#การรับประทานอาหาร
Explore tagged Tumblr posts
Text
7 สาเหตุของอาการเหนื่อยล้า
มาดู 7 สาเหตุที่ให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้
เมื่อพูดถึงความรู้สึก เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย รับประกันได้เลยว่าคุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวแน่ ๆ หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากความเครียดในชีวิตประจำวัน การนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ การขาดสารอาหาร หรือเจ็บป่วยไม่สบายจากโรค เช่น ไข้หวัด อย่างไรก็ตามอาการเหนื่อยล้าบ่อย ๆ นั้นเป็นเรื่องผิดปกติและอาจเป็นผลมาจากหลาย ๆ ปัจจัย
มาดู 7 สาเหตุที่ให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้
การอดนอน นอนไม่พอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพอย่างเพียงพอนั้นจำเป็นต่อสุขภาพ ในขณะที่นอนหลับร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เซลล์จะได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟู โดยทาง American Academy of Sleep Medicine และ Sleep Research Society แนะนําว่าผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง การนอนหลับยาวช่วยให้สมองมีช่วงของการหลับตื้นไปจนถึงหลับลึก (NREM sleep) และช่วงที่ฝัน (REM sleep) แต่สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการนอนหลับ ความเครียด หรืออาการเจ็บป่วยอาจไปรบกวนการนอน ทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น รู้สึกง่วงและเหนื่อยในเวลากลางวัน ผู้ที่นอนหลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ ในเวลากลางคืนอาจเป็นโรคนอนไม่หลับ (insomnia) การปรึกษาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับสามารถช่วยให้ระบุสาเหตุ ปรับปรุงคุณภาพการนอน และแก้ปัญหาเรื่องอาการเหนื่อยล้าได้
ความเครียด
การต้องรับมือกับความเครียดเป็นเวลานาน ๆ อาจส่งผลต่อโครงสร้างและการทํางานของสมองได้ ทําให้ร่างกายเกิดการอักเสบและรู้สึกเหนื่อยล้า และอาจนําไปสู่ภาวะเหนื่อยล้าจากความเครียด (stress-related exhaustion disorder: ED) ในชีวิตประจำวันเราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ แต่เราสามารถเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด เพื่อป้องกันอาการเหนื่อยล้าได้ การออกกําลังกาย แช่น้ำอุ่น หรือนั่งสมาธิเป็นเทคนิคการผ่อนคลายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถลดความเครียดและความเหนื่อยล้า หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาวิธีรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม
โรคต่าง ๆ
ความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียอาจเป็นผลมาจากโรค เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะพร่องไทรอยด์ โรคมะเร็ง โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรควิตกกังวล โรคไต ภาวะซึมเศร้า โรคเบาหวาน และภาวะปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นเรื้อรัง (fibromyalgia) เมื่อรักษาโรคดังกล่าวหาย อาการเหนื่อยล้ามักดีขึ้นและหายในที่สุด
การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สารอาหารครบถ้วนถือเป็นสิ่งสําคัญต่อกระบวนการที่สําคัญ ๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายไม่ได้รับแคลอรี่���ละสารอาหารอย่างเพียงพอ ไขมันและกล้ามเนื้อจะถูกดึงมาใช้เป็นพลังงาน ทําให้ร่างกายสูญเสียไขมันและมวลกล้ามเนื้อ อาหารและเครื่องดื่มรสหวานอาจทําให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและทําให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืน
ผัก ผลไม้สด และโปรตีนไม่ติดมัน เช่น ไข่และปลา ให้สารอาหารที่จําเป็นต่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพและช่วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
การขาดสารอาหาร
การขาดวิตามินและแร่ธาตุ (วิตามิน B2, B3, B5, B6, B9, B12, C, D, เหล็กและแมกนีเซียม) เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการเหนื่อยล้าที่หาสาเหตุไม่ได้ ประชากรโลกมากกว่า 50 % ได้รับผลกระทบจากการขาดวิตามินดีและประมาณ 12.5% มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ความสามารถในการดูดซึมวิตามินบี 12 ของร่างกาย ซึ่งจําเป็นสําหรับการเผาผลาญและการลำเลียงออกซิเจนจะเสื่อมสภาพลงตามอายุที่มากขึ้น ความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเป็นอาการหนึ่งของการขาดสารอาหาร การตรวจเลือดสามารถประเมินได้ว่าอาการเหนื่อยล้านั้นเกิดจากการขาดสารอาหารหรือไม่ หากใช่ อาการจะดีขึ้นเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป
การดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไปอาจไปรบกวนวงจรการนอนหลับและทำให้ผล็อยหลับได้ยาก รู้สึกวิตกกังวลในเวลากลางคืน ตื่นนอนตอนกลางคืน และง่วงนอนตอนกลางวัน ควรลดการบริโภคคาเฟอีนและประเมินว่านอนหลับได้ดีขึ้นและรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอนหรือไม่
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปหรือโรคอ้วน
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปมักมีวงจรการนอนหลับที่ไม่สม่ำเสมอและเสี่ย
งต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ อาการดังกล่าวอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางวันและเกิดภาวะเหนื่อยล้าเรื้อรังได้ โรคอ้วนยังเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งก่อให้เกิดอาการเหนื่อยล้าได้ การรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีและรักษาระดับพลังงานในระหว่างวันป้องกันความเหนื่อยล้า
ภาวะเหนื่อยล้าเรื้อรัง เกิดขึ้นได้จากหลายปัจ��ัย การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต นิสัยการกิน และการรักษาอาการเจ็บป่วยสามารถช่วยทำให้อาการเหนื่อยล้าหายหรือดีขึ้นได้ แต่ถ้าหากรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
หวยssslotto แทงง่ายๆ ได้จริงๆ เพียงคลิกแทงหวยยี่กี่
ขอบคุณข้อมูลจาก : medparkhospital
0 notes
Text
ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีหน้าที่หลักเกี่ยวกับความแข็งแรงของกระดูก โดยร้อยละ 98 ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่นำมาสู่โรคกระดูกพรุน การเลือกอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้น
ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ
1. สภาพโรคและสุขภาพโดยรวม: ผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ มีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมสารอาหาร หรือมีปัญหากับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้แคลเซียมเสริม เพราะการมีแคลเซียมในร่างกายมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงที่อาจเป็นอันตราย
2. รูปแบบของแคลเซียม:อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุมีหลายรูปแบบ เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) และแคลเซียมซิเตรต (Calcium Citrate) โดยทั่วไปแคลเซียมซิเตรตอาจดูดซึมได้ง่ายกว่าและสามารถรับประทานได้ไม่ว่าจะท้องว่างหรือท้องเต็ม แต่แคลเซียมคาร์บอเนตมีแคลเซียมสูงกว่าต่อหน่วยและมักมีราคาถูกกว่า
3. ความต้องการแคลเซียมประจำวัน: ผู้สูงอายุมีความต้องการแคลเซียมที่สูงกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป เพื่อส่งเสริมสุขภาพกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน โดยทั่วไปแนะนำให้ผู้สูงอายุได้รับแคลเซียมประมาณ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
4. การรับประทานอาหาร: หากผู้สูงอายุสามารถรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงได้จากแหล่งธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์นม ผักใบเขียว หรือปลาที่รับประทานพร้อมกับกระดูก อาจไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมมากนัก
5. การใช้ยาอื่นๆ: อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยากันชัก และอื่นๆ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาเสริมเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์
6. การตรวจสอบวิตามิน D: วิตามิน D มีบทบาทสำคัญในการดูดซึมแคลเซียม ดังนั้นการตรวจสอบระดับ��ิตามิน D และอาจรับประทานวิตามิน D เสริมก็เป็นส��่งสำคัญ
การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลสุขภาพรอบด้าน และควรมีการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมและปลอดภัย
0 notes
Text
0 notes
Text
พิธีกรรม ความเป็นมา ประวัติศาสตร์ ที่ควรศึกษาเรียนรู้
