#ประจำเดือนมาไม่ปกติ
Explore tagged Tumblr posts
Text
โรคเครียด คืออะไร
โรคเครียด หรือ Adjustment Disorder
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมท่ามกลางวิกฤติต่างๆ เป็นสิ่งที่ยากแล้ว แต่การมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่เข้มแข็งเป็นเรื่องที่ยากกว่า เรื่องของกายยังเป็นสิ่งมองเห็นได้ เจ็บป่วยก็รักษาหรือหาวิธีป้องกัน แต่เรื่องของใจไม่มีใครมองเห็น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสร้างพื้นฐานด้านจิตใจให้เข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันที่ดี ที่ซึ่งต้องรู้วิธีการจัดการความเครียดและบริหารสุขภาพจิตให้เข้มแข็งและรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายต่างๆ ได้ตลอดเวลา
Adjustment Disorder คืออะไร
โรคเครียด หรือ ภาวะการปรับตัวผิดปกติ มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Adjustment Disorder มักเกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับสภาวะกดดันหรือมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาคุกคามและก่อให้เกิดความไม่สมดุลของร่างกายและจิตใจ และไม่สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต มีความทุกข์ ทรมาน จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การงาน และการเข้าสังคม สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยแต่ละคนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดแตกต่างกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานผ่านฮอร์โมนความเครียด 2 ตัว ที่เรียกว่า คอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตสองข้าง มีอาการนานไม่เกิน 6 เดือน จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางจิตเวชที่สามารถหายเป็นปกติได้
สาเหตุ
ความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยใหญ่ๆ ดังนี้
• ปัจจัยภายใน
ภายใน เช่น การเจ็บป่วยหรือโรคประจำตัว พัฒนาการตามวัย ทัศนคติ บุคลิกภาพ สารเคมีในสมองไม่สมดุลทำให้เครียด วิตกกังวล และเศร้าง่าย รวมถึงสุขภาพจิตของแต่ละคนที่มีความแข็งแรงน้อยลง ขาดการอดทนรอคอย การแบ่งปัน และการควบคุมอารมณ์
• ปัจจัยภายนอก
มักเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสังคม แบ่งออกได้ 4 เรื่องหลักๆ ดังนี้
การงาน
มีปัญหากับเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ผลตอบแทนไม่พอ ไม่เหมาะสม รายละเอียดของงาน งานที่ต้องแข่งกับเวลาหรือเกี่ยวข้องกับความเป็น ความตาย ความทุกข์ทรมาน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแข่งขันทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน ภาระหนี้สินทางการเงิน เป็นต้น
ความสัมพันธ์
ปัญหากับทางบ้าน พ่อแม่ พี่น้อง หรือทะเลาะกับแฟน กับเพื่อน เมื่อมี ความเครียดสะสมทำให้ความอดทนต่อแรงกดดันลดลง ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี มีโอกาสเกิดความขัดแย้งหรือใช้กำลังแก้ไขปัญหา นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกในครอบครัว มีความเสี่ยงต่อโรควิตกกังวล ซึมเศร้า ติดสุรา สารเสพติด มีปัญหาทางอารมณ์ บุคลิกภาพ
สุขภาพ
การเจ็บป่วยบางอย่างในร่างกาย เช่น ท้องเสีย ไม่สบาย ปวดหัว โรคประจำตัว หรือโรคร้ายแรง วงจรการนอนเปลี่ยนแปลง จากการศึกษาพบว่า คนที่เข้างานเป็นกะ ไม่ค่อยได้นอน เข้างานเช้าบ้าง บ่ายบ้าง ดึกบ้าง มีความเครียดสูงกว่าคนทั่วไป ส่งผลต่อระบบย่อยอาหารทำงานไม่ค่อยดี รู้สึกเหนื่อย เพลียง่าย อ่อนแรง อารมณ์หงุดหงิดหรือซึมเศร้า
การเปลี่ยนแปลงในชีวิต
คู่สมรสเสียชีวิต มีคนในบ้านเจ็บป่วย ต้องออกจากงาน เปลี่ยนงาน สิ่งไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่สามารถควบคุมจัดการได้ แม้แต่เรื่องที่ดีอย่างเรื่องการแต่งงาน ก็ทำให้คนเครียดได้
https://www.manarom.com/blog/img/Adjustment_Disorder_detail7.jpg
