#โถ
Explore tagged Tumblr posts
lysianthoos · 9 months ago
Text
โถ
0 notes
midnighthyrrainr · 1 year ago
Text
มองยอดเขาวัง…ยอดเขาสูงคอตั้ง…จวนเสียดฟ้า
โถ…บุญลูกมี…เพียงต้นหญ้า…วาสนาจึงพาเป็นรอง…
Tumblr media
0 notes
nobinobida · 1 year ago
Text
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
0 notes
regnniar · 2 years ago
Text
ไทยทวิตเตี้ยนหลายส่วนยังวิจารณ์กันจนเหนื่อย แต่พอกุเจอชาวต่างชาติ (especially ชาวอินเตอ) said like “เห้ย man pen kae rueangtaeng, yaekyae ork jaak khwaampenjing noy” คือ ไอ่มังงะ**แนวนั้น**สองสามเรื่องได้ไวนิ่วแขวนหน้าบู๊ธแบบอล่างฉ่างท่ามกลางสาธารณะที่ทุกเพศทุกวัยมองเห็นได้โคตรง่าย โถ ทำตัวมาเป็นพันทะมิดกับ✌️วัฒนธรรม✌️ of ปะเทดเกาะในอีสเทินเอเชีย 🙄🙄🙄 จะได้เรียนนิเทดสาดทั้งทีกุไม่อยากมาดีเฟ้รสายเสบสายผลิดที่มามีความเกี่ยวข้องกับสื่ออย่างไร้จันยาบันหรอก ka E-here
0 notes
misirosekisiro · 3 years ago
Text
โก้กับอั้ม
               “เฮ้ย ไอ้อั้ม !”
               โก้ทักเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องเสียงดังหลังจากใช้เวลาทั้งวันในการคิดถึงเรื่องนี้ อั้มดูเหมือนจะสะดุ้งเล้กน้อยก่อนหันมามองที่โก้ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เหอะ คงช่วยไม่ได้ ปรกติหมอนี่ก็โดนเราจัดบ่อย ๆ โก้คิด  โก้มองไปที่เพื่อน หรือลูกไล่ร่วมห้องในหอเด็กประจำของโรงเรียนดัง ไอ้เด็กเนิตท์ที่ปรกติเขาจะรังแกแล้วไถตังบ่อย ๆ จนมันไม่กล้าหงอกับเขาสักนิด
               “มึงหายไปสามวัน ไปทำอะไรมาว่ะ กูสาบานนะว่ามึงเตี้ยกว่านี้สักหลายเซ็นต์ ปรกติมึงนี่เตี้ยกว่ากู แต่นี่ไหนมึงยืนตรงสิ”
               โก้ดึงอั้มขึ้นมาจากเก้าอี้ให้ยืนตรง
               “ดูดิ มึงสูงพอ ๆ กับกู แถมดูนั่น”
               อั้มจับไปที่กล้ามแขนของอั้ม ปรกติอั้มเป็นคนร่างผอม แม้จะไม่ถึงกับแห้ง แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้ออะไรพวกนี้ให้เห็น เป็นพวกหุ่นเรียบ ๆ แต่นี่อั้มกลับมีกล้ามท้อง แขนก็หนาขึ้นอย่างรู้สึกได้
               “กล้ามพวกนี้อีก มึงไปทำอะไรมาว่ะถึงได้มีกล้ามได้ในไม่กี่วัน จริงอยู่กูอาจจะไม่ค่อยได้สังเกตุมึง แต่ปรกติเห็นมึงวัน ๆ นั่งอ่านแต่หนังสือ ไม่เคยเล่นกีฬา ไม่ฟิตเนส จู่ ๆ มีกล้ามได้ไงว่ะ”
               “เออ... “ อั้มเลิกลักหันหน้าหนีโก้
               โก้ตบหัวอั้ม
               “บอกกูสิ จะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ทำเหี้ยไร”
               “เราไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ โก้”
               อั้มโมโห เลยต่อยเข้าไปที่ท้องของอั้ม ไม่ได้หนักนัก แต่ก็ทำให้อั้มตัวงอ โก้ดึงผมของอั้มให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนถามซ้ำ
               “มึงจะไม่มีอะไรได้ไง คิดปิดกูเหรอ เจออะไรดี ๆ หัดแชร์เพื่อนร่วมห้องดิเว้ย หรือมึงกะกว่าพอมึงโตกว่ากูมึงจะได้เอาคืนกูได้                
               อั้มส่ายหน้าก่อนตอบ
               “เปล่าเลย ๆ จริง ๆ”
               แล้วอั้มก็สูดหายใจลึก ๆ ก่อนพูดต่อ
               “เราบอกก็ได้โก้ ปล่อยกูก่อน”
               อั้มปล่อยมือจากผมของอั้ม อั้มยืนตรงก่อนมองมาที่โก้และเริ่มเล่า
               “เอาจริง ๆ นะ โก้ มึงต้องไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ”
               “เออ ดิ ว่ามาอย่าลีลาไอ้นี่”
               โก้ทำท่าจะต่อยอีก อั้มสะดุ้งถอยไปก้าวหนึ่งและเอามือมากางกัน
               “เล่าแล้ว ๆ เอาจริง ๆ คือ เราไปเจอยาดีมา”
               “ยา.? ยาอะไรว่ะ ยาเพิ่มกล้ามเนื้อพวกนั้นเหรอ”
               “เปล่า ๆ มันเป็นอะไรดีกว่ายาพื้น ๆ พวกนั้น ยานี่สามารถทำให้คนไม่มีกล้ามอย่างเรามีกล้ามได้ในเวลาไม่กี่วัน อย่างที่เห็นนี่ละ”
               อั้มเบ่งกล้ามแขนขึ้น เห็นได้ชัดว่ากล้ามของอั้มขึ้นมาแข็งเป็นก้อน โก้มองอย่างสนใจ
               “แล้วไง มึงไปได้ยานี่มาจากไหนว่ะ”
               “ก็ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ วันศุกร์เราเดินออกจากโรงเรียน พอดียังไม่อยากรีบกลับบ้านวันหยุดยาว เลยถือโอกาศเดินเล่น เราเดินผ่านแคมป์คนงานก่อสร้างแถว ๆ ���นนหลังโรงเรียน”
               “อ้อ แคมป์นั่นเอง เออ กูก็เคยเห็น แล้วไง”
               “เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินผ่านไป ตอนเกือบจะผ่านไปแล้วเราก็ได้ยินเสียงคนทัก....“เฮ้ย น้อง...” พอเราหันไปก็เจอคนงานคนหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรานี่ละ เขาหยิบเอาม้วนงานที่เราสอดไว้ในกระเป๋ากลับบ้านส่งให้ มันคงลื่นหลุด เราเลยเข้าไปรับแล้วขอบคุณ พี่เขาก็ยิ้ม เราก็อยากตอบแทนพี่เขา เลยชวนเขาเดินไปซื้อน้ำที่ร้านแถว ๆ นั้น ระหว่างนั้นพี่เขาก็ชวนคุย เราก็คุยเพลินทีเดียว จนพูดถึงเรื่อง... นาย.. ที่โดนนายรัง...”
               “อ๋อ ชีวิตรันทดของมึงละสิ แม่งเอาไปโพนทนาสนุกเลยสิ”
               “เราขอโทษ! ตอนนั้นเราเพลอไปจริง ๆ ... พี่เขาเลยบอกว่า อยากแข็งแรงขึ้นไหมละ จะได้สู้นายได้....”
               “อ้ออออ”
               “... เราก็บอกว่าอยาก... เขาเลยชวนเราเดินไปที่เพิงที่เขาพักอยู่ พอเข้าไปในห้องก็มีแค่อีกคนหนึ่ง วัยรุ่นเหมือนกัน ดูอ่อนกว่าพี่เขา เขาก็เดินตรงไปที่เป้ที่วางอยู่ ก่อนค้น ๆ สักพัก แล้วเขาก็หยิบเอาห่อกระดาษห่อหนึ่งขึ้นมา ห่อดูเก่าแก่เหมือนเก็บไว้นาน พี่เขาชวนเรานั่งก่อนเปิดห่อให้เราดู ข้างในมีแท่งว่านอะไรสักอย่างอยู่สามสี่แท่ง เขาก็อธิบายว่า ว่านนี่เป็นว่านกำลังหายากมาก จะคนผอมแห้งแค่ไหน ได้กินสักอันก็จะแข็งแรงขึ้น เขาได้มาจากแถวบ้านเขาแค่นี้ เดิมเขาก็ไม่ได้มีกล้ามแข็งแรงแบบนี้ แต่เพราะว่านนี่เลยแข็งแรงแบบนี้ เขาก็โชว์กล้ามให้เราดู แล้วเขาก็ชี้ไปที่น้องอีกคน นั่นไอ้เดมันก็กินไปอัน แล้วคนชื่อเดก็เบ่งกล้ามโชว์ ให้เราดู ... เอาจริง ๆ เราก็ไม่เชื่อ ไม่เห็นจะเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน พี่เขาก็บอกไม่เป็นไรไม่เชื่อก็ได้ เขาก็ทำท่าจะเก็บ เราก็เลยตะโกน เดี๋ยวครับพี่... ผมขอสักแท่งหนึ่งนะครับ... พี่เขาก็ยิ้มให้อย่างใจดีก่อนส่งให้ เราก็เลยถามแล้วมันเท่าไหร่ครับ พี่เขาก็บอก ไม่เป็นไรพี่ให้ พี่ถูกใจน้องนะ ลองเอาไปใช้ดู แล้วเขาก็เก็บห่อว่าน เราก็ยังไม่กล้ากินตรงนั้น เลยเอาเก็บเข้ากระเป๋าไปก่อน พี่เขาก็ไม่ว่าอะไร พี่เขาบอกว่า ว่านนี่คนยิ่งแข็งแรงจะยิ่งได้ผล กับคนอ่อนแออ ก็มีผลดีเหมือนกัน เราพยักหน้าหงึก ๆ รับ หลังจากนั้น เรานั่งคุยกับพี่เขาสักพักแล้วก็ขอลากลับ”
               “แล้วไง มึงกลับบ้าน ไปกินยา?”
               “เราก็ตอนแรกก็ยังกลัว ๆ แต่ความที่อยากแข็งแรงมันมีมากกว่า พอเรากินเข้าไป มันร้อนวูบวาบมากเลย หน้ามึดจนเราฟุบไปบนเตียงเลย... พอเราตื่นขึ้นมา เราก็พบว่า เราเริ่มมีกล้ามขึ้นมาอย่างนี้ละ... ช่วงที่อยู่บ้าน มันก็ยังโตขึ้นทีละนิดทุกวัน จนสองวันมันก็หยุด เราก็เป็นแบบนี้แล้ว...”
               “อืม....” โก้คิด หากไอ้แห้งนี่มันกินยังได้กล้ามขนาดนี้ หากเขาได้กินบ้างคงออกมาสวยแน่ แม้ปรกติเขาจะออกกำลังทุกวัน แต่ผลก็ยังช้าไม่ทันใจ...”
               โก้เดินเข้าไปกอดคออั้ม ก่อนพูด
               “เฮ้ย... งั้นพรุ่งนี้เย็น มึงพากูไปหาพี่คนงานนั่นหน่อยสิ”
               อั้มหันมามองหน้าโก้อย่างสงสัย
               “ของดีแบบนั้น กูก็อยากลองบ้าง...”