พิธีกรรม เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในสังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตที่แห่งวัฒนธรรมมนุษย์เกิดขึ้น พิธีกรรมเป็นรูปแบบการต่อต้านทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่ผู้คนมักแชร์และใช้กันเป็นประจำ เพื่อพิธีกรรมบางอย่าง บางครั้งมันอาจเกี่ยวข้องกับการสื่อสารกับผีสาง การแสดงความคิดเห็น การรับประทานอาหาร บางทีก็เพื่อเพลง มีหน้าที่ในการสอนเป็นตัวอย่างที่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้ทันทีถ้าเราไม่เข้าใจกฎมาตรฐาน พิธีกรรม ทำงานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรและธุรกิจทุกประเภท เพราะการมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทำให้ทุกคนเข้าใจขั้นตอนและหน้าที่ของตน นอกจากนี้ การมีพิธีกรรมทำให้มีความมั่นใจว่าผู้ที่อยู่ในองค์กรสามารถทำงานของตนได้อย่างถูกต้องและตรงตามข้อกำหนด
เครดิต :: ของโบราณ
0 notes
Text
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ภาวะความเสื่อมของระบบประสาทแบบก้าวหน้า Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) หรือที่รู้จักกันในชื่อโรค Lou Gehrig ทำลายเซลล์ประสาทหรือเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลัง ภาวะที่มีผู้เล่นเบสบอลชื่อดังเป็นชื่อเดียวกัน ส่งผลต่อเซลล์ประสาทสั่งการที่ควบคุมกล้ามเนื้อโดยสมัครใจ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบ การพูด การรับประทานอาหาร และการหายใจลำบากอาจพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป อันเป็นผลมาจากการที่สมองไม่สามารถเริ่มต้นและควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ เนื่องจากการสูญเสียเซลล์ประสาทสั่งการอย่างต่อเนื่อง อายุขัยเฉลี่ยของผู้ที่เป็นโรค ALS จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปีนับจากเวลาที่ตรวจพบ อย่างไร��็ตาม พัฒนาการของโรคจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ALS รักษาไม่หายแม้จะมีการวิจัยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มียาที่ช่วยควบคุมอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิต
โรค Lou Gehrig หรือที่รู้จักในชื่อ Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) มีลักษณะอาการหลายอย่างที่มีแนวโน้มแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาเริ่มต้นอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะแย่ลงและไร้ความสามารถมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าประสบการณ์ของแต่ละคนกับ ALS อาจแตกต่างกันอย่างมาก ต่อไปนี้คืออาการ ALS ทั่วไปบางส่วน:
กล้ามเนื้ออ่อนแรง: โดยปกติแล้ว นี่เป็นอาการแรกของ ALS ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย อาจเริ่มที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น มือหรือเท้า อาจทำให้ยากต่อการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น เขียนหนังสือ เดิน หรือติดกระดุมเสื้อผ้า
หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากการกระตุกของกล้ามเนื้อ (หรือที่เรียกว่า fasciculations) เป็นตะคริว และตึง ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนที่จะมีอาการเพิ่มเติม
การพูดและการกลืนบกพร่อง: เมื่อ ALS แย่ลง อาจทำลายกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบในการพูดและการกลืน ส่งผลให้เกิด dysarthria (พูดอ้อแอ้) กลืนลำบาก (กลืนลำบาก) และคุณภาพเสียงเปลี่ยนไป
ปัญหาการหายใจ: ในที่สุด ALS อาจทำลายกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการหายใจลำบาก แม้กระทั่งในขณะพัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ออกแรงกาย
Pseudobulbar effect เป็นอาการของผู้ป่วย ALS บางรายที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในปฏิกิริยาทางอารมณ์ของพวกเขา เสียงหัวเราะหรือน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้อาจตามมา
แม้ว่าจะไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่บางคนอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจหรือแม้แต่ภาวะสมองเสื่อม ไม่ใช่ว่าผู้ป่วย ALS ทุกรายจะประสบกับอาการนี้
การสูญเสียน้ำหนัก: ปัญหาการกลืนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านอาหารและการลดน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ การลดน้ำหนักยังส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ
โปรดทราบว่าอาการเหล่านี้หลายอย่างคล้ายกับความผิดปกติอื่นๆ ดังนั้นเพียงเพราะบางคนมีอาการเหล่านี้ไม่ได้รับประกันว่าพวกเขาจะเป็นโรค ALS เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ การไปพบแพทย์หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังแสดงอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม :: โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
0 notes
Text
3 เทคนิคดูแลสุขภาพของคนในช่วง วัยทำงาน
พูดถึง คนวัยทำงาน ในปัจจุบัน ภาพรวมส่วนใหญ่มีน้ำหนักตัวเพิ่มและอ้��นขึ้นมาก โดยเฉพาะผู้ชายจะเห็นได้ว่าหลายคนเริ่มอ้วน รูปร่างท้วมและมีพุงยื่นเหมือนคนท้อง หรือที่เรียกกันว่า ลงพุง พอมีน้ำหนักและรูปร่างที่เกินมาตรฐานที่ร่างกายต้องการ 789bet สล็อต จึงทำให้เกิดโรคที่เกิดจากความอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เข่าและข้อเสื่อม เนื่องจากแบกรับน้ำหนักร่างกายที่เกินตัวและกระดูกแบกรับไหว ซึ่งเสี่ยงต่อโรคกระดูกต่าง ๆ ตามมาด้วย นอกจากนี้หลายคนเมื่อทำงานอยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ นั่งนาน ๆ หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่า สำหรับคนที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วนก็ยังเสี่ยงต่อโรค Office Syndrome ด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า คนวัยทำงาน ส่วนใหญ่พักผ่อนไม่เพียงพอ การอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ เป็นเวลานานๆ ประกอบกับปัจจุบันเกิดการแข่งขันเร่งรีบในการทำงาน จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจใน สุขภาพ ของตนเอง เรื่องอาหารการกกินจะรับประทานอาหารประเภทจานด่วน ของทอดและชอบทานประเภทน้ำดื่มและขนมหวาน รวมถึงเครื่องปรุงรสจัด จึงละเลยที่จะดูแลสุขภาพ ทำให้คนวัยทำงานส่วนใหญ่อ้วนและลงพุงมากขึ้นเรื่อย ๆอ้วน วันนี้ทางบทความของเราจึงจะมาแนะนำในเรื่องของ การดูแลสุขภาพคนวัยทำงาน ดูแลอย่างไรไม่ให้เราอ้วนหรือเสี่ยงต่อโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน มีเคล็ดไม่ลับ 3 วิธีการดูแลสุขภาพ หลัก ๆ ด้วยกันคือ
1. การรับประทานอาหาร
เนื่องจากอาหารเป็นสิ่งแรกที่ร่างกายต้องได้รับ เพราะสัมพันธ์กับทุกส่วนของระบบร่างกาย ฉะนั้นจะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้มากขึ้น ลดการรับประทานแป้งโดยเฉพาะข้าว หันมาประทานผักและผลไม้ที่มีรสไม่หวานมาก ผลไม้รสเปรี้ยว สิทธิพิเศษ 789bet เช่น ส้ม ฝรั่งเป็นต้น ที่สำคัญการรับประทานมื้อเย็นมากเกินไปจะส่งผลต่อโรคอ้วนมากที่สุด เพราะร่างกายช่วงเย็นจะเป็นช่วงที่ระบบร่างกายอยู่ในช่วงพักผ่อน ในเรื่องของการรับประทานอาหาร ช่วงเย็น ๆ ผู้เขียนจะพยายามห่างกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันดื่มการดริงค์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราไม่สามารถรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และควบคุมอาหารเข้าสู่ร่างกายได้
2. การออกกำลังกาย
ซึ่ง การออกกำลังกาย เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญแคลอรี่ที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน สามารถที่จะเลือกออกกำลังกายที่ตนเองถนัดหรือที่ตนเองชื่นชอบ ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ ก็ช่วยทำให้ร่างกายได้รับกา��เผาผลาญแคลอรี่ เกิดความกระชับของกล้ามเนื้อ ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้น ไม่เสี่ยงต่อโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินด้วย สำหรับผู้เขียนนั้นจะออกกำลังกายโดยการวิ่งเบา ๆ โดยในแต่ละวันจะออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีหรือระยะทาง 5 กิโลเมตรโดยประมาณ
3. การพักผ่อนที่เพียงพอ
โดย การพักผ่อน ที่ดีที่สุดก็คือ การนอน จำนวนชั่วโมงที่ร่างกายของคนเราแต่ละคนต้องการนั้นไม่เท่ากัน บางคนนอนมากก็อ้วนหรือนอนไม่พอก็อ้วนได��เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นต้องนอนเท่าที่ร่างกายเราต้องการ แต่ที่ยึดถือปฏิบัติกันคือจะต้องนอนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง แต่จริง ๆ อยู่ที่ร่างกายของแต่ละคนว่านอนได้กี่ชั่วโมงแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แนะนำเพื่อน 789bet สามารถทำงานได้ อันนั้นก็ถือว่าร่างกายได้นอนหลับอย่างเพียงพอ และสำหรับผู้เขียนผู้เขียนเองนั้น จะมีเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งก็คือหลังจากที่เรารับประทานข้าวเที่ยงแล้ว ผ่านไปประมาณ 30 นาทีจะนอนหลับประมาณ 10 -15 นาทีเพื่อให้ร่างกายของเราได้พักผ่อน ตื่นขึ้นมาก็จะทำให้การทำงานช่วงบ่ายของเรามีความอย่างสดชื่นมากขึ้นด้วย