ผลกระทบจากความเครียด
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้น วิถีชีวิตที่เราคุ้นเคยก็จะเปลี่ยนไปทำให้เราต้องปรับตัวใหม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อทั้งร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม
• ร่างกาย อาการเจ็บป่วยทางกายที่เกิดจากความเครียดที่เรารู้จักกันดี เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โรคกระเพาะ ใจสั่น มือสั่น หายใจไม่เต็มอิ่ม เหงื่อออก มือเย็นเท้าเย็น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผื่นคัน ปวดกล้ามเนื้อ โรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัมพาต การทำงานระบบภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ทำให้เกิดปัญหาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาจำนวนมาก ชี้ให้เห็นว่า ภาวะความเครียดสะสมเป็นระยะเวลายาวนานมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
• จิตใจและอารมณ์ สังเกตได้ว่าเมื่อเกิดความเครียด อารมณ์จะแปรปรวนและไม่คงที่ บางรายอาจอารมณ์ร้ายมากขึ้น หรือมีอาการซึมเศร้าจนเห็นได้ชัด โดยสามารถสังเกตผลกระทบทางอารณ์หรืออาการที่เกิดขึ้นจากความเครียดได้ ดังนี้จิตใจเต็มไปด้วยการหมกมุ่น ครุ่นคิด วิตกกังวล หดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย รู้สึกไม่ปลอดภัย คิดวนเวียน หวาดระแวง สิ้นหวัง ขาดความภูมิใจในตนเอง ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ใจลอย ขาดสมาธิ ตื่นเต้น
• พฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากความเครียด เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ร้องไห้ง่าย ไม่อยากทำอะไร ขาดความอดทน เบื่อง่าย ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง มีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นเสมอ เริ่มปลีกตัวจากสังคม ไม่ดูแลตัวเอง ก้าวร้าว เกเร บางรายอาจใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น มีผู้คนจำนวนมากใช้วิธีแก้ปัญหาความเครียดด้วยการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ใช้ยานอนหลับ หรือใช้สารเสพติด ซึ่งอาจช่วยคลายเครียดได้ชั่วขณะแต่ก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพที่รุนแรงตามมาอีกมากมาย ในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นอาจเกิดอาการหลงผิดและตัดสินใจแบบชั่ววูบนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด
ส่วนเหตุการณ์เล็กๆ กระจุกกระจิกที่���างครั้งอาจมองข้ามไป เช่น รถติด ที่ทำงานอยู่ไกลบ้าน แฟนมาสาย เงินเดือนออกไม่ตรงตามเวลา ก็ทำให้เครียดได้โดยไม่รู้ตัว หากจัดการกับความเครียดเหล่านี้ได้ก็จะดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเครียดก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง คือ ความเครียดในระดับปกติหรือกำลังดี เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นตัวกระตุ้น เป็นแรงจูงใจที่นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ ถ้าไม่มีความเครียดเลย เราก็อาจเป็นคนที่ขาดแรงจูงใจ มีความเฉื่อยชา ปราศ��ากความตื่นเต้น มีชีวิตประจำวัน ที่น่าเบื่อ และซ้ำซากจำเจ
https://www.manarom.com/blog/img/Adjustment_Disorder_detail2.jpg
เทคนิคการจัดการความเครียด
สามารถฝึกฝนเพื่อคลายความเครียดด้วยตนเองได้หลายวิธี ดังนี้
1. การปรับความคิด
ยืดหยุ่น ไม่ยึดติด มีเหตุผล มองต่างมุม คิดถึงเรื่องดีๆ คิดถึงผู้อื่นบ้าง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือโทษคนอื่น แล้วมองหาแนวทางแก้ไข ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ให้เรายอมรับ เรียนรู้ แล้วก็ปล่อยมันไป หันมาใส่ใจเรื่องที่เราควบคุมจัดการได้ดีกว่า
2. ฝึกมองแง่บวก
การมองปัญหาหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่บวกจะช่วยให้ให้เกิดกำลังใจ อาจต้องใช้เวลา เช่น ฝึกมองและหมั่นสำรวจข้อดีของตัวเอง อย่ามองว่าตัวเองโง่ ไม่เก่งเหมือนคนอื่นๆ ให้ลองมองดูคนรอบข้างว่ายังมีคนที่ไม่เก่ง ไม่ฉลาดกว่าเราอีกหลายคน
3. เรียนรู้การให้อภัย
ยอมรับความจริงว่าไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบ รวมทั้งตัวเราด้วย เราเองก็เคยทำผิดพลาด ตัวเราก็มีข้อดีข้อเสีย การให้อภัยจะช่วยให้ผู้นั้นก้าวข้ามความโกรธ สามารถผ่อนคลายได้ และสามารถมีความสุขกับการทำงานได้ง่ายขึ้น
4. ดูแลรักษาสุขภาพ
ให้อยู่ในสภาพที่ดีก็มีส่วนช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาความเครียดได้ ดังนี้
https://www.manarom.com/blog/img/Adjustment_Disorder_detail3.jpg
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยลดความเครียดที่สะสมลงได้ ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที
• หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติด
เช่น เหล้า บุหรี่ กาแฟ ยาเสพติด เพราะถึงแม้จะช่วยลดความเครียดได้ แต่จะสร้างปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย
• นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับที่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเครียดได้ คนที่อดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอจะควบคุมตัวเองได้ไม่ดี มีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวได้ง่าย
• จัดเวลาส่วนตัว
ในแต่ละวันควรต้องจัดเวลาที่เป็นส่วนตัวเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเอง โดยไม่ให้กิจกรรมส่วนอื่นมากินเวลาส่วนนี้ไปได้ แต่ละคนอาจใช้เวลาส่วนตัวนี้ทำกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายหรือความเพลิดเพลินใจ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นดนตรี ทำสวน ดูแลสัตว์เลี้ยง งานศิลปะ หรืองานอดิเรกอื่นๆ เช่น การฝึกสมาธิ ฝึกโยคะ การนวดเพื่อการผ่อนคลาย เป็นต้น
• รับประทานอาหารมีประโยชน์
นอกจากอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเรื่องของสุขภาพและพลังงานแล้ว การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้เรามีสภาวะจิตใจที่แจ่มใส ร่าเริงได้
https://www.manarom.com/blog/img/Adjustment_Disorder_detail4.jpg
o วัยเด็ก เด็ก ความเครียดของเขาอาจเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจเป็นเรื่องของการเรียน การคบเพื่อน ดังนั้น เมนูอาหารที่มี “มะเขือเทศ” เป็นส่วนประกอบ เช่น สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ผัดเปรี้ยวหวาน จะช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและช่วยคลายเครียดได้ เพราะในมะเขือเทศ มี “กาบา” ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง ทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยให้สมองเกิดการผ่อนคลาย
o วัยรุ่น เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นมักเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ อาหารคลายเครียดสำหรับวัยรุ่น เช่น ช็อกโกแลต ซึ่งมีสารสำคัญ เช่น โดพามีน ซีโรโทนิน เอ็นดอร์ฟินเอมีน และกาเฟอีน ที่มีผลต่อภาวะอารมณ์ ช่วยให้อาการเครียดลดลง อารมณ์ร่าเริงแจ่มใสขึ้น แต่ควรเลือกกินประเภทดาร์กช็อกโกแลต เพราะหากกินช็อกโกแลต ที่มี ครีม น้ำตาล เป็นส่วนผสมเกินพอดี ก็ทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกินได้
o วัยทำงาน เป็นวัยที่ต้องเจอกับปัญหามากมาย จึงทำให้เกิดความเครียดได้บ่อย อาหารที่กินแล้วอารมณ์ดี คือ อาหารที่มี “แมกนีเซียม” สูง ได้แก่ ผักชนิดต่างๆ จะปรับอารมณ์ให้แจ่มใส และอาหารที่มีสาร “เซโรโทนิน” ซึ่งพบมากใน กล้วยหอม ข้าวโพดต้ม ก็ช่วยทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ผ่อนคลาย และสามารถต่อสู้กับความเครียดได้เป็นอย่างดี