               “แต่เขาจะให้นายหรือ”
               “ถามมันสิ จะเอาเท่าไหร่ ถ้าไม่เกินไปกูจ่ายให้เอง กูเต็มใจซื้อเว้ย”
               “.... งั้นนายรอก่อน ขอเราลองโทรไปถามพี่เขาดู”
               “ว่ะ ถึงขนาดแอ๊ดเบอร์กันไว้แล้วนี่หว่า เอาดิ” โก้ปล่อยคออั้มก่อนเดินไปนั่งที่เตียงดูอั้มยกโทรศัพท์ขึ้น อั้มเดินออกไปนอกระเบียงและปิดประตู เสียงคุยโทรศัพท์ค่อนข้างเบาโก้เลยฟังไม่ออกว่าคุยกันยังไงบ้าง ยังไงซะโก้ก็สนใจแต่ผลลัพท์อยู่แล้ว สักครู่���นึ่งอั้มก็โทรเสร็จแล้วเดินเข้ามาในห้อง
               “เป็นไงว่ะ”
               “พี่แกไม่อยู่ว่ะ อยู่แต่น้องเขา เขาบอกว่าถ้าอยากได้จริง ๆ เขาขายให้ก็ได้ แต่ต้องแอบขายของส่วนตัวของเขาให้ไม่ให้พี่เขารู้ เขาอยากได้ตังค์ใช้ วันนี่พี่เขาไม่อยู่เวลาเลยเหมาะเลย ถ้ายังไงเขาจะเอาเข้ามาให้ที่หอเลย ขอแค่สามพันพอ”
               “แจ่มเลยว่ะ ถ้าแค่นั้นกูมีสด”
               “เออ เราก็ว่านายคงมีเราเลยตกลงให้เขามาละอีกสักพักคงถึง”
               อั้มกับโก้นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปสักเกือบสิบนาที เสียงโทรศัพท์อั้มก็ดังขึ้น อั้มรับสาย
               “อืม อ้อ โอเค เดี๋ยวผมลงไปรับ” แล้วอั้มก็หันมาบอกโก้
               “เขาถึงแล้ว เดี๋ยวเราลงไปพาเขาขึ้นมา”
               “รีบเลย”
โก้หยิบเอากระเป๋าเงิน เปิดเอาเงินสามพันมาวางไว้บนโต๊ะ อั้มเดินออกไปจากห้อง สักครู่หนึ่งก็กลับมา เขาเดินนำหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา เป็นเด็กหนุ่มร่างเล็ก แม้จะมีกล้ามแต่ไม่ได้แน่นมากเหมือนอั้มตอนนี้ หรือแม้แต่โก้ อั้มชี้ให้เด็กหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนเริ่มคุย
“นี่โก้เพื่อนเรา ที่ว่าเขาอยากจะซื้อยาที่ว่านะ”
“ดีครับ สอนครับ จริง ๆ ที่ผมจะขายให้เนี่ย พี่เขาให้ผมไว้จะได้มีแรงทำงาน แต่ไม่เป็นไร ถ้าได้เงินดี ๆ ผมอยากได้เงินไปใช้มากกว่า”
สอนพูดพลางดึงเอาห่อกระดาษเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขาเปิดออก อย่างที่อั้มเคยว่าไว้มันเหมือนรากไม้เป็นท่อนแห้ง ๆ ดำ ๆ ดูแล้วไม่น่ากินเท่าไหร่ สอนส่งห่อกระดาษนั่นให้โก้ โก้หันไปจะหยิบเงินให้สอน
“ไม่เป็นไรครับ พี่ลองกินก่อน ดูว่าได้ผลผมค่อยเอาเงิน” สอนตอบยิ้ม ๆ
โก้หยิบเอาว่านขึ้นมา เขาลองดม ๆ กลิ่นมันไม่ฉุนมาก กลิ่นเหม็นเขียวนิด ๆ ผสมกลิ่นขม ๆ เขามองดูว่านในมือสลับกับอั้ม อั้มยิ้มให้พยักหน้าสนับสนุน โก้ตัดใจเอาว่านเข้าปากก่อนเคี้ยว เขารู้สึกเหมือนกำลังกินแท่งไม้แห้ง ๆ มากกว่าผัก มันค่อนข้างแข็งรสก็ขม ๆ เขากลั้นใจเคี้ยว ๆ ๆ กลืน อั้มส่งแก้วน้ำมาให้เขารับมาก่อนกระดกอึก ๆ
“นั่งรอสักพัก เดี๋ยวก็น่าจะเห็นผลละ” อั้มพูดขึ้น
โก้พยักหน้ารับก่อนเดินไปนั่งที่เตียง สักครู่เขาก็รู้สึกร้อนวูบ หัวโอนเอน ห้องหมุนไปหมด เขาส่ายเอนจนล้มลงบนเตียง
“ไรว่ะ....” เขาพูดอย่างอ่อนแรง ตามองไปที่อั้มที่ยืนยึ้น
“น่าจะโอเคแล้ว เฮ้ยสอน” อั้มหันไปพูดกับสอนพลางพยักหน้า
“ครับพี่” สอนยืนขึ้นก่อนเริ่มถอดเสื้อผ้าของสอนออก อั้มเองก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเหมือนกัน ครู่หนึ่งทั้งคู่ก็ยืนเปลือยแบบไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน โก้พยายามตะโกน แต่เสียงแท��จะเป็นเสียงกระซิบ
“มึง... วางแผน....ทำไร กู....”
อั้มฉีกยิ้มอย่างสะใจขณะมองที่โก้ก่อนตอบ
“เดี๋ยวมึงก็รู้...”
แล้วอั้มก็เอามือจับที่ข้างในปากสองข้างของตัวเองก่อนดึง โก้มองอย่างตกใจเพราะใบหน้าของอั้มยืดออกเหมือนยางพอเขาก็เห็นหัวของคนอีกคนค่อย ๆ โผล่ออกมาจากปากที่ถูกดึงหัวนั้นสลัดซ้ายขวา ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ดึงชุดอั้มที่ใส่อยู่รูดลงไปเรื่อย ๆ ชายที่โผล่ออกมาผิวสีคล้ำ กล้ามเน่นลีนแบบคนทำงาน เขาค่อย ๆ ถอดชุดอั้มออกจนในที่สุดเขาก็หลุดออกมา โดยมือสองข้างเป็นส่วนสุดท้าย โก้สาบานได้แทบจะได้ยินเสียงดังป๊อบเหมือนเวลาเราดึงอะไรที่ติดกันแน่น ๆ ออก ชายคนนั้นสบัดคอก่อนบิดตัวเหมือนคลายความเมื่อยล้า
“โถ ผมบอกพี่แล้ว มันเล็กไป ให้ผมก่อนก็ไม่เชื่อ” สอนทักไปที่ชายคนนั้น
“ว่ะ กูอยากลองนี่หว่า”
“เห็นป่ะโดนจับได้ง่าย ๆ เลย แหมพี่เล่นตัวใหญ่กว่าเด็กนั้นเป็นกอง”
“เออ ๆ เอาไป” แล้วชายคนนั้นก็โยนชุดอั้มไปที่สอน สอนรับมาอย่างดีใจ
“ยังไงกูก็มีชุดใหม่ละ คราวนี้ฟิต ๆ พอดีกูแน่” ชายคนนั้นหันมายิ้มให้กับโก้
สอนที่รับ่ชุดอั้มไปเขารีบดึงปากของอั้มให้ยืดออก ก่อนสอดเท้าเข้าไป คล้ายกับพยายามใส่ชุดยาง เขาสอดเท้าและดึงชุดอั้มให้พอดีกับเท้า เขาลองกระดิกนิ้วเท้า และนิ้วเท้าอั้มก็ขยับได้อย่างดี สอนยิ้มอย่างพอใจ ก่อนสอดเท้าอีกข้างเข้าไปทำแบบเดียวกัน ดึงเอาชุดอั้มขึ้นมาจนถึงส่วนอก และจัดเอาน้องชายของเขาให้พอดีกับของอั้ม ก่อนดึงและสอดแขนข้างหนึ่งเข้าไปในชุด นิ้วที่แฟบของอั้มถูกดันจนฟิตเต็มทีละนิ้ว แล้วเขาก็จัดการอีกข้าง หลังจากนั้นสอนก็ดึงขุดขึ้นมาจนถึงคอ ก่อนดึงเอาหัวของอั้มขึ้นมาครอบหัวเขาเอง เขาดึงจัดใบหน้าขออั้มสักครู่ ขยับปากพลางขยับคอไปมา แล้วก็หันมาพูดด้วยเสียงอั้ม
“เป็นไงพี่ พอดีเลยเห็นไหม ผมบอกแล้วเด็กนี่มันไซด์ผม”
“เออ ๆ แหม ก็กูอยากลองนี่หว่า”
“โถ่ ดีมันไม่ยืดหมด” สอนในร่างอั้มเดินไปหน้ากระจกก่อนส่องดูตัวเอง เขาลูบกล้ามเนื้อน้อย ๆ ที่โผล่ออกมาอย่างพอใจ
โก้ได้แต่มองอย่างตระหนกจนพูดไม่ออก แล้วโก้ก็รู้สึกว่า ตัวเองค่อย ๆ ขยับอะไรไม่ได้เลย ร่างของตัวเองเหมือนค่อย ๆ จมลงบนเตียง
“นั่นไง ฮ่ะ ๆ คราวนี้ละพอดีกับกูแน่” ชายคนนั้นหัวเราะชอบใจ
อั้มเดินไปหยิบเอาเสื้อผ้าของอั้มที่กองอยู่บนพื้นมาใส่ แม่งอั้มตอนนี้นอกจากมีกล้ามเพิ่มมานิดหน่อยแล้ว โก้บอกไม่ได้เลยว่าข้างในไม่ใช่ตัวอั้ม โก้จ้องอย่างหมดหวัง
ครู่ถัดมา ชายคนนั้นก็เดินมาที่โก้ ก่อนดึงตัวโก้ขึ้นมา โก้ที่ปรกติน้ำหนัก��่วม ๆ เกือบ 65 ถูกถึงขึ้นมาเหมือนกับเสื้อตัวหนึ่ง โก้กลอกตามองที่ร่างตัวเอง เขาเห็นร่างตัวเองที่แฟบเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลม แต่ตอนนี้แม้แต่ร้องเขาก็ร้องไม่ออกแล้ว ชายคนนั้นจับที่ปากโก้และฉีกออก โก้รู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองถูกดึงให้ยืดออกแต่มันไม่เจ็บ แค่ตึง ๆ บอกไม่ถูก เหมือนถูกฉีดยาชาความรู้สึกแค่ถึงแรง แต่ไม่เจ็บ ร้อน หนาวอะไรเลย แต่ตาของโก้ยังจ้องดูเห็นอยู่ เขาเห็นชายคนนั้นค่อย ๆ แหย่เท้าข้างหนึ่งเข้ามาในปากเขา เขารู้สึกถึงกลิ่นตัวของชายคนนั้นได้ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว เขารู้สึกว่ามีอะไรไหลไปตามคอ ใบหน้าของโก้ถูกดึงขึ้นมาจนถึงก้นของชายคนนั้น โก้ได้กลิ่นอับ ๆ ปนกลิ่นเหงื่อ ตาเขาเห็นก้นแนบกับริมฝีปากที่ถูกถ่างออก เขารู้สึกได้ว่าเท้าเขาถูกสอดใส่จากข้างใน นิ้วเท้าที่ขยับ แต่ไม่ใช่ขยับตามที่โก้คิด สักครู่ก็รู้สึกแบบเดียวกันกับอีกข้าง แล้วใบหน้าของเขาก็ถูกดึงขึ้นมาจนเถือบถึงคอ เขาได้กลิ่นสาบ ๆ ของผมที่ไม่ค่อยได้สระจากหัวของชายคนนั้น ระหว่างที่ชายคนนั้นค่อย ๆ จัดการน้องชายของเขาสอดเข้ามาในน้องชายโก้ โก้อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก มันเสียวซ่านยิ่งกว่าถูกใครอมให้ หรือกระเด้าสาวไหน ๆ มันเหมือนจุดเสียวทั้งหมดที่มีถูกกระตุ้นพร้อม ๆ กัน เขาอยากจะคราง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เสร็จแล้วชายคนนั้นก็จัดการสอดมือเข้าไปในมือและแขนของต้นทีละข้าง เขาก็รู้สึกแบบเดียวกับที่ขา เป็นความรู้สึกเหมือนตัวถูกเติมจนเต็ม พอจัดเรียบร้อยแล้ว ชายคนนั้นก็ดึงเอาหัวของต้นขึ้นไป ปากของต้นรูดไปตามแนวผมก่อนประกบกับใบหน้า โก้รู้สึกแปลก ๆ เพราะตาเขาที่สอดส่องไปมาได้ค่อย ๆ ขยับโดยที่โก้เองบังคับไม่ได้ ลิ้นของเขาแลบเองเลียริมฝีปาก โก้รู้สึกได้ถึงความเค็ม รู้สึกถึงความเย็นของแอร์ รู้สึกเหมือนปรกติอีกครั้ง แต่ว่าเขาขยับตัวไม่ได้เลย ทั้งตัวเหมือนมีคนอื่นบังคับแทน เขากลายเป็นคนดูในร่างตัวเอง
โก้ขยับคอปรับตัวเล็กน้อยเขาเช็คแขนขา ลองกระโดดเบา ๆ พลางสบัดมือแขนขา
“เออ เว้ย นี่สิพอดีเป๊ะ โชคดีจริงกู”
“จริงด้วยพี่”
“เฮ้ย กูโก้เพื่อนมึง พี่เพ้อไหน อย่าเพ้อดิ”
“อ้อ ขอโทษครับ ผม.. ไม่ดิ เรา ขอโทษ”
“หึหึ ไหนดูดิเด็กนี่...”