จากเนื้อหาบทความข้างต้นผู้อ่านเห็นหรือไหมว่า การดูแลสุขภาพ ของเราซึ่งอยู่ในวัยทำงานนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เป็นเคล็ดไม่ลับที่เราเองไม่ควรละเลยกับร่างกายของเรา ควรหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพกัน ก่อนที่โรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินจะมาเยือน เพราะถ้าถึงตอนนั้นจะทำให้ร่างการกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนเดิมจะลำบากมาก ซึ่งด้วยเคล็ดไม่ลับ 3 วิธีดูแลสุขภาพคนวัยทำงาน คือ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและการพักผ่อนที่เพียงพอ ที่ผู้เขียนนำมาฝากนี้ คุณเองก็สามารถที่ทำได้ เพียงแต่ต้องมีวินัยในการดูแลสุขภาพตนเองอย่างจริงจัง ยังไงผู้เขียนก็ให้กำลังใจทุกคน โดยเรามาร่วมสร้างสุขภาพที่ดีของตนเองได้เลยทันที
#ลงพุง#การดูแลสุขภาพ#วิธีดูแลสุขภาพคนวัยทำงาน#แนะนำเพื่อน 789bet#การนอน#การออกกำลังกาย#สิทธิพิเศษ 789bet#789bet สล็อต
0 notes
Text
อาหารคลีน ดีอย่างไร
ปัจจุบันนี้ อาหารคลีน กําลังเป็นแฟชั่นยอดฮิตในกลุ่มทีรักสุขภาพหรือกลุ่มทีต้องการลดนํ าหนัก ซึง แท้ทีจริงแล้วอาหารคลีนใช่อาหารสําหรับคนลดความอ้วนหรือไม่อาหารคลีน (Clean Food) คืออาหารทีไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมีต่าง ๆ หรือผ่านการแปรรูปน้อยทีสุด กีฬาออนไลน์ อาหารเหล่านี จะเป็นอาหารทีสดสะอาด ผ่านขั นตอนการปรุงแต่งมาน้อยหรือไม่ผ่านการปรุง แต่งเลย เน้นธรรมชาติของอาหารนันเป็นหลักไม่ผ่านกระบวนการหมักดองหรือปรุงรสใด ๆ มากจนเกินไป เช่น เค็มจัด หวานจัด หรือ มัน เป็ นต้น อย่างไรก็ตามในบางครั งการปรุงแต่งอาหารทีถูกต้องเหมาะสม เช่น สุกพอดี ไม่ใส่เครืองปรุงมากเกินไป ก็ไม่ได้เป็นภัยอัตรายต่อร่างกายเช่นกัน
ดังนั้นถ้าประชาชนรับประทานอาหารตามปกติถูกต้องตามหลักโภชนาการ โดยไม่ปรุงแต่ง หวาน มัน เค็ม มาก เกินไป ก็สามารถมีสุขภาพทีแข็งแรงได้ การรับประทานอาหารแบบคลีน คือ การรับประทานอาหาร 5 หมู่ในสัดส่วนทีเหมาะสม ู คือต้องมีทังคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ผัก ผลไม้ และไขมัน ในปริมาณทีเพียงพอต่อความต้องการ ของร่างกาย ไม่ใช่การเน้นรับประทานทานผักเยอะ ๆ แต่เพียงอย่างเดียว โดยสรุปอาหารคลีนเป็ นอาหารทีถูกหลักโภชนาการประเภทหนึ่ง ซึงมีสรรพคุณที่ดีสําหรับคนที่อ้วนเนืองจากไม่ผ่านการปรุงแต่งเติมไขมัน ความหวาน ความเค็มเพราะอาหารคลีนส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบทีคง เดิมจากธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งสังเคราะห์ หรือหากจะมีการปรุงแต่งก็มีการปรุงแต่งทีน้อยถึงน้อย ทีสุด ซึงจะมีผลดีต่อคนทีต้องการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดไขมัน และคนทีใส่ใจกับสุขภาพของตนเอง
ขั้นตอนการเริ่มรับประทานอาหารคลีน
1. ดื่มน้ำสะอาด เดิมพันกีฬาออนไลน์ แทนการดื่มเครืองดื่มชากาแฟ น้ำอัดลม
2. ค่อย ๆ ลดอาหารหมัก ดอง กึงสําเร็จรูปและรับประทานอาหารทีสดใหม่แทน
3. เปลี่ยนรสชาติอาหาร สําหรับผู้ทีรับประทานอาหารรสจัดให้ลองค่อยๆลดปริมาณเครืองปรุง
4. รับประทานผัก ผลไม้ให้มากขึ น
5. อ่านฉลากทุกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบในการเลือกอาหาร โดยเลือกทีมีส่วนผสมน้อยทีสุด ผ่าน กรรมวิธีน้อยทีสุด และหลีกเลียงกลิ่นสีรสปรุงแต่ หรือพวกทีมีปริมาณโซเดียมมากสิ่งสําคัญสําหรับท่านทีเริมต้นการกินอาหารคลีนต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่าถึงกับตัดขาดอาหารบางประเภททีคุณโปรดปราน เพียงแค่ลดปริมาณให้น้อยลงไปเรือย ๆจนคุณเริมคุ้นชินกับอาหารประเภทคลีน เพราะการลดอาหารปกติอย่างฉับพลัน สล็อตออนไลน์ เพือจะเปลี่ยนไปทานอาหารเพือสุขภาพแบบทันทีมันอาจจะมีผลเสียย้อนกลับมาอย่างเช่นรู้สึกไม่มีแรง หิวง่าย และมีอาการหงุดหงิดตลอดเวลา นั นทําให้การใช้ชีวิตคุณแย่ลง ซึงไม่ใช่การรับประทานเพือสุขภาพ แน่นอน นอกจากการรับประทานอาหารคลีนแล้วสิ่งสําคัญทีช่วยให้มีสุขภาพดี ต้องอย่าลืมออก กําลังกายอย่างสมําเสมอ และควบคุมอารมณ์ไม่หมกมุ่นไม่ให้เกิดความเครียด สุขภาพดีก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
0 notes
Text
HOW TO วิธีฮีลใจตัวเองตัวเองอย่างไร ในวันที่หมดกำลังใจ
ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็ว ทุกอย่างดูเร็วและเร่งรีบไปหมด เป้าหมายของหน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัว รวมถึงภาระความรับผิดชอบมากมายที่แบกเอาไว้ในแต่ละวัน กลายเป็นน้ำหนักที่สะสมความหนักอึ้งเอาไว้บนบ่าไหล่แห่งความรับผิดชอบทีละนิด จนวันหนึ่งมันเริ่มหนักเกินรับไหว จะหันไปขอกำลังใจจากใคร คนอื่นเขาก็ดูยุ่งและเหน็ดเหนื่อยไม่ต่างจากเราหากคุณรู้ว่าตัวเองเศร้าแต่หาสาเหตุไม่ได้และไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี sa casino มีวิธีเบื้องต้นในการข้ามผ่านวันเศร้าๆ มานำเสนอ
1.หาสาเหตุ
ความเศร้าไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่เป็นสภาวะอารมณ์ตามธรรมชาติ การจะผ่านความรู้��ึกเศร้าไปได้คือต้องมองเห็นต้นสายปลายเหตุของมันเสียก่อน ดร.เมลานี กรีนเบิร์ก (Melanie Greenberg) นักจิตวิทยากล่าวว่าความเศร้าเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศ การขาดวิตามินดี ความเหงา ฮอร์โมน ความทรงจำไม่ดีในวัยเด็ก ความคาดหวัง เครียดสะสม การทำงานของสารเคมีในสมอง และอื่น ๆ อีกมากมาย บางอย่างเราสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ แต่บางสาเหตุก็จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ร่วมด้วย
2.ดูแลร่างกาย
ร่างกายเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ เพราะเมื่อกายป่วยใจเราก็อาจป่วยตามได้ง่ายๆ เช่นกัน ฌอน โกรเวอร์ (Sean Grover) นักจิตบำบัดจากนิวยอร์กให้คำแนะนำว่า การนอน การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายล้วนส่งผลต่ออารมณ์ทั้งสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้วันเศร้าๆ มาเยือน สมัครสมาชิก sa gaming ควรนอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง อาหารที่อาจทำให้ท้องอืด ควบคู่กับการออกกำลังกาย คาร์ดิโอประมาณ 30-40 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถลดความเศร้าได้ ในวันแย่ๆ ได้ การลุกขึ้นขยับร่างกาย เดิน วิ่ง ทานอาหารอร่อยๆ นอนพักสักนิดก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้เช่นกัน
3.เยียวยาจิตใจ
ร่างกายที่ว่าสำคัญแล้ว จิตใจนั้นสำคัญยิ่งกว่า ฌอน แนะนำต่ออีกว่าการปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับศิลปะ เสียงดนตรี บทกวี หรือกิจกรรมที่ชอบก็มีส่วนช่วยในการผ่อนคลายและทำให้อารมณ์ดีขึ้น เมื่อกำลังเผชิญกับวันแย่ๆ พยายามหลีกเลี่ยงการเสพข่าวสารหนักๆ ที่อาจสร้างความตึงเครียด มองหางานอดิเรกที่อยากทำ อาจจะลองท้าทายตัวเองด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือแม้แต่การพูดคุยกับเพื่อน เล่นกับสัตว์เลี้ยงก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
4.พาตัวเองออกไปข้างนอก
เมื่อรู้สึกเศร้า ไม่ควรซุกตัวอยู่บนเตียงหรือขังตัวเองไว้ในบ้าน แต่พยายามออกไปพบเจอโลกภายนอกบ้าง ปีเตอร์ บองจัวร์โน (Peter Bongiorno) แพทย์ด้านธรรมชาติบำบัดกล่าวว่ามนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อให้ใช้ชีวิตกลางแจ้ง ดาวน์โหลด sa gaming ท่ามกลางแสงแดดและต้นไม้ใบหญ้า แสงแดดช่วยเพิ่มวิตามินดี กระตุ้นการหลั่งสารเซโรโ��นิน (serotonin) ในสมองทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้สารเคมีไฟโตไซด์ (phytoncides) ที่พืชปล่อยออกมายังมีสามารถช่วยให้จิตใจสงบอีกด้วย
5.ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ความเศร้าอาจเป็นหนึ่งในอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญานเตือนถึงภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของสารเคมีในสมอง ตัวคุณเองไม่สามารถรับมือได้เพียงลำพัง ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าความเศร้าอยู่กับคุณนานเกินไปและไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขอย่างถูกวิธี
0 notes
Photo
ซื้อขาย รูปภาพออนไลน์ ภาพอาหารไทยแสนอร่อย รายละเอียด ภาพอาหารไทยแสนอร่อย คำสำคัญในการค้นหา สีเขียว , สุขภาพ , สุขภาพดี , อาหาร , ห้องครัว , ทำอาหาร , อาหาร , ทอด , อร่อย , อร่อย , ร้านอาหาร , ผัก , การรับประทานอาหาร , ภาพ , ไก่ , ซอส , เผ็ด , โภชนาการ , อาหารเย็น , พริกไทย , ไข่ , วัฒนธรรม , ใน , ติด , ฟีด , เครื่องเทศ , เอเชีย ,ไทย , ต่างประเทศ , หัวหอม , ของ , foto , ผัด , แกง , ก๋วยเตี๋ยว , Tailand , ไทย , restoraunt , THAILANDE , อาหารไทย , ผัด , ส้มตำ , cibiTHAILANDE , อาหารไทย , ผัด , ส้มตำ , cibiTHAILANDE , อาหารไทย , ผัด , ส้มตำ , cibi
