวัน
ในเทพนิยายกรีกมีนางไม้ชื่อ Clytie ที่หลงรักเทพอพอลโล ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ ได้เฝ้ามองอพอลโลทุกวันจนผมสีทองของเธอกลายเป็นกลีบดอกสีเหลืองและใบหน้ากลายเป็นดอกทานตะวัน ชื่อ Helianthus มาจากคำว่า helios ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ กับคำว่า anthos ที่แปลว่า ดอกไม้ ที่งดงามมาก
การเข้ามาของดอกทานตะวันในประเทศไทย
ดอกทานตะวันเข้ามาในประเทศในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยชาวฝรั่งเศสนำมาปลูก ปัจจุบัน มีการปลูกทานตะวันเป็นท้องทุ่งจำนวนมากในประเทศไทย แม้กระทั่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 10 ไร่ ริมถนนประเสริฐมนูกิจ หลังโรงเรียนสตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และนิยมถ่ายรูปที่ได้รับความนิยม
การใช้ประโยชน์
ทานตะวันเป็นพืชให้น้ำมันโดยสกัดจากเมล็ด น้ำมันดอกทานตะวันมีกรดไขมันไม่��ิ่มตัวสูงสามารถนำไปใช้ในการฟอกหนังและประกอบอาหาร
ทานตะวันเป็นพืชที่มีบทบาทมากในการฟื้นฟูดิน ตัวอย่างเช่น ทานตะวันสะสมตะกั่วได้ 0.86 mg/kg เมื่อเลี้ยงแบบไฮโดรโพนิกส์[4] และส่งเสริมการย่อยสลายคาร์โบฟูรานได้ 46.71 mg/kg [5][6]ต้นอ่อนทานตะวันการจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์.
น้ำมันทานตะวัน
สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ เช่น การนำมาผัด หรือนำมาปรุงน้ำสลัด มีบางส่วนที่นำมาใช้บริโภคเป็นน้ำมันและเครื่องสำอาง น้ำมันจากเมล็ดทานตะวันเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูง โดยมีน้ำมันไม่อิ่มตัวสูงกว่าร้อยละ 90 ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ (ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง) และยังประกอบไปด้วยวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเคอีกด้วย เมื่อเก็บไว้เป็นเวลานานก็ไม่เกิดกลิ่นหืน อีกทั้งยังทำให้สีกลิ่นและรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะนำมาใช้เป็นน้ำมันพืชแล้ว ยังนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ทำเนยเทียม น้ำมันสลัด ครีม นมที่มีไขมัน และอาหารอีกหลายชนิด นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสี ฟอกสี ทำสบู่ น้ำมันชักเงา น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ทำฟิล์ม ใช้ในการฟอกหนัง เคลือบผิวผลไม้ในลักษณะขี้ผึ้ง เช่น การทำเทียนไข หรือเครื่องสำอาง บ้างใช้เป็นน้ำมันนวด หรือใช้เป็นส่วนผสมของครีมนวดผม หรือผสมในโลชั่นบำรุงผิว (เนื่องจากมีวิตามินอีสูง) กากจากเมล็ดทานตะวันหลังการสกัดเอาน้ำมัน จะมีโปรตีนอยู่ประมาณ 30-40% สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ และยังใช้เป็นแหล่งแคลเซียมสำหรับปศุสัตว์ได้เป็นอย่างดี แต่จะมีปริมาณของกรดอะมิโนอยู่เพียงเล็กน้อย และขาดไลซีน จึงต้องนำมาใช้อย่างรอบคอบ เมื่อจะนำไป��สมเป็นอาหารสัตว์ที่มิใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง นำมาใช้ทำ Lecithin(เลซิทิน) เพื่อใช้ในทางการแพทย์ในการช่วยลดคอเลสเตอรอลในคนไข้ที่มีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
0 notes
Text
โรคตับแข็ง คืออะไร
โรคตับแข็ง หมายถึง ภาวะที่ตับทำงานได้ลดลง ซึ่งเกิดจากการที่ตับมีการอักเสบแบบเรื้อรัง igoal นานเข้าเนื้อตับที่ปกติจะเริ่มมีผังผืดเกิดขึ้น จนในที่สุดเนื้อตับที่มีผังผืดมากกว่าปกติก็จะกลายสภาพเป็นตับแข็งสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคตับแข็งมีหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยที่คือ การดื่มแอลกอฮอล์,ไวรัสตับอักเสบ(ชนิดบีและซี) และภาวะไขมันเกาะตับ
การวินิจฉัย
ต้องใช้หลายอย่างประกอบกัน igoal88 ไม่ว่าจะเป็นการซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียดและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ได้แก่ การเจาะเลือดตรวจ การตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้อง