โก้รู้สึกเหมือนมีมือควานเข้ามาในหัวเขา ความรู้สึกมันพิลึก ๆ ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“โห เด็กนี่บ้านรวยพอกันกับไอ้อั้มนี่หว่า แจ่มว่ะ ไม่มีพี่น้อง เจ๋งเป้ง”
“โห พี่ทำไง”
“เอ๊ะบอกว่าโก้เว้ย มึงก็ตั้งใจสิ คิดว่าอยากรู้อะไร เดี๋ยวมึงก็จะนึกออกเอง”
“ครับ... โห จริงด้วยครับ ผม... เรา จำได้แล้วบ้านเราเป็นงี้เอง...”
“หึ อย่าลื��นึกถึงนิสัย อะไรพวกนี้ไว้ด้วยละ จะได้เนียน ๆ”
“ได้ครับ เราจะพยายามครับโก้”
โก้เดินไปที่อั้ม ก่อนกอด
“เห็นป่ะ โก้บอกแล้ว มันต้องไปได้สวย จะให้ดักดานอยู่ในบ้านป่าแบบนั้นไปทำไม พอโก้รู้ว่าพ่อหมอมียาแบบนี้อยู่โก้ก็รู้อยู่แล้วว่าโก้กับอั้มจะต้องมีความสุขกันได้”
“ครับ เราเชื่อโก้ครับ... “ อั้มกอดตอบ ทั้งคู่เอนตัวลงบนเตียงก่อนแลกจูบกัน โก้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ฟุ้งกระจายเต็มหัว ไม่รู่แล้วว่านี่มันความรู้สึกของโก้คนไหน...
19 notes · View notes
suthatinee · 3 years ago
Quote
แนะนำนิยายน่าอ่าน 'สมรสอสุรา by อนาวิล' แนะนำโดยมังกรขาวสายง่วง
วันนี้ตื่นมาด้วยความสดใสจึงมีความอยากหยิบจับนิยายในตู้มาอ่านเพื่อความตื่นเต้นบ้าง เลยไปเห็น สมรสอสุรา หนังสือนิยายไทยร่วมสมัยที่รวมเอาตำนานพื้นบ้านของไทยมาผนวกเข้ากับความเป็นไทยยุคดิจิตัล
โดยมีพระเอกของเรื่องเป็นพี่ยักษ์หลงยุค พูดจาเอ็งข้า ถือศีล 5 กินมังสวิรัติ ตัวใหญ่แต่ขี้น้อยใจเป็นที่สุด นาม ‘ เหมหิรัญ’ รับบทตามหา ‘เด็กข้า’ ที่หายไป
โดย ‘เด็กข้า’ ของพี่ยักษ์คือ ‘อ้อนจันทร์’ น้องนางรำงามปานนางฟ้ามาจุติ แต่ แต่ แต่ นางไม่ได้เรียบร้อยพูดจาเจ้าคะเจ้าขา  เจียนหมากม้วนพลู ปอกมะปรางริ้ว อย่างพี่ยักษ์แกมโนเมื่อมาเจอกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน พี่ยักษ์ถึงกลับตั้งฉายา ‘นางฟ้ามหาภัย’ ถวายแด่นาง
และเมื่อพระ - นาง เจอกัน ก็มีเหตุให้ต้องร่วมมือกันตามหาบาตรทองคำของพระพุทธเจ้าที่พี่ยักษ์แกต้องเฝ้า โถ ยืนเฝ้ามาตั้งนานไม่หาย มาหายตอนเจอนางเอก!!! 
ความรู้สึกของมังกรขาวที่มีต่อเรื่อง
การบรรยายใช้ภาษาได้แปลกใหม่ แหวกแนว ปล่อยมุขเป็นอรรถรสให้ขำขันได้ทั้งเรื่อง อ่านแล้วไม่เครียด แต่บทจะหน่วงก็ทำให้ร้องไห้ตาม เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน แต่ผูกปมต่างๆให้น่าติดตาม ค่อยๆเฉลยทีละปม  ให้ข้อคิด คติธรรม ไว้อย่างลงตัวในเนื้อหา ใช้การบอกเล่าเรื่องราวต่างๆผ่านการเดินทางของพระนางในการตามหาบาตร รวมถึงใช้การเดินทางของพระนางก่อเกิดความสัมพันธ์ให้กับทั้งคู่จากคุ้นเคย กลายเป็นห่วงใย จากนั้นผูกพัน และลงท้ายด้วยกลายเป็นความรักที่ความตายไม่อาจแยกออกจากกันได้ เรื่องนี้สนุก ครบรส และแปลกใหม่ ส่วนตัวของมังกรขาวแล้วคงกลับมาอ่านอีกรอบเพราะยกให้เป็นิยายในดวงใจไปแล้ว จบการรีวิว ขอบคุณค่า
Tumblr media
1 note · View note
cootaalala-coobaadoo · 7 years ago
Photo
Tumblr media
ทั้งทำทั้งถ่ายเป็นวันๆ พอกินไม่ถึง 5 นาที #โถ #ขี้อวดว่ะ #ladphrao #huaykwang #food #foodstylist #cuisine #homemade #cookpad #coobaacook #cooking #cook #foodporn #foodie (at Love&learn Studio)
0 notes
aomhusky · 8 years ago
Photo
Tumblr media
0 notes
supermargie · 2 years ago
Text
ไม่ได้คิดอะไรมากให้มันปวดหัว เน้นที่ตัวกำไรมากกว่าก็เล่น บาคาร่าออนไลน์
Tumblr media
ถ้าเพื่อนๆ สงสัยแบบนี้แสดงว่าตอนที่เล่นเกมไพ่ บาคาร่าออนไลน์ ก็ดี ไฮโลออนไลน์ก้ดี หรืออื่นๆ ที่เล่นผ่านออนไลน์ เพื่อนๆ ไม่เคยสังเกตุหน้าจอรอบๆ ว่ามันจะมีช่องให้ดูเป็นสถิติว่า ถ้าสมมติเป็น บาคาร่า ก็จะมีบอกว่า ตานี้นะ มีคนแทงฝั่งเจ้ามือ เท่านั้น เท่านี้ เปอร์เซ็นต์
มีคนแทงฝั่งผู้เล่น เท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ้นต์ ก็ว่ากันไป มีตัวเลขบอกเป็นสถิติหมดเลย เราก็สังเกตุง่ายๆ ใจเย็นๆ ดูไปสัก 2-3 ตาก่อนก็ได้ เพื่อเช็คดูว่า คนแทงฝั่งที่เยอะกว่ามันคือฝั่งไหน แล้วเวลาไพ่ปิดมานั้น มันออกตามที่คนแทงเยอะๆ เขาแทงกันหรือไม่สมัครเว็บmm88
ถ้าตามสถิติคนที่แทงเยอะกว่า แล้วแทงถูกสัก 2 ใน 3 ตา แบบนี้เราไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย ก็จัดการดูแค่สถิติฝั่งไหนแทงเยอะกว่าเราก็แทงตามไปเลย ง่ายๆ ชิวๆ ใช้สูตรเดินเงินของเรานี่แหละ ใช้สูตรเดินเงินแบบแทงทบก็ได้เว็บสามารถเล่นได้เยอะ ถอนได้เยอะ
เรียกได้ว่ามันเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดูแล้วเซียนๆ ทั้งหลายอาจจะบอกว่า โถ เทคนิคสิ้นคิด ทำไมไม่คิดเอง ไม่เล่นเอง แทงตามเขาทำไม อะไรแบบนั้น แต่เราเองถ้าอยากเล่นง่ายๆ ไม่ได้คิดอะไรมากให้มันปวดหัว เน้นที่ตัวกำไรมากกว่าก็เล่น บาคาร่าออนไลน์ แบบนี้ก็ได้ เพราะเหล่าเซียนๆ ทั้งหลายเขาคิดคำนวนมาให้แล้ว จริงมั้ยเพื่อนๆเว็บคาสิโนออนไลน์
0 notes
vivitawin · 2 years ago
Photo
Tumblr media
โถ (at รุ่งปิติแลนด์) https://www.instagram.com/p/CgYqLz2vXKhfoZbhI8BOr2cSq-DwSvRbAlUX1A0/?igshid=NGJjMDIxMWI=
0 notes
thisisbunne · 2 years ago
Text
Catch up!!