#cibi#cibiTHAILANDE#foto#restoraunt#tailand#thailande#ก๋วยเตี๋ยว#การรับประทานอาหาร#ของ#ซอส#ต่างประเทศ#ติด#ทอด#ทำอาหาร#ผัก#ผัด#พริกไทย#ฟีด#ภาพ#ร้านอาหาร#วัฒนธรรม#ส้มตำ#สีเขียว#สุขภาพ#สุขภาพดี#ห้องครัว#หัวหอม#อร่อย#อาหาร#อาหารเย็น
0 notes
Text
เทคนิคเพิ่มความสูง ที่พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้ลูกได้
เทคนิคเพิ่มความสูง เคล็ดลับ วิธีเพิ่มความสูง ความสูง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้เรามีความน่ามอง มีความมั่นใจในตัวเอง นอกจากปัจจัยเรื่องกรรมพันธุ์แล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลัง การรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่จึงเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยลูกให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง
เทคนิคเพิ่มความสูง
กระโดดเชือก. การออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อ 30–60 นาที เช่น แขวนบาร์ กระโดดเชือก บาสเก็ตบอล หรือว่ายน้ำเป็นประจำ 30–60 นาทีต่อวัน จะช่วยเพิ่มความสูงได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนให้เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนการเจริญเติบโตมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโต
ดื่มนมวันละ 2 แก้ว การดื่มนมสดวันละ 2 แก้ว หลังอาหารเช้าและก่อนนอนจะช่วยเร่งการเจริญเติบโต และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกอีกด้วย
งดดื่มน้ำอัดลม มีกรดร้ายแรงในน้ำอัดลม ที่ทำลายกระดูกและฟัน หากรับประทานบ่อย ๆ อาจกลายเป็นโรคกระดูกพรุนและเบาหวานได้เช่นกัน
นอนหลัง 21.00 น. ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ฮอร์โมนส่วนสูงออกมากที่สุด หากคุณต้องการมีรูปร่างสูงและสุขภาพดี คุณควรปรับเวลานอนของคุณ
กินอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลา กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง ผักใบเขียว เช่น คะน้า น้ำเต้า และผักกาดเขียวเป็นแหล่งของแคลเซียม
ติดตาม สาระน่ารู้ เพิ่มเติมจาก โรงเรียนบ้านเกาะพลวย
0 notes
Text
วิตามินตัวไหน? ที่ร่างกายขาดแล้วทำให้ป่วย
หากมีการถามค��่าว ๆ ว่า ‘วิตามิน’ มีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใด หลาย ๆ คนอาจจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ในขณะเดียวกันนั้น หากเปลี่ยนคำถามที่ว่า วิตามินอะไรที่ถ้าร่างกายขาดแล้วจะส่งผลเสียบ้าง เชื่อว่าหลาย ๆ คน ก็อาจจะสงสัยอยู่เช่นกัน ฉะนั้นแล้ว เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
โดยคร่าว ๆ หากมีการตั้งคำถามถึงวิตามินแล้ว วิตามินก็คือสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องมีในปริมาณน้อย แต่ไม่สามารถขาดได้ เนื่องจากเพื่อให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ปกติ ซึ่งการขาดวิตามินทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติและเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ถามว่าร่างกายควรรับวิตามินมากน้อยแค่ไหน คำตอบคือ ร่างกายไม่ได้ต้องการวิตามินในปริมาณมาก แต่ต้องการทุกวัน คนส่วนใหญ่ที่กินอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่มักจะได้รับวิตามินเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
วิตามินใดที่ร่างกายไม่ควรขาดอย่างยิ่ง
วิตามินซี
วิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ บร็อคโคลี่ มันฝรั่ง พริกหวาน ผักโขม มะละกอ มะม่วง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม
วิตามินดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกระดูก โดยปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อได้รับแสงแดด สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับแสงแดด ร่างกายอาจจะสร้างวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ฉะนั้น ควรรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เห็ด และดื่มนมที่เสริมวิตามินดีเป็นประจำ
วิตามินเอ
ด้านวิตามินเอ จะช่วยรักษาสายตาของผู้สูงวัยไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งของวิตามินเอในอาหาร ได้แก่ ผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก
วิตามินอี
ส่วนวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย วิตามินอีพบมากในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว งา และน้ำมันสำหรับปรุงอาหารทุกชนิด
แคลเซียม
สำหรับแคลเซียมนั้น จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่น โดยผู้สูงอายุต้องการแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ส่วนอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียม ได้แก่ นมถั่วเหลืองเพิ่มแคลเซียม นมสด ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวไม่หวานจัด ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น ฟองเต้าหู้ ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก, ผักใบเขียวเข้ม ผักสีส้ม เช่น คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบยอ ฟักทอง แครอท
เสริมวิตามิน��ับร่างกายอย่างไรให้ได้ประโยชน์
เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนโดยส่วนใหญ่ อาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่ครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามที บวกกับกระบวนการทำอาหารระหว่างทางที่อาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางอย่างไปได้ ฉะนั้นวิธีเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีประสิทธิภาพจึงมักมาจาก 3 แหล่งหลักๆ คือ
-ผักและผลไม้ เช่น ผักโขม พริกหวาน มันฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง ส้ม และถั่วต่างๆ
-การรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริม ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้ที่มีเวลาดูแลตัวเองน้อย
-วิตามินจากธรรมชาติ
โดยการออกไปรับวิตามินดีฟรีๆ ผ่านแสงแดด เป็นการเพิ่มระดับวิตามินดีให้ร่างกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวัน รวมถึงการเดินเหยียบหญ้าในตอนเช้าก็สามารถช่วยกระตุ้นความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมรับอากาศบริสุทธิ์ไปในตัวอีกด้วย
ผลเสียในการรับวิตามินที่มากเกินไป
แม้ว่าวิตามินจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าได้รับที่มันมากเกินไปแล้ว อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ การทานอาหารเสริมหลายอย่างอาจจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุซ้ำกันจนได้รับเกินขนาด เช่น ได้รับธาตุเหล็กมาเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้รับวิตามินเอมากเกินไปก็เป็นพิษต่อตับ
ฉะนั้นแล้ว การได้รับแร่ธาตุบางอย่างมากเกินไปก็จะรบกวนการดูดซึมของแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ตัวหนึ่งขาด ตัวหนึ่งเกิน การทานสารสกัดจากพืชบางชนิดในปริมาณมากเป็นเวลานานอาจเกิดปัญหากับตับและไตได้ด้วย
หวยssslotto แทงง่ายๆ ได้จริงๆ เพียงคลิกแทงหวยยี่กี่
ขอบคุณข้อมูลจาก : ซิกน่า, โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
0 notes
Text
ผลเสียที่ต้องระวัง จากการทานวิตามินมากเกินไป
ผลเสียที่ต้องระวัง
จากการทานวิตามินมากเกินไป
วิตามิน และ แร่ธาตุ (Micronutrients) คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณน้อย แต่ขาดไม่ได้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การดูดซืมสารอาหาร การหายใจระดับเซลล์ และการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล และ มีสุขภาพที่ดี พูดง่าย ๆ คือ วิตามินเป็นเหมือนแบต��ตอรี่ให้กับรถยนต์ที่จำเป็นจะต้องมี แต่ไม่ได้เป็นพลังงานหลักในการขับเคลื่อนรถยนต์
“สำคัญที่สุดคือร่างกายของเราไม่สามารถผลิตหรือสังเคราะห์วิตามินขึ้นมาได้”
หลายคนจึงหาวิตามินและแร่ธาตุ ที่ช่วยตอบโจทย์สุขภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมวิตามิน อาหารเสริม รวมไปถึงเครื่องสำอางที่มีการเสริมวิตามินหรือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีวางจำหน่าย และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตามท้องตลาด
การเลือกวิตามินเพื่อดูแลสุขภาพนั้น หลายคนเลือกจากเพื่อนแนะนำ หรือ สื่อโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งเลือกวิตามินหลากหลายชนิด และปริมาณที่สูง เพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และ รวดเร็ว โดยไม่ได้มีการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือตรวจสุขภาพก่อนการรับประทาน
“ร่างกายของแต่ละคนนั้นมีความต้องการวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล เช่น เพศ อายุ การรับประทานอาหาร และ ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น”
หากคุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจเกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบภายใน เช่น ตับ และ ไต ที่มีหน้าที่ในการขับของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำงานมากยิ่งขึ้น และอาจเกิดการสะสมในอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งนำมาสู่การเกิดภาวะเป็นพิษ หรือผลเสียต่อร่างกายได้
Vitaboost จึงขอนำเสนอผลเสียของวิตามินที่หลาย ๆ คนมักหาซื้อตามท้องตลาดมากที่สุด 6 ชนิด ดังนี้
1. Vitamin A
วิตามินเอ(Vitamin A) หรือ เรตินอล(Retinol)เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินเอที่พบส่วนมากมีอยู่ 2 รูปแบบ ดังนี้
1.รูปแบบสารให้วิตามินเอ เรียกว่า กลุ่ม Retinoids พบในอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์เท่านั้น 2.รูปแบบสารก่อวิตามินเอ เรียกว่า กลุ่ม Caroteniods พบมากในพืชผัก
ร่างกายดูดซึมวิตามินเอกลุ่ม Retinoids ได้ถึง 70-90% ในขณะที่กลุ่ม กลุ่ม Caroteniods มีการดูดซึมเพียง 5-65% โดยมีการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอกลุ่ม Retinoids ได้บางส่วน
“วิตามินเอ ช่วยป้องกันอาการตาบอดกลางคืนและ ป้องการจอประสาทตาเสื่อม ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการเกิดสิว ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย และส่งเสริมความแข็งแรงของกระดูก”
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่มาจากสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา ตับสัตว์ เนื้อสัตว์ ไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม โดยร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแหล่งของวิตามินเอที่มาจากพืช เช่น ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ฟักทอง มันเทศเหลือง มะละกอสุก เป็นต้น
ปริมาณวิตามินเอที่ควรได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake : DRI) ในกลุ่มผู้ใหญ่(≥19 ปี) ชายและหญิง เป็น 700 และ 600 mcg ของเรตินอลต่อวัน ตามลำดับ
“ปริมาณสูงสุดของวิตามินเอที่รับได้ในแต่ละวัน {Tolerable Upper Intake Level (ULs)} สำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ (≥19 ปี) คือ 3,000 mcg/วัน”
หากร่างกายได้รับปริมาณวิตามินเอที่มากจนเกินไป จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ผิวหนังแห้ง หยาบ และคันบริเวณผิวหนัง มีอาการผมร่วง ริมฝีปากแตก ปวดกระดูกและข้อต่อ มีอาการผิดปกติของตับ ทำให้ระดับเกลือแร่ของกระดูกลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้ ส่วนในหญิงมีครรภ์ หากที่ได้รับวิตามินเอมากเกินไป มีโอกาสเสี่ยงทำให้ทารกในครรภ์พิการ และ เสียชีวิตได้
ถ้าคุณรับประทานผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้มในปริมาณมาก อาจส่งผลให้ผิวเหลือง หรือตัวเหลืองได้ เพราะผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้มนั้นจะมีสารที่เรียกว่า เบต้าแคโรทีน แต่ร่างกายจะสามารถเปลี่ยนสารนี้ ให้อยู่ในรูปแบบของเรตินอล ซึ่งจะสามารถออกฤทธิ์ได้ที่บริเวณลำไส้และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด อาการที่กล่าวมานี้สามารถหายได้เองจากการหยุดทานวิตามินเอ
“วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ จะต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น ทั้งนี้ต้องบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง”
2. Vitamin C
วิตามินซี(Vitamin C) หรือ กรดแอสคอร์บอก(Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง ดังนั้น จำเป็นจะต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร
วิตามินซี เป็นวิตามินที่เรียกได้ว่า“ของมันต้องมี”เพราะมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย และมีบทบาทสำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งเป็นองค์ประกอบในการสร้างกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ ฟัน ผิวหนัง และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ช่วยในการสัังเคราะห์คาร์นิทีน ซึ่งมีบทบาทในการช่วยเผาผลาญไขมันให้เกิดพลังงาน ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก มีบทบาทต่อภูมิต้านทาน โดยช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาวและช่วยกระบวนการกลืนทำลายเชื้อโรค (Phagocytic activity) ของเม็ดเลือดขาวในการขจัดเชื้อโรค ยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีนที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ดังนั้น วิตามินซีช่วยลดการจาม น้ำมูกไหล หรือลดอาการบวมแดงของผื่นบริเวณผิวหนัง และป้องกันการเกิดสารก่อมะเร็งจากการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปต่าง ๆ
“หากร่างกายขาดวิตามินซี จะทำให้แผลหายช้า มีอาการปวดตามข้อ เลือดออกตามไรฟัน ผิวหนังแตกแห้ง เหงือกบวมแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผมร่วง มีอาการซึมเศร้าได้”
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ส่วนใหญ่พบในพืชมากกว่าในสัตว์ได้แก่ ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม ลูกพลับ สตรอเบอรี่ ส้มเช้ง เป็นต้น ผักต่าง ๆ เช่น พริกหวาน ผักคะน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ถั่วลันเตา มะเขือเทศ มันฝรั่ง เป็นต้น นอกจากนี้ ผักพื้นบ้านไทย เช่น ยอดสะเดา ใบผอ ผักหวาน มีปริมาณสูงเช่นกัน ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake : DRI) ในกลุ่มผู้ใหญ่(≥19 ปี) ชายและหญิง เป็น 100 และ 85 mg ต่อวัน ตามลำดับ
“ปริมาณสูงสุดของวิตามินเอที่รับได้ในแต่ละวัน {Tolerable Upper Intake Level (ULs)} คือ 2,000 mg/วัน”
วิตามินซี มีความเป็นพิษน้อย ผลข้างเคียงที่ไม่ถึงประสงค์ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินซีที่บริโภค เช่น อาการคลื่นไส้ ปวดท้องเกรงในช่องท้อง และท้องเสีย เป็นต้น
“วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและถูกขับออกจากปัสสาวะ มีรายงานพบผลข้างเคียง��่อนข้างน้อยจากการได้รับวิตามินซีปริมาณสูง”
3. Vitamin D
วิตามินดี(Vitamin D) หรือ แคลซิเฟอรอล(Calciferol) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หลายคนมักเรียกว่า “วิตามินแดด” ร่างกายสามารถสร้างได้เองจากผิวหนังเมื่อสัมผัสกับแสงแดดที่มากับรังสี UVB
หน้าที่ของวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ของเราเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อเดินทางไปสะสมที่กระดูกได้ดีขึ้น ทำให้ป้องกันการเกิดภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุนได้ ช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยลดภาวะความเครียดได้ดี โดยทำให้สมองหลังสาร serotonin มากขึ้น
“วิตามินดีมีบทบาทสำคัญต่อผลของการรักษาภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจ และ ลดความรุนแรงของ COVID-19 ด้วย”
ส่วนใหญ่ 80-90% ร่างกายได้รับวิตามินดีจากการสร้างวิตามินดีที่ผิวหนังหลังจากที่ได้รับแสงแดด (UVB) และ อีกประมาณ 10-20% จากอาหารและการทานอาหารเสริม แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ ปลาทูน่า ปลาซาดีน ปลาคอด เห็ดหอม น้ำมันตับปลา และไข่แดง
“เนื่องจากแหล่งอาหารตามธรรมชาติมีวิตามินดีน้อย ประเทศไทยจึงได้เติมวิตามินดี (fortification) ลงไปในอาหาร เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต น้ำส้ม และอาหารเช้าประเภทซีเรียล“
ปริมาณวิตามินดีที่แนะนำให้บริโภคต่อวันได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันสำหรับคนปกติ (Recommended Dietary Allowances :RDA ) ในกลุ่มผู้ใหญ่(อายุ 19 – 70 ปี) ชายและหญิง คือ 600 IUต่อวัน
“ปริมาณสูงสุดของวิตามินดีที่รับได้ในแต่ละวัน {Tolerable Upper Intake Level (ULs)} คือ 4,000 IUต่อวัน”
การได้รับวิตามินดีมากเกินไปทำให้เกิดภาวะเป็นพิษ ซึ่งอาการของภาวะวิตามินดีเป็นพิษ เกิดจากระดับแคลเซียมในเลือดสูง โดยมีการดังนี้ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง สับสน ขาดสมาธิ ซึม เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ปวดท้องแบบโรคกระเพาะ ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำ��่อย
“แคลเซียมและฟอสเฟตที่สูงนานจะไปสะสมที่ไต เกิดแคลเซียมตกตะกอนในเนื้อไต (nephrocalcinosis) หรือตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ (soft tissue calcification)”
4. Vitamin E
วิตามินอี(Vitamin E) หรือ โทโคฟีรอล(Tocopherol)เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน การดูดซึมวิตามินอีในอาหารขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำย่อยจากตับอ่อน กรดน้ำดี และการรวมตัวเป็นกลุ่ม (Micelle formation) วิตามินอีถูกขนส่งในกระแสเลือดโดยจับกับไลโปโปรตีนไปเก็บที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ วิตามินอีส่วนใหญ่ถูกขับออกทางอุจจาระ
วิตามินอี ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทในการป้องกันไม่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวและส่วนประกอบเยื่อหุ้มเซลล์ของอวัยวะของร่างกายถูกทำลาย ช่วยในกระบวนการย่อยไขมัน ช่วยต่อต้านการอักเสบ ยับยั้งการจับกันของเกล็ดเลือด และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