o วัยสูงอายุ ความเครียดของผู้สูงอายุมักเกิดจากสภาวะร่างกายที่เสื่อมลง ความเหงาทำให้เซื่องซึม การดื่มเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น โสม กระชายดำ จะช่วยปรับสมดุลร่างกายได้ดี นอกจากนั้นโสมยังมีวิตามินบี 12 ช่วยบำรุงระบบประสาท รู้สึกผ่อนคลายความเครียด หรือการกินผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี มะนาว จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ร่างกายรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น
5. ฝึกทำอะไรให้ช้าลง เพราะปัจจุบันชีวิตประจำวันของเราเต็มไปด้วยความรีบเร่ง ทำให้เรื่องของสมาธิและสติในชีวิตประจำวันของเราจะน้อยไป คนที่มีสมาธิและสติที่ดีจะมีโอกาสรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ทำให้การควบคุมอารมณ์ทำได้ดีขึ้น การขาดสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็จะลดน้อยลง การใช้วิธีนับ 1 ถึง 10 หรือการออกจากสถานที่ที่ทำให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัวก็ยังเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยลดโอกาสเกิดการระเบิดอารมณ์ได้
https://www.manarom.com/blog/img/Adjustment_Disorder_detail5.jpg
6. ฝึกหายใจลดเครียด เริ่มจากการหาสถานที่สงบๆ ไม่รีบเร่งเรื่องเวลา อยู่ในท่าทางที่สบายๆ อาจนอนหรือนั่งพิงก็ได้ มีสติอยู่กับปัจจุบัน สังเกตลมหายใจเข้า-ออก พร้อมรับรู้ร่างกายของเรา จะลืมตาหรือหลับตาก็ได้ อย่าลืมสังเกตความเกร็งของกล้ามเนื้อ หากรับรู้��วามเกร็งก็ค่อยๆ คลายลง มือข้างหนึ่งวางบนหน้าอก มืออีกข้างหนึ่งวางบนท้อง ��ากนั้นเริ่มต้นหายใจเข้าช้าๆ นับ 1 2 3 แล้วหายใจออกช้าๆ นับ 1 2 3 โดยสังเกตว่าการหายใจที่ถูกต้อง คือ การหายใจเข้าท้องจะป่อง หายใจออกท้องจะแฟบ ทำไปเรื่อยๆ 3-5 นาที ฝึกบ่อยๆ เวลาที่เครียดหรือกังวล
7. Self-monitoring หรือการบันทึกอารมณ์ตนเอง เวลาเกิดอารมณ์ลบหรือมีเรื่องรบกวนจิตใจให้ลองจดบันทึกในสมุดเล็กๆ หรือในสมาร์ทโฟน
• เวลา
• เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
• อารมณ์ทีเกิดจากเหตุการณ์นี้ เช่น เศร้า โมโห กังวล
• มันรบกวนเราแค่ไหน 0-10 (0 คือ ไม่รบกวนเลย 10 คือ รบกวนมากที่สุดในชีวิต)
• สิ่งที่เราคิดตอนที่เราอยู่ในอารมณ์นี้
• สิ่งที่เราทําเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้
• อาการทางกายอื่นๆ ที่เราสังเกตได้ เช่น ใจเต้นรัว เหงื่อออกบนฝ่ามือ
เมื่อไหร่ควรไปพบจิตแพทย์
หากได้ลองฝึกฝนและปฏิบัติตามคำแนะนำในการจัดการความเครียดด้วยตนเองตามวิธีข้างต้นแล้ว แต่ยังรู้ส���กว่าความเครียดที่เกิดขึ้นนั้น ยังคงส่งผลกระทบรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ เช่น มีอารมณ์รุนแรงขึ้น เช่น เศร้า โกรธ กังวล ยังรู้สึกทุกข์จากเหตุการณ์บางอย่างและไม่สามารถเลิกคิดได้ ประสิทธิภาพในการทํางานลดลง ปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างลดลง หรือยังไม่อยากทํากิจกรรมที่ชอบ สามารถพบผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัด เพื่อขอรับคำปรึกษาและพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึก ความคิด ซึ่งช่วยให้ได้รับการดูแล บำบัด รักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องในการรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด
ขอบคุณข้อมูลจาก
• นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ • นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ • พญ.สิริพัชร เพิงใหญ่ จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ • กรมสุขภาพจิต • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
https://www.manarom.com/blog/Adjustment_Disorder.html
2 notes
·
View notes
Text
กินเยอะแต่ไม่อ้วน เสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง?