อาการแสดง
อาการของโรคตับแข็งมีได้หลายแบบ สล็อตออนไลน์ ขึ้นกับระยะของโรคตับแข็ง แต่ส่วนมากผู้ป่วยโรคตับแข็งจะมาพบแพทย์ด้วยอาการและอาการแสดงดังต่อไปนี้
ตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะสีเข้มขึ้น (Jaundice)
ผอมลง น้ำหนักตัวลดลง (Weigth loss)
สีผิวเข้มขึ้น (Hyperpigmentation)
ท้องมานน้ำ ท้องโตขึ้น (Ascites)
ต่อมน้ำลายที่บริเวณกรามทั้งสองข้างโตขึ้น (Parotid gland enlargement)
ในผู้ชายอาจพบว่ามีลูกอัณฑะเล็กลง (Testicular atrophy) เต้านมโตขึ้น (Gynecomastia)
ตับม้ามโต (Hepatosplenomegaly)
จ้ำแดงที่บริเวณฝ่ามือทั้งสองข้าง (Palma erythema)
เส้นเลือดที่บริเวณรอบสะดือขยาย (Caput medusae) และอาจได้ยินเสียงฟู่ในบริเวณดังกล่าว (Cruveilhier-Baumgarten murmur)
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนของตับแข็งมีดังนี้
ภาวะท้องมานน้ำหรือน้ำในช่องท้อง ( Ascites )
ภาวะติดเชื้อของน้ำในช่องท้อง ( Spontaneous Bacterial Peritonitis )
ภาวะเลือดออกจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารและกระเพาะอาหารแตก ( Variceal hemorrhae )
ภาวะไตวายจากโรคตับแข็ง ( Hepatorenal syndrome )
มะเร็งตับ ( Hepatoma )
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคตับแข็ง
แนวทางในการปฏิบัติตัวมีดังนี้
ทำความเข้าใจกับตัวโรคที่���ป็นอยู่ ผู้ป่วยโรคตับแข็งนั้นสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติ
ดูแลรักษาสุขอนามัยประจำตัวให้ดีอย่างสม่ำเสมอ
อาหารที่แนะนำให้รับประทาน มีดังนี้ เช่น
โปรตีน แนะนำให้เป็นโปรตีนจากปลา ไก่ เนื้อหมูไม่ติดมันและจากพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา เป็นต้น เพราะผู้ป่วยตับแข็งมักจะรับประทานอาหารได้น้อยจากหลายสาเหตุ เช่น แน่นท้องไวกว่าปกติ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร เมื่อถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะใช้โปรตีนเป็นแหล่งพลังงานทำให้เกิดภาวะขาดโปรตีนได้มากขึ้น
คาร์โบไฮเดรต ได้จากข้าว แป้ง ขนมปัง อย่างเพียงพอเพื่อให้พลังงานกับร่างกาย
ไขมัน อาหารควรปรุงด้วยไขมันที่เหมาะสม เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย เป็นต้น
วิตามิน สามารถได้รับจากผักผลไม้ที่สะอาด ส่วนวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินดี หรือแคลเซียม จะให้ในผู้ที่เคยมีประวัติเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เช่น สูบบุหรี่ หรือให้ในผู้ที่เคยมีประวัติกระดูกหักมาก่อน เท่านั้น
ข้อสังเกต
ในรายที่ตับแข็งเป็นมาก มีท้องมานน้ำ ขาบวม กดบุ๋ม ต้องรับประทานไข่ขาวสุกให้เพียงพอ ประมาณวันละ 6-10 ฟอง เพื่อเพื่มโปรตีนในเลือดและลดน้ำในท้อง ขาจะยุบบวมเร็วขึ้นและช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ด้วย
อาหารที่พึงหลีกเลี่ยง มีดังนี้
อาหารเค็มทุกชนิดเช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม เพราะจะทำให้ขาบวมมากขึ้นกว่าเดิม
อาหารหมักดอง อาหารรสจัด
อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือ��าหารดิบ อาหารที่ปรุงไม่สะอาด
อาหารทะเล เช่น หอยแครง เพราะจะมีเชื้อโรคที่อันตรายต่อผ้ป่วยตับแข็ง
งดดื่มแอลกอฮอล์ ยาดองเหล้าทุกชนิดอย่างเด็ดขาด
งดอาหารเสริมตามท้องตลาดทุกชนิด
งดสมุนไพร ยาหม้อ ยาต้ม ยาฝุ่น ยาผง ยาฝน ทุกชนิด
งดรับประทานเห็ด เพราะอาจเป็นพิษต่อตับได้ โดยเฉพาะเห็ดป่า
ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ ถ้าไม่เพลียหรือเหนื่อยจนเกินไป
ผู้ป่วยโรคตับแข็งควรได้รับการตรวจอัลตราซาวด์และสารมะเร็งตับทุก 6 เดือน เพื่อเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับระยะเริ่มต้น และควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
1 note
·
View note
Text
แคลเซียมแอลทรีโอเนตแคลเซียมที่ผลิตมาจากข้าวโพด