อันที่จริง จะกลับไปเขียนที่เก่าก็ได้นะ นึกว่ามันปิดตัวไปแล้วซะอีก แต่ลองค้นดู โอ้ ยังอยู่ดี https://l3ume.blogspot.com/ ว่างๆ ก็ลองกลับไปอ่านไปเช็คได้ หรือเราควรจะกลับไปอัพที่เดิม มันจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 5555 แต่อัพในนี้มันดูง่ายกว่ามากเลยอะ แค่พิมพ์ข้อความง่ายๆ ไม่ต้องมีฟีเจอร์อะไรที่ซับซ้อน
เอาจริงๆ น่าจะเห่ออัพไดอารี่ไปอีกแค่ครั้งสองครั้ง ก็จะทิ้งห่างไปอีกหลายปีเหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่ทำ 555555 ดู���ากล่าสุดวันที่เขียน���ดอารี่คือ 25 JUL 2017 แล้ววันนี้คือ 22 JUL 2022 ผ่านมา 5 ปี เหอๆๆๆ
5 ปี ที่ผ่านมาคือ ชีวิตเปลี่ยนไปในทุกด้านแล้วจ้า
18/01/19 แต่งงาน กับ บักที่บ่นๆ ด่าๆ ในบล็อคเก่านั่นแหละ ว่าอยากเลิกๆๆๆ 555555 โถ ชีวิตกู
19/01/19 คลอดหมาน้อย 1 ชีวิตน้อยๆ
นับแต่นั้นมาคือ กลายเป็นครอบครัว เป็นคุณแม่ ชีวิตเปลี่ยน พรึ่บ เลยจ้า รู้สึกแก่ขึ้นมาทันที ฮึๆๆๆ หมดแล้ว สาวผมทอง แบบตุยเย่ วาตานาเบ้ ไอโกะ คนนั้น ตอนนี้คืออาซิ่มแก่ๆ อ้วนๆ หลังค่อมๆ พุงยื่นๆ 55555555 โอ้ยน้ออ
ก็ใช้ชีวิตแบบครอบครัวไป ย้ายออกจากรีสอร์ทมาอยู่ตึกแถวบ้านตลาดน้อย เปิดร้านไปรษณีย์ และ ทำสั่งซื้อ นำเข้าจากจีนเหมือนเดิม โจก็ออกจากงานมาอยู่ช่วยงานด้วยกัน พอทำไปสักพัก ก็เปิดร้านขายแคคตัส ประมาณปี 2021 เริ่มกลับมาเพาะแคคตัส พอปี 2022 เปิดหน้าร้านจริงจัง ตอนนี้คือต่อเติมถาวร และออกบู้ทในห้างทุกเดือน แล้วยังมีไปขายที่ตลาดนัด คลองถมด้วย ก็สนุกดีนะ ได้ระบายของ และได้เพื่อนใหม่จากการออกงานขายอีกต่างหาก ได้สังคมใหม่ๆ ได้พาชื่อ จินนี่มีหนาม ให้คนได้คุ้นหูคุ้นตากัน อิอิ
แต่ตอนนี้ เดือนสิงหาคม 2022 ก็ได้งานประจำเป็นพนักงานออฟฟิต ดูแลเรื่องเอกสารของบริษัททัวร์ในเมืองบุรีรัมย์ คือ การงานการเงินช่วงนี้ย่ำแย่พอตัว ขาดรายได้หนักมาก งานค้าขายก็เงียบเหงาซบเซา ยังใช้บุญเก่าที่เก็บสะสมมาตลอดอยู่ เลยทำให้ต้องปรับตัว เลยคิดว่าหางานประจำทำน่าจะเวิร์คกว่า และ มั่นคงกว่าในช่วงนี้
จริงๆ ก็มองไว้หลายงาน ไปสอบ ก.พ. อีกต่างหาก เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 22 ไปสอบแบบไม่ได้อ่านหนังสือ ไปลองของเฉยๆ จะประกาศผลสิ้นเดือนหน้า และ คิดว่าไม่น่ารอด เพราะไม่รู้เรื่องเลย ทำได้แต่ภาษาอังกฤษ ที่เหลือคือ อิหยังวะ 555555 แล้วก็หางานในกลุ่มเฟสบุ้ค ก็มีแต่งานรายวัน หรือ เดือนละ 9000 ขั้นต่ำแรงงาน
ก็มาเจองานบริษัททัวร์นี่แหละ ที่รายได้โอเค แถมอยู่ในเมือง ทำ จ.-ศ. ก็เลยลองสมัครดู สุดท้ายเราก็คือผู้ถูกเลือก อิอิ สมัครงานแรก ก็ได้งานเลย ก็เก๋อยู่ ทำให้มั่นหน้ามั่นโหนกไปอีก เห้ออออออ จะเริ่มงานวันที่ 1 ส.ค. นี้ ดูสิว่า จะไปได้ถึงไหนกัน ฮึบๆๆ
----------------------------------
ตอนนี้น้องจิน 2 ขวบ 10 เดือน แล้ว เรียนเตรียมอนุบาลอยู่โรงเรียนบำรุง ไปเรียนวันนึง ป่วยสามวัน อะไรแบบนี้วนไปจ้า ค่าเทอมเดือนละ 1200 ไปเรียนจริงๆ ไม่ถึง 2 อาทิตย์ เรียนๆ หยุดๆ เป็นกันทั้งห้อง เพราะช่วงนี้หน้าฝนด้วย เด็กป่วยง่ายมากกกกกกก อะ แล้วย้อนไป ตอนเปิดเรียนวันแรก ประมาณ 16 พ.ค. ไปเรียนได้ 3 วัน กลับบ้านมาป่วย "ติดโควิด" คือรอดมาทุกซีซั่น มาจบเอาก็ตอนบักจินไปโรงเรียน ฮึๆๆๆ ก็แอดมิดกันไปแบบบันเทิงงงงงง พ่อแม่ลูก มาครบครัน
ตอนนี้เริ่มพูดเยอะขึ้นแล้ว เป็นเด็กน่ารัก ในวันที่เค้าน่ารัก และเป็นเด็กน่าทุบ ในวันที่ไม่ค่อยฟังและงอแง 5555 เวลาลูกงอแง หรือ เรายุ่งๆ ก็จะมีอาม่าเป็นตัวช่วยเสมอ เอะอะก็เรียกหาอาม่า อาม่าก็จะรีบแจ้นมาหาหลานทันที ขอให้ไลน์หาแค่นั้นแหละ ขี่รถมารับอย่างไว เอาจริงๆ ถ้าไม่มีอาม่าก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกเองได้รอดมั้ย บางวันอาม่าก็วุ่นวาย แต่พออาม่าไม่มา ก็เรียกหา 5555 นี่แหละชีวิต
----------------------------------
ต่อจากนี้จะอัพบ่อยๆ เกี่ยวกับว่า วันนี้เราทำอะไรบ้าง และ วันนี้รู้สึกยังไง กับสิ่งต่างๆ รอบตัว จะพยายามรู้จัก และ เข้าใจตัวเองมากขึ้น พัฒนาสมองให้คิดอะไรมากขึ้นหน่อย หลังจากที่ปล่อยเบลอมาหลายปี ตอนนี้สมองจำศีลไปหมดแล้วจ้า ได้เวลาปลุก !!! ตื่น !!
0 notes
misirosekisiro · 4 years ago
Text
Series - The Collector 2
โอจ้องมองหลังวุฒิที่เดินจ้ำ ๆ ผ่านทางเดินกลางทุ่งหญ้า แสงจันทร์ข้างขึ้นทำให้แม้รอบข้างจะไม่มีบ้านเท่าไหร่ บ้านที่อยู่ใกล้สุดก็เห็นแค่แสงจากหลอดนีออนที่เปิดไว้สว่างเป็นจุดอยู่ไกล ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนักในการมองทางโดยไม่ใช้ไฟฉายในความมืดระดับนี้  ยิ่งกว่านั้น พวกเขาสองคนยังมาสำรวจเส้นทางนี้หลายรอบแล้วด้วย ไกลออกไปข้างหน้า เป้าหมายของทั่งคู่เป็นตึกที่ปิดไฟสนิท ยืนทมึนบดบังแสงจันทร์จนมีแต่ความมืด ตัวตึกเป็นคฤหาสถ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในรั้วกินบริเวณกว้างจนสุดสายตา แม้ในรั้วจะเต็มไปด้วยต้นไม้จนรกครึ้มยังกับป่า แต่ตัวตึกก็ยังโผล่ให้เห็นได้แต่ไกลด้วยความใหญ่โตจนเหมือนปราสาท “เฮ้ย พี่ เอาจริงเหรอ?” โอเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุไม่น่าเกิน 18 ในชุดกางเกงยีนส์สีดำ เสื้อยืดดำ มีโม่งมอร์ไซด์ครอบหัวปิดหน้าผากอยู่ถามวุฒิ เด็กหนุ่มที่วัยไล่เลี่ยกันที่ใส่กางเกงลายพรางสีเข้ม เสื้อยืดสีกรมท่ามีลายสกรีนที่ส่วมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีเทา บนหัวก็มีโม่งแบบเดียวกันใส่อยู่ที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่ลังเล “แม่งมึงจะมาป��ดแหกอะไรป่านนี้ว่ะ” “ก็ ไอ้ตึกเนี่ย เขาว่ากันว่ามันผีดุไม่ใช่หรือ” “แม่งงง มึงจะเอาอะไรกับเรื่องที่ชาวบ้าน��ุยสนุกปาก กูบอกแล้วใช่ไหมว่ากูมาสำรวจตึกนี้ได้สักเดือนแล้ว ตึกเนี่ยมีรถเข้าออกอยู่เรื่อย ๆ สักครั้งทุก ๆ อาทิตย์ ดังนั้นแม่งไม่ใช่บ้านร้างตึกร้างอย่างที่เป็นขี้ปากชาวบ้านหรอก” “อ้าว ก็เห็นชาวบ้านบอกว่ามันร้างมาเป็นชาติแล้วไม่ใช่เหรอพี่ เห็นว่าเจ้าของฆ่าตัวตายสมัยต้มยำกุ้ง แล้วมันก็ร้างมาจนป่านนี้” “เฮ้อ มีปากก็พูดไป เอาเป็นว่ากูมาเฝ้าอยู่เป็นเดือน เห็นรถเข้า ๆ ออก ๆ ก็แล้วกัน เอ็งคิดดูบ้านแม่งใหญ่ยังกะวังแบบนี้ ข้างในต้องมีของมีค่าเยอะแน่ ๆ คนเฝ้าก็ไม่มี แล้วมึงจะไม่ลงมือเพราะกลัวผีนี่นะไอ้โอ” “โถ พี่ก็ ก็เห็นชาวบ้านเขาบอกกันว่า ใครเข้าไปไม่ได้ออกมากันอีกเลยนี่” “ใครมันเล่าให้เอ็งฟังว่ะ มันมานั่งเฝ้าแบบข้าหรือไง” วุฒิตบหัวโอไปที  “ถ้ามึงคิดว่าไม่เอาส่วนแบ่ง มึงก็กลับไปเลย กูจะได้เหมาคนเดียว” “โถพี่ รู้อยู่ผมจะลงแดงตายแล้วเนี่ย ค่าไอซ์ก็แพงเอาแพงเอา” “ถ้างั้นก็เลิกบ่นแล้วตามมา” แล้วทั้งสองก็เดินตามกันไปเงียบ ๆ จนถึงรั้วคอนกรีต รั้วรอบค่อนข้างสูงมากและมีเศษแก้วโผล่อยู่บนขอบรั้ว พวกเขาเดินเลาะไปตามแนวรั้วจนถึงประตูใหญ่ ประตูทำจากเหล็กดูแข็งแรงแต่มีสนิมเกาะตามเวลาที่ผ่านไป วุฒิเดินไปลองบิดประตูเล็กที่อยู่บนประตูรั้วดู มันส่งเสียงฝืดตามด้วยเสียงแกร๊กโดยไม่ได้ขยับไปเท่าไหร่ เขาลองหยิบเอาชุดเสดาะกลอนมาไข แต่ก็รู้สึกว่าตัวล็อคนั้นฝืดจนไม่ขยับ “แม่ง ล็อคก็คงพังแล้วมั้ง เดินดูรอบ ๆ ละกัน” โอพยัคหน้าตอบรับ  แล้วทั้งสองก็เดินเลยประตูใหญ่ไปเลาะไปตามแนวรั้วอีก แนวรั้วฝั่งนี้อยู่ติดกับป่า ทำให้มันมืดจนมองทางแทบไม่เห็น วุฒิหยิบเอาไฟฉายขึ้นมาส่องขณะเดินเลียบไปตามแนวรั้ว แนวรั้วยาวร่วม ๆ 100 เมตร ก่อนสุดเขตนั่นเองพวกเขาก็พบประตูเหล็กขนาดเล็กอีกบาน ประตูนี้มีเถาไม้ขึ้นเลื้อยพันแสดงว่าไม่เคยถูกเปิดเลยเป็นเวลานานแล้ว วุฒิลองใช้มือขยับลูกบิด มันส่งเสียงฝืดแต่ก็ไหลไปตามแรงจนวุฒิยังแปลกใจ “บ่ะ โชคดีเว้ย แม่งไม่ได้ล็อคว่ะ” เขาพลักประตูเปิดออก ปิดไฟฉาย ก่อนดึงเอาโม่งลงมาคลุมหน้า พลางหันไปบอกโอ  “คลุมโม่งโว้ย แล้วจากนี้พูดกระซิบเบา ๆ นะเว้ย” โอดึงเอาโม่งลงมาคลุมหน้าเหมือนวุฒิก่อนกระซิบถาม “พี่ ๆ มันจำเป็นต้องคลุมหน้าเลยเหรอ”  วุฒิหันไปตบหัวโอก่อนตอบเบา ๆ  “แม่งอยากติดคุกหรือไง เดี๋ยวนี้มีที่ไหนว่ะไม่���ีกล้องวงจรปิด ขึนโชว์หน้าดุ่ม ๆ เข้าไปมึงก็เตรียมเข้าซังเตเลย” แล้ววุฒิก็เดินเข้าไปในเขตของอาคาร ตัวอาคารทมึนอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่มีไฟเปิดเลยสักดวงในบริเวณนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแสงจันทร์คงมองอะไรไม่เห็น ตัวอาคารดูเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมไร้การตบแต่ง มีเพียงหน้าต่างกระจกฝ้าที่ประดับอยู่รอบตัวอาคาร พื้นที่รอบ ๆ ตัวอาคารราดคอนกรีต แต่มีรอยแตกร้าว และมีหญ้าแซมขึ้นมาหลายแห่ง ตามกระถางปูนก็มีต้นไม้ปลูกอยู่แต่ก็เต็มไปด้วยหญ้าเหมือนไม่มีคนมาดูแลนับปี โอรู้สึกว่ายังกับเดินเข้ามาในบ้านร้างมากกว่าบ้านคน  วุฒิเดินนำโอเลียบไปตามแนวกำแพงตึก เขาสังเกตุเห็นด้านมุมไกลของด้านหลังของตึกมีประตูอยู่ เป็นประตูแบบบานเลื่อนเหมือนชัตเตอร์ตามออฟฟิสขนาดพอ ๆ กับทางเดิน พวกเขาเดินเข้าไปสำรวจ พบว่ามันแง้มอยู่พอให้ทั้งคู่คลานเข้าไปได้ วุฒิโยนเป้ที่สะพายอยู่ที่หลังให้โอก่อนกระซิบบอก “เดี๋ยวกูเข้าไปก่อน มึงดูต้นทางด้วย เสร็จแล้วมึงค่อยส่งกระเป๋าให้กู” โอพยัคหน้ารับ วุฒิคลานเข้าไปในตึก ในตึกมืดมากมีเพียงแสงจันทร์ที่ทะลุผ่านกระจกฝ้าเข้ามาพอส่องให้เห็นทางเดินที่โล่งจนวุฒิชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่นี่มีคนอยู่ เพราะมันไม่มีอะไรประดับตกแต่งเลยเป็นแค่ทางเดินโล่ง ๆ ด้านบนมีนีออนฝังในเพดาน ด้านข้างทาสีเทา ๆ และพื้นก็ปูด้วยกระเปื้องขนาดใหญ่ เท่าที่ตาพอบอกได้จากแสงแค่นี้ เขาก้มลงหันไปบอกโอที่อยู่ข้างนอก “ส่งกระเป๋ามาดิ แล้วมึงค่อยตามเข้ามา ทางสะดวกว่ะ” “โอเค” โอดันกระเป๋าผ่านร่องเข้าไป มีเสียงกึง ก่อนประตูจะเลื่อนลงมาปิดช่องนั้นจนมิดเกือบทับมือโอ “เฮ้ย มึงทำอะไรว่ะ ไปโดนประตูหรือไง ดีแม่งไม่ได้ดังสั่นบ้าน” “ป่าวนะพี่ หรือกระเป๋าจะไปเกี่ยวประตูเข้า”  “ไอ้ซุ่มซ่าม ดันประตูเปิดซิว่ะ แล้วเข้ามา เบา ๆ นะเอ็ง เดี๋ยวพ่อมึงมาพอดี” “โอเคพี่” โอยืนขึ้นก่อนย่อตัวลงไปดึงประตู มีเสียงกึก แต่ประตูไม่ขยับ “พี่ มันไม่ขยับเลยอ่ะ” “... โหย มึงนี่ไม่มีแรงขนาดนี้เลยเหรอว่ะ ลด ๆ บ้างเหอะยานะ” วุฒิที่อยู่อีกด้านเลยตั้งท่าดึงประตู ทั้งคู่ต่างออกแรงดึงประตูพร้อม ๆ กันแต่ประตูก็ไม่ขยับ “แม่ง ไรว่ะ สงสัยมันเป็นสนิมจนค้างไปแล้ว... เอางี้ มึงเดินดูรอบ ๆ มีทางอื่นเข้ามาได้ไหม กูจะลองสำรวจข้างในนี่ก่อน ขืนมัวแต่รอมึงเดี๋ยวเช้าพอดี อ้อ อย่าเสือกพังหน้าต่างหรือประตูเข้ามานะเว้ย เดี๋ยวเกิดมีพวกกันขโมย ได้วิ่งกันป่ารา��” “ได้พี่ “ โอปล่อยมือจากประตูก่อนยืดตัวขึ้น เขามองไปรอบ ๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ ตัวสั่นเพราะลมเย็น ๆ ที่พัดมา หรือเพราะตอนนี้เขาเหมือนอยู่ในบ้านผีสิงคนเดียวกันแน่ว่ะ เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน โอได้ยินเสียงฝีเท้าของวุฒิเดินห่างจากประตูไป เขาเลยเริ่มเดินเลาะขอบตึกต่อไป บางทีประตูหน้าอาจจะพอเปิดเข้าไปได้ก็ได้มั้ง เขาคิดก่อนเริ่มเดินไปต่อ ตึกนี่แม่งแปลกจริง มันเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมที่มีหน้าต่างรอบ ๆ มากกว่าบ้านคน เขาเห็นตึกมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครสร้างตึกแบบนี้มาก่อนเลย จะด้านไหน ๆ ก็เหมิอนกันหมด  เหมือนเอากล่องมาเจาะรูหน้าต่างแค่นั้น ปรกติบ้านคนรวย ๆ มันต้องมีพวกรูปปั้น, หน้าจั่ว, เสาหรู ๆ ประดับไม่ใช่หรือว่ะ นี่มันยังกะโรงงานผีสิง  โอเดินไปถึงด้านหน้า ด้านหน้าตึกค่อยดูเป็นตึกธรรมดาหน่อย มีกันสาดซีเมนท์ที่ยื่นออกมาตรงประตูทางเข้า ประตูเป็นประตูสีดำ ๆ โอเดินไปจับที่บานประตูก่อนรู้ว่า โห แม่งทำด้วยเหล็กทั้งบานนี่นะ บ้านหรือป้อมว่ะเนี่ย เขาออกแรงบิด ดึง พลัก แต่ประตูมันไม่ขยับเลยสักมิล เขาพยายามมองหารูกุญแจก็ไม่มี แต่ถึงมีก็คงช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่เพราะเขาสะเดาะกลอนอย่างพี่วุฒิไม่เป็น หลังจำพยายามปล้ำอยู่นานเขาก็ต้องนั่งยอง ๆ ยอมแพ้ ยังมีอีดด้านฝั่งทางเข้าที่ตอนนั้นยังไม่ได้สำรวจเหลืออยู่ แต่ความหวังริบหรี่เป็นบ้า..  “ฮึมมมมมม” แล้วโอก็ได้ยินเสียงครางต่ำ ๆ เขาหันขวับไป เวรแท้ มีหมาฝรั่งตัวเท่าเอวกำลังยืนตั้งท่าจะไล่ขย้ำเขาจากมุมตึกด้านที่เขาจะตรงไป โอไม่รอ รีบวิ่งหนีขณะที่หมาเองก็คำรามต่ำ ๆ วิ่งไล่มาทันที เขามองไปรอบ ๆ หาทางหนี ประตู กำแพง หมดสิทธิ สูงโครต ว่าแล้วเขาก็ตรงไปที่กระถางปูนที่ปลูกต้นไม้ไว้ก่อนรีบสาวตัวขึ้นไปบนกิ่งบน ๆ ของต้นไม้ มีเสียงงับเฉียดปลายเท้าไปนิดเดียวก่อนที่เขาจะดึงตัวพ้นขึ้นไปบนกิ่งใหญ่ แม่ง หมาบ้าอะไรว่ะ โอก้มลงไปดู มันพยายามตะกุยกระโดดอย่างเงียบ ๆ นี่สินะเขาว่าหมาเห่าไม่กัด แม่งไม่เห่าเลยกะกัดอย่างเดียวเลยนี่หว่า โอสบถ หมาตัวนั้นมันวนเวียนไปมาอยู่ข้างล่างต้นไม้ก่อนนั่งลงและเงยหน้ามองเฝ้าเขาไว้อย่างเงียบ ๆ วุฒิเปิดไฟฉายขึ้นมาช่วยส่องทางตอนที่เขาเจอทางแยกจากทางเดินรอบ ๆ ตึกเข้าสู่ตัวตึกด้านใน จากไฟที่ส่องเข้าไปเขาเห็นแค่ทางเดินอีกแล้ว ต่างกันที่ตอนนี้มี��ระตูอยู่ห่างกันเป็นระยะ ๆ เหมือนห้องตามโรงแรม เขาเดินเข้าไปตามทางนั้น เสียงฝีเท้าแม้จะเบาแต่ก็ยังสะท้อนก้องในความเงียบ เมื่อถึงประตูคู่แรกเขาลองปิดประตู แน่ละ ล็อค ลองอีกฝั่งก็เหมือนกัน เขาหยิบเอาชุดสะเดาะกุญแจออกมาและลองไขดู แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงเขาก็สะเดาะมันไม่ได้ วุฒิได้แต่คิดว่าถ้าทางฝีมือของเขาน่าจะเข้ากระป๋องไปแล้ว เขาได้แต่ตัดใจและลองมุ่งตรงต่อไปดู จนมาพบโถงใหญ่ ที่ตรงประตูหน้า จากประตูหน้ามีบันไดใหญ่ขึ้นไปชั้นสอง ตรงนี้เองวุฒิก็เองชักคิดว่าตัวเองน่าจะคิดผิดไปแล้ว เพราะแม้แต่โถงใหญ่นี่มันก็ไม่มีอะไรประดับตกแต่งเลย เป็นอาคารเปล่า ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรืออะไรอยู่เลย แต่เขามั่นใจเพราะเขาเห็นรถเข้า ๆ ออก ๆ อาคารนี้อยู่แน่ ๆ แม้จะไม่เคยตามเข้ามาดูในบริเวณอาคารก็เถอะ มันจะเป็นอาคารร้างไปได้ไงว่ะ “ชิ...” วุฒิสบถอย่างหัวเสีย เขาส่องไฟไปรอบ ๆ อีกฝั่งมีทางเดินแบบเดียวกันตรงยาวไปในความมืด คิดว่าคงไปจบกับทางเดินรอบ ๆ อาคารเหมือนกับฝั่งที่เขาเข้ามาสินะ เขาถอนหายใจก่อนส่องไฟไปตามบรรได มีทางเดินอยู่ตรงชั้นสอง หวังแต่ว่าคงจะมีอะไรอยู่ข้างบนบ้าง... เขาเริ่มเดินขึ้นบันได แต่ก่อนที่เขาจะเดินสูงขึ้นไปมีเสียงดังแอ๊ดดดด....