เรามาทำความเข้าใจให้ลึกกันมากขึ้นดีกว่าว่า โรคอะไรบ้างที่มักทำให้เรากินเยอะแต่ไม่อ้วน รวมทั้งการกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอะไรได้บ้างค่ะ
กินเยอะแต่ไม่อ้วนคุณอาจเป็นโรคร้ายบางอย่าง?
โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ สังเกตได้จากพฤติกรรมการกินว่ากินเท่าไรก็ไม่อ้วน แถมในบางรายยิ่งกินเยอะแต่น้ำหนักลดลง ร่วมด้วยอาการหัวใจเต้นเร็ว หงุดหงิดง่าย ประจำเดือนมาไม่ปกติ เมื่อพบอาการเหล่านี้ก็ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ เพราะต่อมไทรอยด์เริ่มมีการทำงานที่ผิดปกติ โดยการสร้างฮอร์โมนไทร็อกซินออกมามากกว่าปกติ ยิ่งมีการผลิตฮอร์โมนไทร็อกซินออกมามากเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานมากเท่านั้น โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนของปริมาณอาหารที่กินเข้าไปเลย
โรคโครห์น หรือ Crohn’s disease ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการกินเท่าไรก็ไม่อ้วน แถมด้วยอาการปวดท้อง ท้องเสียบ่อย ๆ และอุจจาระมีมูกหรือเลือดปะปนออก
โรคชีแฮน ซินโดรม หรือ Sheehan’s Syndrome ซึ่งโรคนี้มักเกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอด มีอาการตกเลือดอย่างรุนแรงระหว่างคลอดบุตร ทำให้เลือดไปเลี้ยงต่อมใต้สมองไม่เพียงพอ ทำให้มีผลกระทบต่อการหลั่งของฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าหากคุณแม่ท่านไหนมีอาการกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน อาจจะเกิดจากโรคนี้
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือ IBD หากกินเท่าไหร่ก็ยังไม่อ้วน แต่มีการขับถ่ายที่ผิดปกติ อาจจะต้องคำนึงถึงโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เพราะว่าผู้ป่วยโรคนี้มักมีภาวะน้ำหนักลดและอ้วนยากอีกด้วย
โรคเบาหวาน อย่างที่เรารู้กันดีว่าเป็นโรคนี้จะสามารถกิน��ด้เยอะแต่ไม่อ้วน เนื่องมาจากร่างกายของผู้ป่วยมีระดับอินซูลินในเลือดมาก ทำให้เข้าห้องน้ำบ่อยและส่งผลให้ไตทำงานหนัก ร่างกายเกิดกระบวนการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้นด้วย
แทงหวยออนไลน์
0 notes
Text
0 notes
Link
เร่เข้ามาจ้าเร่เข้ามา สาว ๆ คนไหนมีปัญหาประเดือนมาไม่ปกติ เช่นมามากเกินไป มากะปริดกระปอย มาขาด ๆ หาย ๆ หรือการปวดท้องประจำเดือน ปัญหาเลือดลมไหลเวียนไม่ดี ผิวพรรณไม่สดใสเปล่งปลั่ง เรามีเคล็ดลับความสวยจากคุณ จ๋าย จุฑาพร เจริญไชยวัฒนา Micro influence คนสวยมาแนะนำ แต่จะเป็นอะไรนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
เป็นไงบ้างคะ กับเคล็ดลับความสวยจากภายในสู่ภายนอกของคุณจ๋าย ซึ่งตัวคุณจ๋ายเอง ก็มีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนเหมือนสาว ๆ หลายคนเลยใช่ไหมคะ บางคนเป็นหนักถึงขั้นต้องพบแพทย์ แต่หลังจากที่คุณจ๋ายได้ลองดื่มว่านชักมดลูกจอมใจ จากห้างขายยาจอมทอง คุณจ๋ายยังเล่าให้ฟังอีกว่า “จ๋ายเป็นคนหนึ่งที่มีประจำเดือนแล้วมีอาการปวดท้องหนักมาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่สม่ำเสมอเรียกได้ว่าสอง-สามเดือนมาครั้ง พอเวลาประจำเดือนมาทีคือมันทรมานมาก จ๋ายลองทำมาหลายวิธีทั้งทานยาแก้ปวดประจำเดือน ใช้แผ่นแปะร้อน แต่ทุกวิธีก็ช่วยได้แค่ช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น แต่กินยาว่านชักมดลูกตัวนี้ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี แล้วยังบำรุงร่างกายอีกด้วยค่ะ