หลายๆ คนคงรู้จักกับแคลเซียมกันเป็นอย่างดีแล้วว่ามีส่วนช่วยในเรื่องของกระดูกและฟันแล้วนอกจากนั้นแคลเซียมยังมีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกายเกือบทุกส่วนด้วยเช่นกัน แต่แคลเซียมนั้นก็มีหลายประเภทให้เราได้เ��ือกซื้อมารับประทาน หลายคนอาจจะลังเลว่าจะเลือกแคลเซียมแบบไหนดีวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับแคลเซียมที่ผลิตมาจากข้าวโพดกันครับนั้นก็คือแคลเซียมแอลทรีโอเนตนั่นเอง
แคลเซียมแอลทรีโอเนตเป็นแคลเซียมที่สกัดมาจากข้าวโพดชนิดที่ละลายน้ำได้ดีมาก สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 90% สามารถทานก่อนหรือหลังอาหารได้ เนื่องจากดูดซึมได้ดีจึงทำให้ไม่ตกตะกอนค้างในไต (นิ่ว) ไม่ทำให้ท้องผูก ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก และกระดูกอ่อนสร้างน้ำไขข้อได้ดีอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจากแคลเซียมคาร์บอเนต เนื่องมาจากอยู่ในฟอร์มที่ละลายน้ำได้ดีกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตจึงไม่ต้องอาศัยกรดน้ำย่อย ละลายน้ำได้ทุกสถานะ และไม่ต้องอาศัยวิตามินดีในการดูดซึม ทั้งยังดูดซึมได้มากกว่าแคลเซียมทั่วไปประมาณ 5 เท่า และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก กระดูกอ่อนและน้ำหล่อลื่นไขข้ออีกด้วย
สรรพคุณของแคลเซียมแอลทรีโอเนต
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
- มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก และยับยั้งการสลายตัวของกระดูก
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคข้อเสื่อม
- ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าแคลเซียมอื่นๆ ถึง 6 เท่า
- ดูดซึมได้ด้วยตัวเองถึง 95 % เป็น passive transport ซึมผ่านระหว่างเซลล์ โดยไม่ต้องอาศัย- วิตามินดี ซึ่งแคลเซียมชนิดอื่นๆ ต้องใช้วิตามินดี เพื่อช่วยในการดูดซึม และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เพียง 15% เท่านั้น
- ไม่ทำให้ท้องผูกแตกตัวและละลายได้ดีในน้ำ จึงไม่หลงเหลือให้ตกตะกอน หรือสะสมเกาะตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และไม่ทำให้ท้องอืด ท้องผูก
- รับประทานตอนไหนก็ได้ ดูดซึมได้ดีมากด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งกรดในกระเพาะอาหารในการละลาย จึงรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
- แคลเซียมแอลทรีโอเนต ผลิตจากวิตามินซีในแป้งข้าวโพด เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัติที่ต้องการเสริมแคลเซียมในกระดูก
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องกระดูกหรือกำลังมองหาตัวช่วยที่จะเสริมกระดูดให้แข็งแรง แคลเซียมที่ผลิตจากข้าวโพดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการช่วยกระดูกและข้อของคุณให้แข็งแรง เรื่องกระดูกแออย่ารอให้เกิดปัญหาเราสามารถแก้ป้องกันได้ด้วยแคลเซียมแอลทรีโอเนตครับ
0 notes
Text
การบำรุงผมแห้งเสีย ให้กลับมาสุขภาพดี
ผมแห้งเสีย เกิดจากการขาดความชุ่มชื้น การได้รับการบำรุงไม่เพียงพอหรือไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ผมไม่มีน้ำหนัก ชี้ฟู เปราะ และขาดง่าย sa gaming สาเหตุของผมแห้งเสียมีหลายประการ โดยอาจเกิดจากการดูแลเส้นผมไม่ถูกวิธี สภาพอากาศ อายุ และโรคประจำตัวบางอย่าง บทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิค การบำรุงผมแห้งเสีย ให้กลับมามีสุขภาพดีที่คุณสามารถทำตามได้ง่าย ๆ มาฝากกัน
การฟื้นฟูผมแห้งเสียให้นุ่มสลวย
ผมที่มีสุขภาพดีคือ ผมที่นุ่มสลวย เงางาม มีน้ำหนัก ไม่แห้งเสีย ชี้ฟู หรือพันกัน ซึ่งการดูแลผมให้มีสุขภาพดีนั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมและการรับประทานอาหาร เพื่อดูแลสุขภาพผมให้แข็งแรงจากภายใน