ดังขึ้น เขารีบปิดไฟฉาย ย่อตัวลง นั่งนิ่งในความเงียบ เขาพยายามเงี่ยหูฟังเสียงอะไรก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ยินเสียอะไรอีกเลย เสียงฝีเท้า เสียงผ้าเสียดสี ในความเงียบแบบนี้เขาไม่มีทางจะไม่ได้ยินเสียงอะไรแน่ ตอนนั้นเองเขาก็สังเกตุเห็น ใต้บันไดมีแสงลอดออกมา เขาเก็บไฟฉายเข้าไปในเป้ ก่อนหยิบเอามีดพกขึ้นมา เขาค่อย ๆ ย่องลงจากบันได ก่อนเดินอ้อมลอดใต้บันไดไป แล้วเขาก็เห็นประตู แสงไฟลอดออกมาจากช่องประตู เขาพิงตัวเองเข้ากับข้างประตูก่อนใช้มีดเขี่ยประตูให้เปิดออกก่อนค่อย ๆ โพล่หน้าไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือทางบันไดแคบพอให้คนสัก 2 คนเดิน เพดานไม่สูงมาก แต่ผู้ใหญ่คนหนึ่งสามารถเดินลงไปได้โดยไม่ต้องก้ม ขั้นบันไดทอดยาวลงไปใต้ดิน รอบข้างได้กลิ่นชื้น ๆ ตัวทางเดินสร้างจากซีเมนท์ที่ไม่มีการทาสี มีหลอดไฟเล็ก ๆ ติดอยู่กับข้างฝาเป็นช่วง ๆ ให้แสงสว่างสลับกับช่วงมืด  ห้องลับนี่นะ... แม่ง กูว่าแล้ว กลิ่นสมบัติหึ่งมาเลยยยย แจ็คพ็อตแตกแน่แล้วกู วุฒิยิ้มใต้หน้ากากโม่ง เขาค่อย ๆ ย่องลงไปตามบันได บันไดโค้งเล็กน้อยทำให้ไม่เห็นปลายทาง เขาเดินลงมาสักพัก ถ้าประมาณก็สักสามชั้นเขาก็เห็นประตูห้อง เป็นประตูที่ผิดกับตัวตึกที่ผ่าน ๆ มามาก เพราะประตูที่อยู่สุดทางเดินนั้นเป็นประตูที่ดูแล้วหรูหรา จนเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง วุฒิหัวเราะ��นคอเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตู หวังว่ามันคงไม่ล็อคอีกนะเฟ้ย วุฒิคิดในใจ และมันก็ไม่ล็อคจริง ๆ ประตูเปิดตามมือของวุฒิอย่างง่ายดาย แง้มเปิดออกอย่างไม่มีเสียง ด้านในที่เขาเห็นคือทางเดินที่วุฒิได้แต่ตะลึง แม้มันจะเหมือนทางเดินตามโรงแรมในตึกด้านบน แต่ข้างล่างนี่ พื้นปูด้วยพรมอย่างดี ประตูเองก็ดูแพงแบบที่วุฒิไม่เคยเห็นมาก่อน ผนังบุด้วยวอลเปเปอร์ที่ดูเรียบหรู ไม่ใช่พวกดูแพงแบบบ้าเห่อ มีภาพแบบที่เคยเห็นแต่ตามพิพิทภัณฑ์ประดับอยู่ วุฒิเดินไป ลองเอามือลูปดูก็รู้สึกได้ถึงความขรุระของเนื้อสี ไม่ใช่แค่ภาพพิมพ์กิ๊กก๊อกนะเว้ยเฮ้ย ภาพวาดของจริงว่ะ ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้จับเลย ของประดับที่วางอยู่ตรงตู้ข้างทางเดินก็ ดูมีราคาแบบขายสักชิ้นคงรวยไม่รู้เรื่อง... ถ้าทางจะเอาเป้มาเล็กไปละมั้ง วุฒิได้แต่หัวเราะในลำคอ... เขาเดินไปที่ประตูหนึ่งบานจากหลายบานตามทางเดิน เขาเปิดออกอย่างคาดหวังถึงอะไรที่มันแพงกว่านี้ มีค่ากว่านี้อยู่หลังประตูพวกนี้ ประตูเปิดออกตามมือเขาอย่างง่ายดาย พอเขาเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ต้องอุทานออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “แม่ง... อะไรว่ะเนี่ย.....” โอเกือบจะสับปะหงกอยู่แล้ว เขาติดแหงกอยู่บนต้นไม้นี่มาน่าจะเกือบครึ่ง ชม.แล้ว ไอ้หมาเหี้ยนั่นมันเล่นนั่งจ้องเขาอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนเลย ขืนเป็นแบบนี้ พอเช้าเกิดเจ้าของบ้านมาเห็นเขาก็ถูกจับเข้าซังเตพอดีสิเนี่ย... เวรแท้ ไอ้ลูกพี่ทีเดียว บอกแล้วว่าบ้านนี้มันบ้านผีสิง... จู่ ๆ หมาที่ใต้ต้นไม้มันก็เลิกจ้องมาที่โอ มันหันหน้าไปที่ตึกเหมือนสนใจอะไรบางอย่าง ก่อนจู่ ๆ มันก็วิ่งกลับไปทางหน้าตึกแบบไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ โอยังคงจ้องมองไปทางนั้นอย่างไม่วางใจอีกพักใหญ่ ก่อนจะทำใจลงมาจากต้นไม้ โดยที่ตายังคงระวัง หูก็คอยฟังเสียงคำรามต่ำ ๆ นั่น แต่ก็ไม่เห็นสัญญาณว่าไอ้หมานั่นจะกลับมา เขารีบวิ่งโกยอ้าวไปทางตรงข้าม นั่นคือทางที่เข้ามา ช่างเงินมันละ กลับบ้านดีกว่า โอคิด ตอนที่วิ่งผ่านประตูด้านหลังนั่นเองเขาก็สังเกตุว่าประตูมันเลื่อนเปิดแล้ว  หรือว่าพี่วุฒิจะเปิดประตูได้แล้ว เขาคิดว่าเข้าไปข้างในไปรวมกับพี่วุฒิอาจจะปลอดภัยกว่าตรงไปที่ประตูทางออกที่หมาอาจจะไปรออยู่แล้วก็ได้ ยังไงในเป้ของพี่มีของเล่นเตรียมไว้หลายอย่าง เขาเลยรีบสไลด์ตัวเองลอดผ่านประตูเข้าไปข้างใน ก่อนหันไปกดประตูลงมาปิดจนสนิท กันไว้ดีกว่าแก้ โอคิดถึงเขี้ยวของหมาบ้าตัวนั้น  เขายืนขึ้นแล��เริ่มย่องไปตามทางเดินรอบอาคาร ตรงนี้ยังดีนะสว่างดี เพราะไฟฉายเขาก็ไม่มี ขืนมึด ๆ ก็ไม่รู้จะเดินไปยังไง ตอนที่ถึงทางแยก เขามองตรงไปในทางแยกนั้นมันมืดจนเขาเลิกคิดจะเข้าไป ถ้ามีไฟฉายก็ว่าไปอย่าง.. ทันใดนั้นเขาก็สังเกตุเห็นแสงไฟ กับเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินตรงมาทางเขาจากในความมืด เขารีบหลบ มองไปรอบ ๆ แต่ทางเดินนั้นไมมีที่ให้หลบเลย เป็นทางเดินโล่ง ๆ เขารีบวิ่งตรงกลับไปที่ประตูที่เขาเข้ามา พยายามดันประตูให้เปิด เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ประตูไม่ขยับเลยสักนิด แสงของไฟฉายเริ่มสาดสว่างขึ้นตรงทางแยก ก่อนหันลำส่องมาทางเขา วุฒิเอามือขึ้นมาปิดหน้าบังแสง ก่อนแสงไฟฉายจะกดลงพ้นหน้าเขา เขามองไป โถ่ พี่วุฒิ โอถอนใจด้วยความโล่งอก ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพี่วุฒินั่นเอง ถึงอยู่ในหน้ากากไอ้โม่ง แต่ชุดนั่นก็พี่วุฒินั่นละ พี่วุฒิเริ่มยกนิ้วขึ้นกวักเรียกเขาให้เข้าไปหา โอถอนใจเตรียมใจโดนเขกกระบานฐานปอดแหกเกินเหตุ เขาวิ่งเยาะ ๆ เข้าไปหาวุฒิ ก่อนทัก “พี่ ผมเจอหมาด้วย ตัวเท่าเอว เรารีบ ๆ เผ่นดีกว่าบ้านนี่แม่งยังไง ก็ไม่รู้” วุฒิยกนิ้วชี้ขึ้นจุปากก่อนพูดด้วยเสียงกระซิบ  “ตามมา” ก่อนพี่วุฒิจะส่องไฟฉายและเดินตรงเข้าไปตรงทางแยกนั่น โอช็อคมาก พี่ไม่เขกกระบานโอ ช็อคมาก แกไปเจออะไรเด็ดขนาดไหนว่ะเนี่ย ถึงมองข้ามจะเขกกระบาลเขาได้ เขาย่องตามวุฒิไปอย่างเงียบ ๆ จนถึงห้องโถง โอรู้สึกแบบเดียวกับวุฒิว่า ตึกนี่มันพึลึกโครต ถึงจะดูร้าง ไม่มีอะไร แต่พื้นเอย ผนัง เพดาน มันดูสะอาดเหมือนมีคนคอยทำความสะอาดมันเสมอ วุฒิเดินนำโอตรงไ��ที่หลังบันได เขาตามเข้าไปก่อนเห็นว่ามีประตูอยู่หลังบนไดนั่น โอเขย่าแขนพี่วุฒิ  “พี่แน่ใจเหรอ ห้องแบบนี้นะ” วุฒิพยักหน้า พูดเบา ๆ “ตามมา” แม่งพี่นี่จะประหยัดคำพูดไปไหน  วุฒิเดินนำเข้าไปไม่รอ โอรีบจ้ำตามเข้าไป เสียงฝีเท้าทั้งสองคนดังก้องตามช่องบันได สักครู่หนึ่งก็ถืงประตูวุฒิก็โบกมือเหมือนจะให้โอเดินนำเข้าไปในประตู โอชี้นิ้วไปที่ตัวเองพลางขยับปากแต่ไม่มีเสียง “ผมเหรอ”วุฒิพยัคหน้า โอจำใจค่อย ๆ เปิดประตูแง้มออก แล้วเขาก็เห็นแบบที่วุฒิเห็น ปากอ้าจนค้างแทบพูดไม่ออก แต่ก็ยังหลุดเสียงเบาเหมือนกระซิบออกมา“แม่งพี่.. บ้านรวยไหน ๆ ที่เคยขึ้นมาผมยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย...”