ซึ่งยาว่านชักมดลูกจอมใจมีสรรพคุณ - ช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุลร่างกาย - ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ - ลดปัญหาการปวดประจำเดือนไม่ปวดท้อง หรือปวดหลังได้อีกด้วย - แถมว่านชักมดลูกจอมใจ ยังช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สาวๆ เห็นไหมคะว่าเคล็ดลับความสวยจากภายในสู่ภายนอกของคุณจ๋ายไม่ยากเลย แถมยังปลอดภัยเพราะเป็นสมุนไพรทั้งนั้นหากคุณสาว ๆ ท่านใดสนใจอยากมีสุขภาพที่ดีเหมือนคุณจ๋าย สามารถสั่งซื้อยาว่านชักมดลูกจอมใจได้ตามช่องทางข้างล่างนี้ค่ะ
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติม inbox : http://m.me/chomthonglimitedpartnership Line : http://line.me/ti/p/%40ukt6956s (Line id : @cth123) Facebook : https://www.facebook.com/chomthonglimitedpartnership Web : http://www.chomthongherbs.com โทร : 02-9841812-3
0 notes
Photo
Helena ปรับสมดุลฮอร์โมน มดลูกกระชับเข้าอู่ ลดปัญหาตกขาว ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ • ยกกระชับทรวงอก • ฟิตกระชับช่องคลอด • แก้ปัญหาลมในช่องคลอด • ลดอาการตกขาว • ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส อย.13-1-07357-1-0001 ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ สมัครทำธุรกิจ คุณ (อ้อย) วิภารัก 0897605754 0944578889 LINE ID : Wiparuk #Helena #กระชับช่องคลอด #กระชับจุดซ่อนเร้น #ตกขาว #ปวดประจำเดือน #ประจำเดือนมาไม่ปกติ #กระชับทรวงอก #ลมในช่องคลอด #MLVProductLover #งานพื้นฐาน #MLV #kshoppingonline #Wiparuk #ทำงานที่บ้าน #งานผ่านเน็ต https://www.instagram.com/p/B2wH_q0ApQA/?igshid=ei87qbcmh43k
#helena#กระชับช่องคลอด#กระชับจุดซ่อนเร้น#ตกขาว#ปวดประจำเดือน#ประจำเดือนมาไม่ปกติ#กระชับทรวงอก#ลมในช่องคลอด#mlvproductlover#งานพื้นฐาน#mlv#kshoppingonline#wiparuk#ทำงานที่บ้าน#งานผ่านเน็ต
0 notes
Video
อาหารเสริมเทียร่า(Tiara) สำหรับปัญหามดเลูก ตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ คันและเป็นเชื้อราในช่องคลอด ผิวพรรณแห้งกร้าน หน้าอกเล็ก มีกลิ่นตัว https://shopee.co.th/Tiara(เทียร่า)-สำหรับปัญหามดเลูก-ตกขาว-ประจำเดือนไม่ปกติ-กลิ่นตัว-i.146292820.2496074093
0 notes
Link
ปัญหาอีกสิ่งหนึ่งที่สาวๆ หลายคนเคยเจอก็คือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางคนมาตรงบ้าง บางคนมาไม่ตรง คลาดเคลื่อนหรือมาก่อน 2-3 วันก็มี ลองมาเช็กดูกันหน่อยดีกว่าค่ะสาวๆ ว่า สาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ แบบนี้ เป็นเพราะอะไร ?