“มีรายงานวิจัยพบว่า อาหารประเภทไขมันช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินอี โดยกระตุ้นการหลั่งกรดน้ำดี และการเกิด micelles”
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันพืชชนิดต่าง ๆ เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันจมูกข้าวสาลี เป็นต้น และถั่วเมล็ดแห้ง ส่วนเนื้อสัตว์ต่าง ๆ นม ไข่ ผักและผลไม้ต่าง ๆ มีวิตามินอีน้อย เนื่องจากจะพบปริมาณวิตามินอีมากในอาหารที่มีไขมัน
“น้ำมันพืชที่ใช้ทอดซ้ำจะมีปริมาณวิตามินอีลดลง เนื่องจากวิตามินอีสลายตัวที่อุณหภูมิสูง”
ปริมาณวิตามินอีที่แนะนำให้บริโภคต่อวันได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากอ้างอิงจากปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake : DRI) ในกลุ่มผู้ใหญ่(อายุ 19 – 70 ปี) ชายและหญิง ต้องการ คือ 13 mg และ 11 mgต่อวัน ตามลำดับ
“ปริมาณสูงสุดของวิตามินอีที่รับได้ในแต่ละวัน {Tolerable Upper Intake Level (ULs)} คือ 300 mgต่อวัน”
การได้รับวิตามินอีในปริมาณสูงเป็นเวลานาน ๆ อาจส่งผลต่อความผิดปกติของการทำงานในร่างกายได้ เช่น มีภาวะเลือดออกที่อวัยวะต่าง ๆ (Hemorrhage) พบการแข็งตัวของเลือดช้าลง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินเค เป็นต้น
“ข้อควรระวังในการให้วิตามินอีเสริมในผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด เนื่องจากวิตามินอีสามารถยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ��าวะเลือดออกง่ายได้”
5. Zinc
สังกะสี(Zinc) เป็นแร่ธาตุที่พบในร่างกาย 85% อยู่ที่กระดูกและกล้ามเนื้อ 10% อยู่ที่ตับอ่อน ตับ และเลือด ในส่วนของเม็ดเลือดนั้น 80% อยู่ในเม็ดเลือดแดง และ 20% อยู่ในน้ำเลือด
สังกะสีมีบทบาทสำคัญต่อการดูดซึมโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ช่วยสังเคราะห์ DNA และ RNA ซึ่งมีความสำคัญในการแบ่งเซลล์และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย มีบทบาทในการควบคุมการแสดงออกของพันธุกรรมต่าง ๆ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
“ร่างกายมีการขับธาตุสังกะสีออกจากอุจจาระเป็นหลัก ซึ่งปริมาณที่ถูกขับออกมาแปรผันโดยตรงกับปริมาณที่ถูกดูดซึมและระดับธาตุสังกะสีในร่างกายขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีการสูญเสียธาตุสังกะสีผ่านทางปัสสาวะ เหงื่อ ผิวหนัง เส้นผม น้ำอสุจิ เลือดประจำเดือน และน้ำนมแม่”
แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของสังกะสี คือ เนื้อสัตว์และเครื่องในสัคว์ สัตว์น้ำเปลือกแข็งโดยเฉพาะหอยนางรม สัตว์ปี และปลา รองลงมาคือไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม และพืชตระกูลถั่วมีธาตุสังกะสีปานกลางแต่มีสารไฟเตทสูง
“สารไฟเตท (Phytate) มีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมสังกะสี”
ปริมาณสังกะสีที่แนะนำให้บริโภคต่อวันได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันสำหรับคนปกติ (Recommended Dietary Allowances :RDA ) ในกลุ่มผู้ใหญ่(≥19 ปี) ชายและหญิง คือ 11 และ 9 mgต่อวัน ตามลำดับ
“ปริมาณสูงสุดของสังกะสีที่รับได้ในแต่ละวัน {Tolerable Upper Intake Level (ULs)} คือ 40 mgต่อวัน”
หากได้รับสังกะสีมากเกินไปทำให้มีระดับคลอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เมื่อได้รับสังกะสีในปริมาณสูงติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน สังกะสีจะเข้าไปแทนที่ทองแดงและเหล็กในเลือด ก่อให้เกิดโรคโลหิตจางจากการขาดทองแดง เพราะสังกะสีจะไปลดการดูดซึมธาตุเหล็กและทองแดงได้ ในหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับสังกะสีมากเกินไป อาจทำให้ทารกพิการและเสียชีวิตได้
6. Iron
ธาตุเหล็ก(Iron)เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อระบบเลือด ซึ่งสีแดงของเลือดที่เราเห็นคือเกิดจากธาตุเหล็กจับกับโปรตีน เรียกว่า “ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin)” หรือ “ฮีม (Heme)” ธาตุเหล็กที่ได้รับจากอาหาร จะกระจายไปตามไขกระดูกก่อนการไหลเวียนไปทั่วร่างกายเพื่อนำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แหล่งสะสมธาตุเหล็กที่สำคัญ คือ ตับ
ธาตุเหล็กสามารถพบได้ในอาหารจำพวก ตับ เลือด เนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อสัตว์สีแดงเช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็นต้น อาหารทะเล ผักสีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น ซีเรียล ธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้ง และอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง พริกหวาน สตรอเบอรี่ จะช่วยเสริมสร้างการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าไปได้อย่างสะดวกขึ้น และยังมีรูปแบบเป็น ยา และอาหารเสริมที่จำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดอีกด้วย
อาหารบางประเภทขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายได้ เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลือง ข้าวไม่ขัดสี ชา กาแฟ เป็นต้น
“ปริมาณธาตุเหล็กที่แนะนำให้บริโภคต่อวันได้รับในแต่ละวัน อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันสำหรับคนปกติ (Recommended Dietary Allowances :RDA ) ในกลุ่มผู้ใหญ่ (≥19 ปี) ชายและหญิง คือ 11.5 และ 10-20 mgต่อวันตามลำดับ”
หากร่างกายได้รับธาตุเหล็กในปริมาณสูงอาจทำให้มีภาวะเป็นพิษเฉียบพลัน โดยมีอาการอาเจียน และ ท้องเสียอย่างรุนแรง ธาตุเหล็กในปริมาณสูงเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะภายใน และ และอาจเสียชีวิตได้
สรุป
ณ ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพด้วยวิตามิน และ แร่ธาตุ เป็นที่นิยมและมีจัดจำหน่ายมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งหลายคนเลือกทานวิตามินตามความเชื่อ การแนะนำจากคนรอบข้าง หรือจากสื่อโฆษณาต่าง ๆ จนลึมนึกถึงความต้องการวิตามินที่แท้จริงของร่างกาย จนทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา
การดูแลสุขภาพที่เข้าถึงปัญหาสุขภาพได้ดีที่สุด คือ “การตรวจสุขภาพอย่างละเอียด” เพราะจะทำให้คุณรู้ถึงปัญหาและวิธีการรักษาหรือป้องกันได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด จึงแนะนำให้ตรวจวิเคราะห์ระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระก่อนการทานวิตามิน เพื่อให้ทราบถึงความต้องการชนิดและปริมาณวิตามินที่ร่างกายต้องการอย่างแท้จริง อีกทั้งยังป้องกัน���ารเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวิตามินมากเกินความต้องการ
ที่มา :: https://vitaboost.me/
2 notes
·
View notes
Text
วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดี แล้ว เราเที่ยวด้วยกัน กับ 4ไล้ฟ์
วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดี แล้ว เราเที่ยวด้วยกัน กับ 4ไล้ฟ์
น้ำตกห้วยหลวง อุบลราชธานี ถ้าเรามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสุข เราจะกิน เราจะเที่ยว หรือเราจะทำอะไร มันก็ดีไปหมด ทุกๆ ก็ต้องการชีวิตแบบนี้ วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดี การรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังกาย ล้วนแต่มีเป็าหมายที่ต้องการให้มีสุขภาพดี แข็งแรง แต่ถ้าจะมองลึกลงไปในเนื้อของความหมาย การที่เราทำแบบนี้ มันคือ…
View On WordPress
#4ไล้ฟ์#ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โรคภูมิแพ้#ผลิตภัณฑ์ 4ไล้ฟ์#ระบบภูมิคุ้มกัน#วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดี#สุขภาพแข็งแรง#เที่ยวอุบลราชธานี#เราเที่ยวด้วยกัน#โรคภูมิแพ้#โรคมะเร็งลำไส้
0 notes
Photo
เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ เซนเตอร์แบ็กคัลต์ฮีโร่ของแฟนบอล ลิเวอร์พูล มองการกลับมาของทีมเมตที่เดี้ยงไปนานเป็นเรื่องบวกเพราะส่งผลดีให้ภาพรวมแกร่งขึ้น แม้พวกที่ฟื้นมาล้วนเล่นตำแหน่งเดียวกันซึ่งย่อมเร่งเร้าการชิงตำแหน่งดุเดือด
ฟิลลิปส์ เป็น 1 จาก 34 แข้ง ‘หงส์แดง’ ที่มาปรี-ซีซั่นยังออสเตรียพร้อมพวกกอง��ลังซีเรียร์คนอื่นอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ หรือ โฌแอล มาติป ซึ่งเดี้ยงไปนานเมื่อซีซั่นก่อน ไหนจะยังมี อิบราฮิม่า โกนาเต้ แข้งใหม่มาชิงโควตาอีกคน
อย่างไรก็ตามแข้งวัย 24 ปีคิดบวกเพราะยิ่งทีมมีตัวคุณภาพมากพอ ก็ส่งผลต่อโอกาสล่าความสำเร็จในฤดูกาล 2021-22
“มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่เรากลับมาพร้อมหน้า โดยเฉพาะผู้เล่นบางคนที่ได้รับบาดเจ็บ การได้เห็นพวกเขากลับมา เห็นว่าซ้อมได้ การได้เจอเพื่อนๆ และทีมงานทั้งหมด มันเป็นเรื่องที่ดีที่ได้กลับมาอยู่ในครอบครัวฟุตบอล” การเปิดใจกับเว็บไซต์ทางการ