การสระผม แชมพูส่วนใหญ่มักประกอบด้วยสารซัลเฟต ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่ทำให้เกิดฟอง ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่บริเวณหนังศีรษะและเส้นผม รวมทั้งกำจัดไขมันที่จำเป็นต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ติดต่อ sa gaming ผู้ที่มีผมแห้งเสียจึงควรเลือกใช้แชมพูที่ไม่มีส่วนผสมของสารซัลเฟต เพื่อป้องกันเส้นผมได้รับสารเคมีและช่วยให้สุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น
การเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม การใช้ครีมนวดผมหลังสระผมทุกครั้ง จะช่วยบำรุงเส้นผมและเติมความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปหลังการสระผม อาจใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมชนิดไม่ต้องล้างออก หรือน้ำมันบำรุงผมหลังการสระผม เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก เป็นต้น โดยเน้นทาบริเวณปลายผม ซึ่งเป็นส่วนที่แห้งและชี้ฟูง่าย
การหวีผม การหวีผมที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ผมหลุดร่วง เปราะ และขาดได้ง่าย หากมีผมพันกัน ควรใช้แปรงหรือหวีซี่ห่างสางผมที่พันกันให้คลายออก ซึ่งจะช่วยป้องกันผมหักงอหรือผมร่วง และการสางผมที่พันกันขณะที่ผมแห้งจะทำได้ง่ายกว่า และลดการขาดร่วงของผมได้ดีกว่าการสางผมเปียก
การจัดแต่งทรงผม การใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมเป็นประจำ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมแห้งเสีย จึงไม่ควรใช้อุปกรณ์ที่ให้ความร้อน อย่างไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม และเครื่องม้วนผมเกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และควรใช้สเปรย์หรือเซรั่มที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนก่อนเส��อ ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงกับเส้นผมบ่อยครั้ง เช่น การทำสี การยืด หรือการดัดผมถาวร เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจทำให้ผมแห้งเสียและอ่อนแอ
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารที่มีประโยชน์ในการบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี ได้แก่ โปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม ช่วยให้ผมแข็งแรงไม่เปราะขาดง่าย รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม อย่างธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี 12 วิตามินซี วิตามินดี และไบโอติน
การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของผมแห้งเสีย หากมีโรคประจำตัวที่มีผลต่อการเกิดอาการผมแห้งเสีย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา ทางเข้า sa gaming แพทย์อาจให้รับประทานยาหรือรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมและตรงจุด ซึ่งอาจทำให้อาการต่าง ๆ รวมทั้งผมที่แห้งเสียดีขึ้นได้
1 note
·
View note
Text
ชวนมอบความสุขแบบสุขภาพดีส่งท้ายปี ด้วย “ชุดของขวัญบลูไดมอนด์ อัลมอนด์”
เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ขอแนะนำ “ชุดของขวัญบลูไดมอนด์ อัลมอนด์” หรือ BLUE DIAMOND ALMONDS GIFT BASKET ที่คัดสรรเมล็ดอัลมอนด์จากแคลิฟอร์เนียอย่างพิถีพิถัน พร้อมมอบความอร่อยระดับพรีเมียม ผ่านกระบวนการที่ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์นานาประการ ทั้งโปรตีน วิตามินอี วิตามินดี วิตามินเอ เส้นใย แคลเซียม ธาตุเหล็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย…
View On WordPress
0 notes
Text
ให้แมวกินปลาทู และสารอาหารหลักที่ต้องให้แมวกินในแต่ละมื้อ
ให้แมวกินปลาทู แม้จะเป็นเมนูที่แมวชื่นชอบ ถือว่าเป็นอาหารจานโปรด แต่ถ้าให้กินในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็อาจส่งผลเสียตามมาได้
การให้อาหารแมว ถือเรื่องพื้นฐานที่คนเลี้ยงแมวต้องรู้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญมาก ของการเลี้ยงแมว เพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีสุขภาพแข็งแรง และเติบโตสมวัย
ให้แมวกินปลาทู หรือปลาดิบ จะเป็นอันตรายหรือไม่?