วุฒิพยัคหน้าตอบพลางชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง โอพยัคหน้าก่อนเดินนำไป และค่อย ๆ เปิดประตูออก แอบดูอย่างระมัดระวัง โอต้องแปลกใจเพราะห้องนี้มันเหมือนห้องตามโรงพยาบาลมากกว่า พื้นผนัง บุด้วยกระเบื้อง���บใหญ่สีเขียวอ่อน มองเข้าไปเห็นเตียงเรียงอยู่ มีเสาแบบที่ให้น้ำเกลือตั้งอยู่ข้าง ๆ สายที่โยงนั้นตรงไปที่แต่ละเตียง แต่บนเตียงกลับมองไม่เห็นว่ามีใครนอนอยู่เพราะมีผ้าห่มคลุมไว้มิดชิด โอทำหน้าเหยเก พลางหันมาหาวุฒิ แต่วุฒิกลับบุ้ยหน้าเหมือนให้รีบ ๆ เข้าไป โอจำใจต้องทำตามโอเดินเข้าไปในห้อง กลิ่นเหมือนยาฆ่าเชื้อตามโรงพยาบาลลอยมาแตะจมูก แม้จะไม่ฉุนเหมือนในโรงพยาบาล แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี โอเดินย่องไปที่เตียง ใต้ผ้ามีร่างนอนอยู่แน่ ๆ เพราะผ้าห่มมันนูนขึ้นมาเป็นรูปคนเห็นได้ชัด โอหันมาเหมือนจะถามวุฒิว่าจะเอาไงดี วุฒิก็ยังบุ้ยคางเหมือนให้โอลองเข้าไปเช็คดูอยู่ดี แม่งพี่เนี่ย โอเดินไปที่เตียง ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มลงมาจนถึงอก โองงเต็ก เพราะร่างที่เห็นบนเตียงคือเด็กวัยรุ่น ผมเกรียน ใส่ชุด รด. หลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง แขนสองข้างถูกล็อคไว้ด้วยเข็มขัดหนังติดกับเตียง สายน้ำเกลือนั้นปักอยู่ที่แขน โอหันมาดูวุฒิด้วยความไม่เข้าใจแบบสุด ๆ จนอดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม“พี่ ไหงมี รด.มานอนให้น้ำเกลืออยู่ที่นี่ละพี่ ไอ้ที่นี่มันแหม่ง ๆ แล้วนะ..”วุฒิใช้นิ้วชี้ปิดปากเหมือนจะให้เงียบ ก่อนชี้ไปที่เตียงถัดไปเหมือนจะให้โอเช็คต่อโอส่ายหน้า“พี่ผมว่าไปเหอะ ที่นี่มันพิลึกเกินไปแล้ว”แต่วุฒิกลับดันโอไปที่เตียง โอจำใจหันไปและดึงผ้าห่มลง โอใจหายวาบไม่ใช่เพราะร่างที่อยู่บนเตียงถัดไปเป็นชายวัยทำงาน ผมที่ตัดเกรียน หรือกำลังเปลือยอยู่  มีรอยจุดสีแดง ๆ ที่อกสองรอย ไม่ ทั้งหมดนี่ไม่ทำให้โอสะดุ้งหรอก เพราะร่างนั้นก็เหมือน รด. คือหลับไม่รู้เรื่อง แต่เพราะชุดตำรวจที่วางอยู่ข้าง ๆ หมอน ทั้งรองเท้าคอมแบ็ตที่มีถุงเท้ายัดอยู่ก็วางอยู่ข้าง ๆ เขารีบจับมือวุฒิ ดึงทำท่าจะวิ่งหนี  แต่วุฒิกลับแข็งตัวดึงโอไว้ก่อนดันตัวโอไปที่เตียงถัดไป แม่งรีบ ๆ จะได้จบ ๆ ไปซะ โอคิด เขาได้ยินเสียงอู้อี้เบา ๆ มาจากร่างบนเตียงเขาดึงผ้าห่มลงมา คราวนี้ละเขาสตั้นจริง ๆ ร่างนั้นคือวุฒิ นอนเปลือยอยู่ มือสองข้างถูกล็อคไว้เหมือนคนอื่น ๆ แต่ต่างกันคือวุฒิไม่ได้สลบ เขาขยับไปมาอย่างอ่อนแรง ตาที่จ้องมาเบิกโพลง เขาส่งเสียงอู้อี้เพราะในปากมีถุงเท้าเน่า ๆ ยัดปากอยู่ ที่อกของวุฒิก็มีจ้ำแดง ๆ สองจุด มีเลือดซึมออกมานิด ๆ ด้วย ก่อนที่โอจะหายสตั้น่ เขาก็ถูกร่างข้างหลังเอาผ้ามาปิดปาก และกระโดดรวบแขนขาเขาจนล้ม เขาดิ้นสู้ แต่ร่างนั้นพยายามรัดเขาไว้แน่นพลางหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจ โอได้กลิ่นหวานฉุน ๆ จากผ้า เขาพยายามกลั้นหายใจ แต่ก็ไม่ได้นานพอ เขาสู้แรงหมอนั่นไม่ได้ สักพักเขาก็จำเป็นต้องหายใจเข้า แค่ไม่กี่ครั้งหัวของโอก็หมุนคว้าง ตาลาย รู้สึกเหมือนลอย ๆ และก็วูบไปตอนที่โอตื่นขึ้น เขางัวเงีย หัวมันตื้อไปหมด นึกอะไรไม่ออกเลย เขาพยายามจะพลิกตัว แต่ปรากฎว่ามือเขาขยับไม่ได้ เขาก้มหัวลงไปมอง เห็นว่าตัวเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แม้แต่กางเกงในก็ไม่มี มือและขาถูกรัดไว้กับเตียง“ฉิบหาย” โอพึมพัมเขาพยายามดิ้น แต่รู้สึกว่าอ่อนแรงบอกไม่ถูก แล้วเขาก็ได้ยินเสียงอู้อี้จากเตียงข้าง ๆ เขาหันไปมอง พี่วุฒิกำลังหันมาทำหน้าบอกไม่ถูกจ้องกลับมา “พี่ นี่มันแม่งอะไรกัน” โอตะโกน วุฒิได้แต่ส่ายหน้าแต่ตอบไม่ได้เพราะถุงเท้ายังเต็มปากอยู่ แล้วเขาก็ได้ยิน เสียงแกร๊ก ๆ เหมือนรถเข็นค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ และประตูก็เปิดออก โอสะดุ้งเพราะคนที่เข็นรถเข้ามาใส่เสื้อผ้าของโออยู่ แม้แต่ไอ้โม่งก็ของเขา รถเข็นที่เขาเข็นมามีผ้าคลุมเอาไว้ทำให้ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่“แย่จังแย่จัง หรือว่า.... จะบอกว่าดีจัง ดีจังดีกว่ามั้ง”ร่างนั้นพูดโอตะโกนด่ากลับ“แม่งปล่อยกูนะโว๊ย มึงจะทำอะไรพวกกูว่ะ”ร่างนั้นปล่อยรถทิ้งไว้ก่อนเดินเข้าข้าง ๆ เตียงโอ เขาถลกโม่งที่คลุมหัวขึ้นไปไว้บนหน้าผาก โอเห็นว่าชายคนนั้นเป็นเด็กวัยรุ่น อายุไม่น่าเกิน 20 กว่า หน้าตาค่อนข้างดี ผิวขาวจัด เขาก้มมองที่โอก่อนพูด“แหม ก็อุตสาห์มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามา เหมือนที่เขาว่าไงครับ ใครมาถึงเรือนชาญก็ต้องต้อนรับ ส่วนจะต้อนรับวิธีไหนนั้น เป็นเรื่องของเจ้าบ้านใช่ไหมครับ ส่วนจะทำอะไรพวกนายนั้น ทำให้ดูดีกว่าพูดครับ”แล้วเขาก็เดินไปจากเตียงของโอ โอมองตาม ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงไปที่เตียงแรก โอมองไม่เห็นว่าเขาไปทำอะไรเพราะมีอีกสองเตียงคือ วุฒิกับตำรวจบังอยู่ ชายคนนั้นพึมพัม “คนนี้พร้อมละ”แต่เหมือนจะรู้ ชายคนนั้นเข็นเตียงของ รด.ออกมาที่ทางเดิน ทำให้วุฒิและโอสามารถก้มลงไปมองได้ ชายหนุ่มปลดน้ำเกลือออกจากแขนของรด.แล้ว เสาน้ำเกลือของ รด.ยังตั้งอยู่ที่เดิม เขาเอาหน้าเข้าไปซุกที่อกของ รด. โอได้ยินเสียงสูดหายใจพร้อมเสียงครางเบา ๆ พอเขายืนขึ้น เขาเริ่มปลดกระดุมชุด รด.ออก ตั้งร่างของ รด.ให้นั่งก่อนถอดเสื้อ รด. เสื้อยืดออก ตามด้วยรองเท้า ถุงเท้า เสียงห่วงซิ่งตกกระทบพื้นดังแกรก ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บมาวางไว้กับเสื้อผ้าบนเตียง ก่อนถลกกางเกง รด.ลงมา��ร้อมกางเกงใน และวางไว้ด้วยกัน เด็กหนุ่ม รด.ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยล่อนจ้อน ชายหนุ่มยืนยิ้มอย่��งพอใจ ก่อนเดินไปที่รถเข็นและหยิบกระปุกอะไรบางอย่างมาจากรถ  เปิดกระปุกขณะเดินมาที่ รด. เขาใช้มือถูเข้าหากันเหมือนขยี้ครีมก่อนใช้มือทั้งคู่ลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างของ รด. ไม่เว้นแม้แต่น้องชาย หรือที่ผม หลังจากทาจนทั่ว ชายหนุ่มก็เริ่มถอดชุดของโอออกจากตัว“แม่ง” โอสบทเมื่อเห็นกางเกงในตัวเจ็บของเขาถูกชายคนนั้นเอาไปใส่ ชายคนนั้นหันมายิ้มให้ก่อนถอดมันออก ยังเอามันมาปิดจมูกก่อนดมดังซีด พลางยิ้มเยาะ ๆ ใส่โอ โอดิ้นพล่าน“แม่ง แม่ง แม่ง”ชายคนนั้นทิ้งกางเกงในโอไว้กับกองเสื้อผ้าของเขา เขาเดินไปที่รถเข็นก่อนหยิบเอากระปุกอีกอันขึ้นมา และเริ่มทาไปทั่วตัวเอง เหมือนเดิมแม้แต่ผมก็ถูกทาจนทั่ว ระหว่างนั้นเองโอก็สังเกตุอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากลัวจนหนาวไปถึงไขกระดูก ร่างของเด็ก รด.นั้นค่อย ๆ แบนลงเรื่อย ๆ เหมือนลุกโป่งถูกเป่าลม จนแฟบติดกับเตียง ชายหนุ่มที่ง่วนกับการทาครีมจนทั่วตัวหันมาเห็นก็ยิ้มอย่างพอใจ เขาสำรวจตัวเองทั่ว ๆ แล้วเดินไปที���ร่างของ รด. เขาดึงเอาร่างนั้นขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ร่างนั้นพับรวบกันเหมือนกับชุดหนัง เขาดึงเอาร่างนั้นลงไปที่พื้นก่อนดึงส่วนปากของ รด.ให้ยืดออก โอทำหน้าเหยเกกลัวจะได้ยินเสียงมันฉีก แต่เปล่า ปากของ รด.