“ประโยชน์ที่ดีที่สุดของการเปลี่ยนที่ซ้อมในช่วงปรี-ซั่นคือการที่คุณทุกคนได้อยู่ในโรงแรมด้วยกัน คุณได้ใช้เวลาเยอะมาร่วมกัน และผู้เล่นใหม่ทุกๆ คนที่อาจจะเพิ่งย้ายมา พวกเขาจะเริ่มเข้ากลุ่มได้ และเรายังดูแลกันตลอด 24 ชั่วโมงใน 7 ในวันในแง่ของร่างกาย การรับประทานอาหาร และอะไรทุอย่างเหล่านี้ มันทำให้คุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการเริ่มต้นฤดูกาลให้ดี
“รู้สึกดีที่ได้พักหลังจากฤดูกาลที่เข้มข้น แต่มันไม่ได้นานมากขนาดที่คุณจะเริ่มคิดถึงมันอีกครั้ง ซึ่งผมตื่นเต้นมากที่จะได้ซ้อม แข่งขันกับทีมเมตและชัดเจนว่าการที่จะได้สัมผัสบอลอีกครั้ง”
อีกหนึ่งสัปดาห์จากนี้ ’หงส์แดง’ จะเล่นอุ่นเครื่องเป็นแบบมินิเกม 30 นาทีพบ เอฟซี แว็คเกอร์ อินน์สบรุ้ค และ สตุ๊ตการ์ท แข่งเป็นการภายในติดตามข่าวสารวงการฟุตบอล ทีมชาติอังกฤษ ถ่ายทอดสด 10 ก.ค. รอบชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพ ตามเวลาท้องถิ่น อังกฤษ และอิตาลีจะเผชิญหน้ากัน เมื่อพูดถึงเกมนี้ เบอร์บาตอฟอดีตสตาร์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กล่าวว่าอังกฤษจะเอาชนะอิตาลี 1 ต่อ 0 ได้ภายใน 90 นาที ที่เว็บไซต์สำนักข่าวออนไลน์ UFABET
ขอบคุณที่มาข่าวสาร : thsport.com
0 notes
Text
เคลียร์ชัด ๆฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19
อภัยภูเบศร เคลียร์ชัด ฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 หลังโลกโซเชียลแชร์ข้อมูลสร้างความสับสนในสรรพคุณ ยกผลวิจัยมหิดล พบสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อได้ ล่าสุดลงตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศแล้ว หวย บอล เกมส์ คาสิโนออนไลน์
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ชี้แจงกรณีมีการแชร์ข้อมูล��้าทะลายโจรในโลกโซเชียล ที่มีทั้งจริงและเท็จ สร้างความสับสนในเรื่องของสรรพคุณ โดย ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กล่าวว่า ในฐานะที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องฟ้าทะลายโจรในการต้านโควิดเป็นคนแรกตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 จึงขอไขข้อข้องใจในประเด็นต่างๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ดังนี้ประเด็นแรก ฟ้าทะลายโจร รักษาโควิด-19 ได้จริงหรือไม่นั้น ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ก็ต้องบอกว่า โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่มียา หรือ วัคซีนใดที่จะตอบได้อย่างเต็มปากว่ารักษาหรือป้องกันได้จริง แต่จากการวิจัยเอกสารที่มีการทำการศึกษาวิจัยมากมายหลายฉบั��ทำให้เรามั่นใจว่าฟ้าทะลายโจรมีประโยชน์ในการนำมาใช้กับผู้ป่วยโควิดและได้ส่งมอบเอกสารให้กับทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในการระบาดระลอกแรก จนนำไปสู่การใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิดรายที่มีอาการน้อยและไม่มีอาการในโรงพยาบาลสังกัด กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งพบว่าผู้ที่มีอาการน้อยหลังจากได้รับยาฟ้าทะลายโจรมีอาการดีขึ้นทุกราย โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด ส่วนในรายที่ไม่มีอาการ ก็ไม่พบว่ามีอาการภายหลังและปลอดภัยดี “อภัยภูเบศรจึงอยากให้มีการวิจัยฟ้าทลายโจร เพื่อให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์ จึงได้เตรียมสารสกัดฟ้าทะลายโจร ส่งให้คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อศึกษากลไกในการต้านโควิด-19 ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจร และสารแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร มีความสามารถในการยับยั้งกระบวนการติดเชื้อไวรัสของเซลล์ปอด โดยผ่านกลไกที่สำคัญ คือ การยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิดในทุกระยะ จึงมีโอกาสที่จะพัฒนาการใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาเดี่ยว หรือใช้ควบรวมกับสูตรยามาตรฐานในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด ปัจจุบันผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร “Natural Products” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว
ในประเด็นที่สองฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้หรือไม่ ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจนสนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้ แต่มีการศึกษาพบว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรขนาดต่ำๆ (แอนโดรกราโฟไลด์ 11.2 มิลลิกรัม/วัน) กิน 5 วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ช่วยป้องกันหวัดได้ โดยนักวิจัยได้กล่าวถึงผลในการป้องกันหวัดว่า น่าจะเกิดจากฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งก็มีงานวิจัยที่สนับสนุนอยู่มากพอควรว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในส่วนตัวเองที่เก็บข้อมูลจากหมอพื้นบ้าน ก็เห็นในช่วงฤดูหนาวชาวบ้านจะกินฟ้ากัน 2-3 ใบทุกวัน สำหรับผู้ประสงค์จะใช้ฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ต้องกินฟ้าทะลายโจรขนาดต่ำๆ และต้องไม่ตั้งครรภ์ ให้นม��ุตร ตับและไตต้องดี ไม่ได้กินยาละลายลิ่มเลือดที่ชื่อวาร์ฟาริน”ประเด็นที่สามใช้ฟ้าทะลายโจร ไม่ต้องฉีดวัคซีนใช่หรือไม่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “การฉีดวัคซีนเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันที่จำเพาะสำหรับเชื้อโควิด ถึงแม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่อย่างน้อยก็ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ลดภาระของระบบบริการสุขภาพได้ การใช้ฟ้าทะลายโจรมีข้อมูลสนับสนุนว่ามีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันทั้งภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดและภูมิคุ้มกันจำเพาะแต่ยังไม่มีการศึกษากับเชื้อโควิดโดยตรง ดังนั้นประชาชนควรฉีดวัคซีน ซึ่งจะเห็นได้จากประเทศอังกฤษที่มีการฉีดวัคซีนกันอย่างกว้างขวางทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง”ประเด็นที่สี่ฟ้าทะลายโจรที่เป็นสารสกัดมีฤทธิ์ดีและปลอดภัยกว่าผงบดหยาบใช่หรือไม่ ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ไม่จริงเสมอไป ขึ้นกับมาตรฐานการผลิตและโรคที่นำไปใช้ ใน Thai Herbal Pharmacopoeia กำหนดไว้ว่า ต้องมีปริมาณแลคโตนรวมไม่น้อยกว่า 6% และแอนโดรกราโฟไลด์ไม่น้อยกว่า 1% ซึ่งในมาตรฐานดังกล่าวใช้สำหรับบรรเทาอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยขนาดที่แนะนำ 1500-3000 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน หรือใช้สารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ก็ได้ ประมาณ 60-120 มิลลิกรัม/วันในการบรรเทาอาการเจ็บคอและหวัดในส่วนของโควิด-19 ที่มีใช้ในระบบบริการสุขภาพตอนนี้ ก็มีทั้งผงหยาบที่ทราบปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ และสารสกัด
ดังนั้นประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ผงบดหยาบหรือสารสกัด แต่อยู่ที่ว่าผู้ป่วยได้รับปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณที่เพียงพอต่อการรักษาหรือไม่ ในส่วนของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรก็ใช้ผงบดหยาบที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ไม่น้อยกว่า 3% ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนก็อาการดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงการสกัดนั้นโดยปกติเป็นการสกัดที่มุ่งเน้นจะให้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์สูงๆ แต่โดยทั่วไปในภาคอุตสาหกรรมเราก็สกัด แอนโดรกราโฟไลด์ได้อยู่ที่ 6% ในขณะที่เราให้เกษตรกรปลูกให้จนเริ่มออกดอก แล้วนำส่วนเหนือดินมาใช้ก็ได้ถึง 3-4% ในช่วงระบาดระลอกแรก โรงพยาบาลก็แจกเมล็ดพันธุ์พร้อมส่งวิธีปลูกให้ผู้สนใจ ตอนนี้หลายคนก็นำมาใช้บรรเทาหวัด ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ควรปลูกไว้ที่บ้าน ใช้ดูแลสุขภาพยามเจ็บป่วยได้ส่วนที่มีการส่งไลน์ต่อๆ กันว่า สาร 14-deoxy-11 12-didehydroandrographolide(AP 3) ที่พบในผงฟ้าทะลายโจรอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง แขนขาอ่อนแรงได้นั้น ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นรายงานดังกล่าว และฟ้าทะลายโจรในรูปแบบผงอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีการใช้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล มีความปลอดภัยดี อย่างไรก็ตามดร.สุภาภรณ์ ย้ำว่า การสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นเกราะสำคัญในการป้องกันโรค ตั้งแต่มาตรการ DMHTT เว้นระยะ ใส่หน้ากาก ล้างมือ การรับประทานอาหาร เน้นเครื่องเทศ ผัก ผลไม้ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย และสัมผัสแดดในช่วงเช้าหรือเย็น ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการเป็นองค์รวม อย่าใช้เครื่องมือเดียว เพราะโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่เรายังไม่เข้าใจทั้งหมด ยังคงต้องผนึกกำลังของเครื่องมือในการดูแลสุขภาพทุกเครื่องมือเข้าด้วยกัน ในอนาคตอภัยภูเบศรปรารถนาให้ ประชาชน ผู้ประกอบการรายย่อย ได้ปลูก เก็บเกี่ยว บด บริโภค แจกจ่าย และขาย ฟ้าทะลายโจร เพื่อการดูแลรักษาตนเองเป็นเบื้องต้น โดยมีการสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วน โดยการส่งเสริมสนับสนุน ด้วยองค์ความรู้บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์และเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ฟ้าทะลายโจรหรือสมุนไพรอื่นๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อเติมได้ที่ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ในวันและเวลาราชการที่เบอร์ 037-211-289 หรือ เฟซบุ๊ค สมุนไพรอภัยภูเบศร