ในการทำปลาทูเข่งนั้น มีกรรมวิธีคือ การนำปลาทูไปแช่ในน้ำเกลือ เพื่อเป็นการถนอมอาหาร และเพื่อให้เก็บปลาทูไว้ได้นานๆ ซึ่งกรรมวิธีนี้นี่เอง ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับแมว
เพราะโรคไต ถือเป็นหนึ่งในโรคยอดนิยม ที่เราไม่ค่อยอยากให้เกิดขึ้นกับแมว โดยโรคไต เกิดจากการที่ไตของแมว ทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนไตของแมวเกิดความชำรุด และเสียหาย ซึ่งกว่าที่โรคไต จะแสดงอาการของโรคออกมา มักใช้เวลาสะสมมานาน จนกลายเป็นโรคที่รักษาไม่หายได้
นอกจากนี้ ยังมีแมวที่อาจกิน ‘ปลาทูเข่ง ปนเปื้อนเชื้อรา’ เพราะเป็นปลาทูที่ไม่สด หรือเก็บไว้นานแล้ว จนอาจทำให้แมวท้องเสีย หรือถึงขั้นทำให้ม่านตาปิดลง แม้แมวกำลังลืมตาอยู่ได้
ส่วนการให้แมวกินปลาดิบ ก็ต้องระวังเรื่องเชื้อโรค หากปลาไม่สะอาด หรือไม่ได้ผ่านการปรุง โดยใช้ความร้อน อาจทำให้แมวอาเจียน หรือท้องเสียได้ ซึ่งถ้าแมวท้องเสียมากๆ ก็อาจทำให้แมวช็อค จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้น การจะให้แมวกินปลานั้น ควรนำไปนึ่ง หรือนำไปต้ม เพื่อทำให้ปลาสุกเสียก่อน อย่าตามใจแมว แค่เพราะความชอบ จนเป็นการทำร้ายสุขภาพแมวทางอ้อม และทำให้แมวเจ็บป่วย หรือเกิดโรคขึ้นมาได้
‘สารอาหารหลัก’ ที่แมวต้องการ และควรมีในอาหาร ที่ให้แมวกินในแต่ละมื้อ ได้แก่…
1. คาร์โบไฮเดรต ช่วยเรื่องการเจริญเติบโต และการผลิตน้ำนม
2. โปรตีน ช่วยเรื่องการสร้างแอนติบอดี้ เพื่อป้องกันเชื้อโรค การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การทำให้ขนงอก และการสร้างเอนไซน์
3. ไขมัน ช่วยเรื่องการต่อสู้กับความเครียด และให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
4. วิตามิน ช่วยเรื่องต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ ช่วยเรื่องการต้านทานโรค, วิตามินบี ช่วยเรื่องผิวหนัง และโรคทางประสาท, วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวหนังและขน, วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก, วิตามินอี ช่วยเรื่องการสืบพันธุ์ และการผลิตน้ำนม
5. แร่ธาตุ ช่วยในการสร้างกระดูก และฟัน รวมทั้งเลือดด้วย
0 notes