ยืดออกเหมือนกับยางไม่มีลักษณะว่าจะฉีกเลย ชายคนนั้นก้าวขาเข้าไปร่างของ รด.เหมือนกับใส่ชุดยาง เขาค่อย ๆ ดึงขาเข้าไปจนสวมเข้ากับขาของ รด. ชายหนุ่มร่างออกจะสูงและหนากว่า เด็กหนุ่ม รด. ทำให้ผิวหนังดูยืด ๆ หน่อย ๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใส่ใจ เขาใส่ขาอีกข้างเข้าไปและดึงจนขาเข้าไปอยู่ในที่เรียบร้อย เขาดึงเอาปากของรด.มาอยู่แถว ๆ อก ก่อนดึงเอาน้องชายของ รด.สวมเข้ากับของเขาเอง ขนาดที่เล็กกว่าของ รด.ทำให้น้องชายของรด.ดูยืดผิดธรรมชาติ และเขาก็ยังดึงชุดต่อไปจนถึงคอ เขาสอดมือทั้งสองข้างก่อนจัดนิ้วเหมือนคนกำลังสวมชุดรัดรูปตามงานคอสเพลย์ พอเรียบร้อยเขาก็ดึงเอาหัวของ รด.จัดเข้ากับหน้าเขาเอง ร่างของ รด.ดูยืดผิดปรกติ ใบหน้าดูถูกดึงจนยืด ชายคนนั้นขยับตัวไปมาเหมือนกับออกกำลังกาย ระหว่างนั้นโอก็สังเกตุได้ว่า ร่างของชายคนนั้นดูเล็กลง ใบหน้าที่ดูยืด ๆ เริ่มเข้าที่ ส่วนสูง กล้ามเนื้อที่ทำให้ร่างของ รด.ดูพอง ๆ ก็ค่อย ๆ เข้าที่ สักครู่หนึ่งเขาก็ยอมรับว่า นั่นคือ เด็กหนุ่ม รด.ที่นอนอยู่บนเตียงชัด ๆ“ท๊าดา” เด็กหนุ่ม รด.หันมาพลางทำท่าเหมือนกับโชว์ตัว “เป็นไงครับ” เสียงของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป เสียงดูเด็กลง เล็กลง เอาจริง ๆ คือไม่เหมือนเสียงเดิมเลยเด็กหนุ่มหยิบเอาชุด รด.ที่วางบนเตียงขึ้นมาก่อนเริ่มสวม ทั้งกางเกงใน ถุงเท้า รองเท้าคอมแบ็ต และชุด ทุกอย่างใส่จนเรียบร้อย เขาเดินไปสำรวจตัวเองที่กระจกที่ผนัง โพสท่าไปมาเหมือน���ม่รู้เบื่อ ท่ามกลางสายตาของโอและวุฒิ รด.หันคอกลับมามองที่ทั้งคู่บนเตียง“คงพอรู้แล้วสินะครับว่าจะเจออะไร” เด็กหนุ่มเอามือกดไปที่กระจก กระจกเปิดออกมาเหมือนประตูตู้ สิ่งที่อยู่ด้านในทำให้โอกับวุฒิร้องให้ออกมาอย่างไม่อาย ในนั้นมี ร่างของผู้ชายหลายคนแขวนอยู่ แต่ว่าทุกคนนั้นอยู่ในสภาพเหมือนกับเป็นชุดหนังที่ถูกแขวนไว้ แบนราบ ขณะที่บนหัวแต่ละคน มีเสื้อผ้าพับไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมมีป้ายกำกับแต่ทั้งคู่อ่านไม่ออกจากระยะขนาดนี้ รด.เดินกลับไปที่รถเข็นพลางพูด“แต่ก็นะ มันต้องรออีกหน่อยให้ยาที่ผมจะให้พวกนายมันออกฤทธิ์เรียบร้อย... ดังนั้นผมว่า เรามีเวลาสนุกกันอยู่ก่อนถึงเวลานะ... “ แล้วเขาก็ดึงผ้าที่คลุมรถอยู่ออกโอเห็นของที่อยู่บนรถ เขาร้องตะโกน“ไม่นะ ชิบหาย ไม่เอา ปล่อยกู ปล่อยกูนะ”วุฒิจำของหลายชิ้นบนนั้นได้ เพราะเห็นมันบ่อย ๆ ตามหนังสือแนว SM “แม่ง เอ้ย” วุฒิได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจ รด.หยิบเอาของที่เหมือนเข็มสีดำ ๆ ขึ้นมาถือไว้ ก่อนดูมันอย่างเพลิดเพลินและยิ้มอย่างชั่วร้าย และพึมพัม “จะเล่นกับใครก่อนดีละ....”
9 notes · View notes
thanakritintapan · 3 years ago
Photo
Tumblr media
โถ อาจารย์!! จะแคปเจอร์ ก็เลือกตอนหล่อกว่านี้อีกนิดก็ไม่ได้ โครงการ Digital Literacy ในมหาวิทยาลัย #pokpak_thanakrit #speaker #SBLCoTh (ที่ Bangkok Thailand) https://www.instagram.com/p/CXxo5NQvmaU/?utm_medium=tumblr
0 notes
aomhusky · 8 years ago
Photo
Tumblr media
0 notes
thailandcmd368 · 3 years ago
Text
CMD368 || เข้ารอบอช.คัพ นายกฯฮุนเซน อัดฉีดกัมพูชาเป็นล้าน
ศึกฟุตบอลเอเซียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก รอบ 3 ได้ 24 ทีม ผ่านเข้ารอบแล้ว โดยจะทำการแข่งขันเพื่อคัดเลือกทีมอีก 11 ทีมไปแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศจีน ในระหว่างวัน 16 มิ.ย.-16 ก.ค.66 ในรอบคัดเลือกรอบที่สาม 24 ทีม แบ่งการแข่งขันออกเป็น 6 กลุ่ม ๆละ 4 ทีม ทีมแชมป์กลุ่ม ของทุกกลุ่ม 6 ทีม จะผ่านเข้ารอบพร้อมกับอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 5 ทีม จาก 6 กลุ่ม โดยจะมีการจับสลากในเดือน ก.พ.65
Tumblr media
    24 ทีมที่จะลงเล่นเอเซียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก รอบ 3  
    โถ 1:อุซเบกิสถาน,จอร์แดน,บาห์เรน,คีกีซสถาน,ปาเลสไตน์,อินเดีย     โถ 2:ทาจิกิสถาน,ไทย,ฟิลิปปินส์,เติร์กเมนิสถาน,คูเวต,เมียนมาร์     โถ 3:ฮ่องกง,เยเมน,อัฟกานิสถาน,มาเลเซีย,มัลดิฟส์,สิงคโปร์     โถ 4:อินโดนีเซีย,กัมพูชา,เนปาล,มองโกเลีย,บังคลาเทศ,ศรีลังกา
    ในส่วนของทีมชาติกัมพูชา ลงเล่นเพลย์ออฟกับทีมชาติกวม 2 นัด เอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 3-1(1-0,2-1) ภายใต้การคุมทีมของ เรียว ฮิโรเสะ ��ุนซือชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานร่วมกับ เคสุเกะ ฮอนดะ  จนสามารถผ่านเข้าไปรอบคัดเลือกรอบที่สามได้สำเร็จ โดยการผ่านเข้ารอบครั้งนี้ ฮุน เซน  นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  ได้มอบเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3.3 ล้านบาท ให้กับทีมชาติกัมพูชา หลังผ่านเข้ารอบไปได้ โดยมอบผ่านมายังสมาพันธ์ฟุตบอลกัมพูชา 
    นอกจากนั้น ฮุน เซน  นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  ยังออกมาเผยว่า “ขอแสดงความยินดีกับทีมชาติกัมพูชาสำหรับชัยชนะเหนือทีมชาติกวม  ในรอบเพลย์ออฟที่ ประเทศบาห์เรน ขอชื่นชม เคสุเกะ ฮอนดะ ที่นำทีมชาติกัมพูชาประสบความสำเร็จในครั้งนี้
ติดตามข่าวสารฟุตบอลร้อนแรงและน่าสนใจ ได้ที่ CMD368
#CMD368
#พนันออนไลน์ 
#เจ้ามือที่มีชื่อเสียง
#ข่าวกีฬา
0 notes
supermargie · 2 years ago
Text
ไม่ได้คิดอะไรมากให้มันปวดหัว เน้นที่ตัวกำไรมากกว่าก็เล่น บาคาร่าออนไลน์
Tumblr media
ถ้าเพื่อนๆ สงสัยแบบนี้แสดงว่าตอนที่เล่นเกมไพ่ บาคาร่าออนไลน์ ก็ดี ไฮโลออนไลน์ก้ดี หรืออื่นๆ ที่เล่นผ่านออนไลน์ เพื่อนๆ ไม่เคยสังเกตุหน้าจอรอบๆ ว่ามันจะม���ช่องให้ดูเป็นสถิติว่า ถ้าสมมติเป็น บาคาร่า ก็จะมีบอกว่า ตานี้นะ มีคนแทงฝั่งเจ้ามือ เท่านั้น เท่านี้ เปอร์เซ็นต์
มีคนแทงฝั่งผู้เล่น เท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ้นต์ ก็ว่ากันไป มีตัวเลขบอกเป็นสถิติหมดเลย เราก็สังเกตุง่ายๆ ใจเย็นๆ ดูไปสัก 2-3 ตาก่อนก็ได้ เพื่อเช็คดูว่า คนแทงฝั่งที่เยอะกว่ามันคือฝั่งไหน แล้วเวลาไพ่ปิดมานั้น มันออกตามที่คนแทงเยอะๆ เขาแทงกันหรือไม่สมัครเว็บmm88 ถ้าตามสถิติคนที่แทงเยอะกว่า แล้วแทงถูกสัก 2 ใน 3 ตา แบบนี้เราไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย ก็จัดการดูแค่สถิติฝั่งไหนแทงเยอะกว่าเราก็แทงตามไปเลย ง่ายๆ ชิวๆ ใช้สูตรเดินเงินของเรานี่แหละ ใช้สูตรเดินเงินแบบแทงทบก็ได้เว็บสามารถเล่นได้เยอะ ถอนได้เยอะ
เรียกได้ว่ามันเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดูแล้วเซียนๆ ทั้งหลายอาจจะบอกว่า โถ เทคนิคสิ้นคิด ทำไมไม่คิดเอง ไม่เล่นเอง แทงตามเขาทำไม อะไรแบบนั้น แต่เราเองถ้าอยากเล่นง่ายๆ ไม่ได้คิดอะไรมากให้มันปวดหัว เน้นที่ตัวกำไรมากกว่าก็เล่น บาคาร่าออนไลน์ แบบนี้ก็ได้ เพราะเหล่าเซียนๆ ทั้งหลายเขาคิดคำนวนมาให้แล้ว จริงมั้ยเพื่อนๆเว็บคาสิโนออนไลน์
0 notes