0 notes
Text
คาสิโน แจกเงินฟรี เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้เล่นทั่วโลก
คาสิโน แจกเงินฟรี เป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่ผู้เล่นทั่วโลก
คาสิโน แจกเงินฟรีวันนี้คาสิโนออนไลน์ได้กลายเป็นที่ นิยมอย่างมากในหมู่ผู้เล่น ทั่วโลกหนึ่งในสิ่งที่พบบ่อยที่ สุดเกี่ยวกับคาสิโนออนไลน์คือเราสามารถ สนุกกับเกมเหล่านี้จากความสะดวกสบาย
ในบ้านของเรานี้เป็นเพราะ สำหรับการเล่นในคาสิโน ออนไลน์ใด ๆ เรามีเพียงแบบฟอร์มกา รอนุญาตแล้วต้องส่งข้อมูล ไปยังคาสิโนออนไลน์ที่เราไปเล่น ผู้เล่นบางคนรับรู้เกี่ยวกับแบบฟอร์ม การอนุญาตว่าเป็นประเภทหนึ่งของ ความยุ่งยากหรือความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามนี่เป็นการรับรู้ที่ผิดนี้เป็นเพราะ ด้วยความช่วยเหลือของ แบบฟอร์มการอนุญาตเจ้าของ คาสิโนสามารถให้ความคุ้มครองแก่ ผู้เล่นที่ลงทะเบียนจากกิจกรรม การฉ้อโกงทุกประเภท หรือจากผู้เล่นที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ออนไลน์ ของพวกเขาดังนั้นเกี่ยวกับ แบบฟอร์มการอนุญาตแม้ว่าแบบฟอร์ม การอนุญาตมีความยุ่งยากบางอย่าง ที่จะจัดการกับพวกเขาแต่ก็ยัง เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเราเหตุผล ที่อยู่เบื้องหลังคือ เราสามารถรับข้อมูล ที่จำเป็นทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด ของแบบฟอร์มการอนุญาต แบบฟอร์มอนุมัติคาสิโนออนไลน์แบบฟอร์ม การอนุญาตส่วนใหญ่ ของคาสิโนออนไลน์เป็นของ RTG (การเล่นเกมแบบเรียลไทม์) และเทคโนโลยีลาสเวกัส มีความคล้ายคลึงกันมากหรือน้อย ดังนั้นบทความนี้ได้ ให้คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับ ‘ฟอร์มการอนุญาต’ ออนไลน์ที่จัดทำโดยหนึ่ง ในคาสิโนออนไลน์ ยอดนิยมที่รู้จักกันในชื่อ SA Game คาสิโนออนไลน์คำถามที่ถามถึงแบบฟอร์มอนุมัติของคาสิโนออนไลน์ VXBET365 นั้นคล้ายกับคำถามที่ถามใน ‘ฟอร์มการอนุญาต’ ที่ได้รับจากคาสิโน ออนไลน์ประเภทอื่น ๆ ในความเป็นจริงรายละเอียด ที่ถามในแบบฟอร์ม การอนุญาตนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา สำหรับผู้เล่นข้อมูลและ เอกสารสำคัญอื่น ๆ ที่จำเป็นในแบบฟอร์มการอนุญาต แบบฟอร์มการอนุญาตของ คาสิโนออนไลน์ ส่วนใหญ่ต้องการ แบบฟอร์มออนไลน์ที่มีการเซ็นชื่อ อย่างถูกต้องพร้อมกับเอกสารสำคัญอื่น ๆ ซึ่งจะให้การพิสูจน์ตัวตน การพิสูจน์อายุและสถานะแบ๊งค์ของผู้เล่น บทความนี้ได้ให้คำอธิบาย เกี่ยวกับพิธีการและเอกสารต่าง ๆ ซึ่งคาสิโนออนไลน์
ผู้เล่นจะต้องส่งสำเนาใบอนุญาต หนึ่งชุดก่อนเข้าร่วมเล่นกับเว็บไซต์
ผู้เล่นจะต้องเซ็นชื่อ ในแบบฟอร์มที่สมบูรณ์และ เหมาะสมควรระบุวันที่เข้าร่วมอย่างถูกต้อง
ผู้เล่นจะต้องส่งหลักฐาน พิสูจน์ตัวตนบางประเภท ในรูปแบบของ บัตรประจำตัวภาพถ่ายอย่างเป็นทางการ, การ์ดแพนและใบขับขี่และอื่น ๆ
ในขั้นตอนต่อไปผู้เล่น จะต้องส่งสำเนาบัตรเดบิตและ บัตรเครดิตซึ่งพวกเขาจะใช้สำหรับ การเล่นในคาสิโนหรือเคย ใช้กับคาสิโนออนไลน์ใด ๆ
สุดท้ายผู้เล่นจะต้อง ส่งสำเนาเอกสารทางไปรษณีย์หรือ บิลสาธารณูปโภค อย่างเป็นทางการหนึ่งหรือ สองฉบับซึ่งควรมีชื่อและที่อยู่ถาวรตามที่ ได้ลงทะเบียนไว้กับบัญชีคาสิโน
ประโยชน์ของแบบฟอร์ม การอนุญาตสำหรับผู้เล่น คาสิโนออนไลน์ด้วยความช่วยเหลือ ของแบบฟอร์มการอนุญาต ที่มีอยู่ในคาสิโนออนไลน์ผู้เล่นจะ ไม่เพียงแต่มีสิ่งอำนวยความ สะดวกในการถอนเงินออกจากบัญชีคาสิโน ออนไลน์แต่ยังมีโอกาสมาก ที่จะได้รับวงเงิน ฝากสูงสุดในบัตรเครดิต นอกจากนี้แบบฟอร์มการอนุญาต ยังช่วยให้เราได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่
จากกิจกรรมการฉ้อโกง ทุกประเภทซึ่งอาจเกิดขึ้น ในคาสิโนออนไลน์ดังนั้นเราจึงควรกล่าวว่า แบบฟอร์มการอนุญาตที่ คาสิโนออนไลน์มอบให้นั้นเป็นประโยชน์แก่ ผู้เล่นคาสิโนออนไลน์ทั้งหมด
วิธีจัดการกับผู้ฉ้อโกงคาสิโน
คาสิโนรวมกิจกรรมการ เล่นเกมที่จินตนาการได้ เกือบทุกประเภทสำหรับผู้เล่นนอก เหนือจากกิจกรรมการพนันคุณ สามารถมีความสงบใจด้วยการ พักในรีสอร์ทหรือโรงแรมสุดหรูเพลิดเพลิน
กับอาหารอร่อย ๆ ในร้านอาหารและ โดยการบำบัดแบบค้าปลีก นอกจากนี้นักพนัน ยังสามารถได้รับโอกาส ที่ยอดเยี่ยมในการเพลิด เพลินกับกิจกรรม ความบันเทิงสดในรูปแบบของ กีฬาคอนเสิร์ตและการแสดงมายากล ในทางกลับกันคาสิโนส่วนใหญ่ มักเผชิญกับกิจกรรมที่หลอกลวง มากมายน่าเสียดายที่การฉ้อโกง ในคาสิโนใด ๆ ก็ตามนี่คือสาเหตุ ที่ลักษณะของภาคการพนัน ในความเป็นจริง ลักษณะของภาคการพนัน ทำให้มีความเสี่ยงต่ออาชญา กรรมหลายอย่างเช่นบัตรเครดิต ปลอมเงินปลอมและเช็คปลอม เป็นต้นเราทุกคนสามารถตกเป็น เหยื่อของกิจกรรมการฉ้อโกงดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในคาสิโนโดยเฉพาะ ภัยคุกคามทั้งหมดเหล่านี้สามารถ ก่อให้เกิดความสูญเสียทางการเงิน อย่างมหาศาลต่อทั้งผู้เล่นและ เจ้าของคาสิโนในช่วง เวลาที่ผ่านมา คาสิโน โปรห้ามพลาด ได้เพิ่มความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อปกป้องการจัดตั้งเช่นเดียว กับผู้อุปถัมภ์การเล่นเกมของพวกเขาปัจจุบัน คาสิโนส่วนใหญ่ใช้ระบบเฝ้า ระวังวิดีโอและระบบที่ทันสมัย ในการรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการ คาสิโนสามารถรวบรวมข้อมูลจำนวน มหาศาลได้สำเร็จด้วยความ ช่วยเหลือของความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีอย่างไรก็ตามพวกเขา ประสบปัญหาในการแปลงข้อมูลเป็น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ สำหรับการดำเนินธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จปัญหาหลัก ในการสนับสนุน เทคโนโลยีอาจเกิดขึ้น กับกฎหมายข้อบังคับเอกลักษณ์ ที่เข้มงวดและ การตรวจสอบอายุ เอาชนะภัยคุกคามคาสิโนภายใน การมีอยู่ของการฉ้อโกงในอุตสาหกรรม คาสิโนเป็นเรื่องธรรมดาในความ เป็นจริงทุกปีมีจำนวนหากมี การฉ้อโกงเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น นี่ไม่ใช่ปัญหาง่าย ๆ แต่กลายเป็นปัญหา ที่รุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด หน่วยงานระดับสูงหลายแห่งเช่น คณะกรรมการการเล่นเกมหน่วยงานกำกับ ดูแลและหน่วยงานด้าน ภาษีคอยจับตาดูการดำเนินการ คาสิโนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องการฉ้อ โกงที่เปิดเผยวิธีต่อสู้กับภัยคุกคาม ภายในตัวอย่างหนึ่งที่พบบ่อยมาก ของการฉ้อโกงคาสิโนคือการ ใช้รูปแบบเครดิตเก่าสมมติว่าบุคคลนั้นจ้าง บุคคลหลายคนเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ผู้ที่เกี่ยวข้องฝากจำนวนเงิน ในบัญชีของพวกเขา และขอให้ธนาคารโอนเครดิตในบัญชี คาสิโนของพวกเขา เมื่อยอมรับคำขอ แล้วบุคคลนี้จึงขอให้ผู้อื่นโอนเงิน ทั้งหมดในบัญชีของเขาคนที่ เป็นสามเณรเหล่านี้จะได้รับเงินจำนวนมาก จำนวนเงินขึ้นอยู่กับจำนวนเครดิต ที่คาสิโนได้รับจากนั้นพวกเขาจะนำ ชิปคาสิโนกลับมาเครดิต ของพวกเขาแล้วเริ่มแสร้งทำเป็น ว่าพวกเขาแพ้ในเกมแบล็คแจ็คอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความจริงก็คือพวกเขาซ่อนชิปของพวกเขาและ ส่งต่อไปยังผู้เล่นร่วมคนอื่นในตอนท้ายผู้ที่ชำระเงินให้กับ ชิปเหล่านี้จริง ๆ จะได้เงินสดจำนวนชิปที่หายไป หลังจากนี้จนกว่าผู้มีอำนาจในคาสิโนจะพยายามที่จะ ไม่ชำระเครดิตบัญชีธนาคารจะถูกปิดโดยเจ้าของ ในกลยุทธ์นี้คาสิโนมีความสะดวกสบายที่พวกเขามีเครดิตเพียงพอ ในบัญชีธนาคารของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถ ชำระคืนได้อย่างง่ายดายในไม่กี่วันอย่างไรก็ตามในเวลาเพียงสองถึง สามสัปดาห์คนทำเงินจำนวนมหาศาลผ่านโครงการ หลอกลวงของพวกเขาการละเมิดการ์ดความภักดี ของผู้เล่นการจัดการการ์ดความภักดีของผู้เล่นเป็นอาชญากรรมประเภทอื่น ที่ดำเนินการในคาสิโนออนไลน์การ์ดเหล่านี้สะสม คะแนนความภักดีอย่างต่อเนื่องขึ้นอยู่กับ จำนวนของการเดิมพันที่วางโดยผู้เล่นเวลาเล่นเฉลี่ยและ
ปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้การ์ดความภักดี ของผู้เล่นสามารถใช้สำหรับ การรับประทานอาหาร และที่พักเพิ่มเติมในคาสิโน ในเงื่อนไขนี้บัตรสะสมคะแนนกลายเป็น เป้าหมายสำหรับอาชญากรของคาสิโน
0 notes