http://fifa55.city
0 notes
Photo
สาวๆๆ ดูแลสุขภาพน้องสาว ไม่ให้มีกลิ่น ฟิตกระชับ ลดสีคล้ำที่น้องสาว ด้วย สบู่รีแพร์ woman healthy เห็นผลแน่นอนค่ะ #เปิดรับตัวแทนทั่วประเทศ TEL : 094-9071393 ID LINE : 0949071393 Emill : [email protected] https://www.facebook.com/repairsoap1 http://www.womanrepair.com #สบู่รีแพร์ #สบู่หญ้ารีแพร์ #repairsoap #สบู่อนามัย #สบู่จุดซ่อนเร้น #สบู่กระชับช่องคลอด #น้องสาวมีกลิ่น #ตกขาว #คาวปลา #ประจำเดือนมาไม่ปกติ #ปวดท้องประจำเดือน #รากสามสิบ #สบายสาว #ว่าน500ผัว #ว่าน300ผัว #สบู่ฮายัง #สบู่บุ่มบิ๋ม #สบู่ไวท์ออร่า
#สบู่หญ้ารีแพร์#สบู่บุ่มบิ๋ม#ว่าน500ผัว#สบู่จุดซ่อนเร้น#ประจำเดือนมาไม่ปกติ#เปิดรับตัวแทนทั่วประเทศ#สบู่รีแพร์#สบู่กระชับช่องคลอด#ตกขาว#น้องสาวมีกลิ่น#สบู่ฮายัง#ปวดท้องประจำเดือน#สบู่ไวท์ออร่า#ว่าน300ผัว#รากสามสิบ#คาวปลา#repairsoap#สบายสาว#สบู่อนามัย
0 notes
Text
เลือดล้างหน้าเด็ก สัญญาณเตือนในการตั้งครรภ์
มีหลายๆคนที่อาจจะสงสัยว่าเลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร เกี่ยวอะไรกับการตั้งครรภ์ แนะนำเพื่อน igoal ซึ่งเลือดล้างหน้าเด็ก คืออาการที่มีเลือดออกมาจากช่องคลอดแบบกระปริบกระปรอยแต่ไม่ใช่ประจำเดือนเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ส่วนใหญ่แล้วมักจะ���กิดขึ้น 10-14 วัน หลังจากการปฏิสนธิ ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือน โดยอาการเลือดล้างหน้าเด็กเกิดมาจากการที่ไข่ซึ่งผ่านการผสมกับสเปิร์มแล้ว เคลื่อนไปยึดเกาะฝังตัวที่ผนังมดลูกทำให้มีเลือดออกมาทางช่องคลอด โดยเลือดที่ออกมาจะมีลักษณะแตกต่างจากประจำเดือนปกติคือจะมีลักษณะเป็นสีชมพูออกมาในปริมาณเพียงเล็กน้อยหรืออาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อาการเลือดล้างหน้าเด็กอาจไม่เกิดกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ทุกคนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคนอาจไม่เคยมีอาการเลือดล้างหน้าเด็ก
เลือดล้างหน้าเด็ก อันตรายไหม ?
เลือดล้างหน้าเด็ก ติดต่อทีมงาน igoal เป็นอาการที่ไม่อันตรายและมีอาการเพียง 1-2 วันเท่านั้น แต่หากมีเลือดออกติดต่อกันเกินกว่า 2 วัน และมีปริมาณกับสีของเลือดผิดปกติ คือเลือดออกมากหรือเลือดเป็นลิ่ม สีของเลือดมีสีแดงสดแทนที่จะเป็นสีชมพูหรือสีน้ำตาลก็ควรปรึกษาแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในมดลูกหรือเป็นอาการที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ อาทิ การแท้งหรือการตั้งครรรภ์นอกมดลูก เป็นต้น
เลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือน แตกต่างกันอย่างไร ?
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างประจำเดือนกับเลือดล้างหน้าเด็กก็คือปริมาณเลือดที่ออกมาจากช่องคลอด และระยะเวลาที่เป็น เลือดล้างหน้าเด็กจะมีปริมาณเลือดออกมาเพียงเล็กน้อยในลักษณะกระปริบกระปรอย โดยกินเวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น มักมีสีแดงจางกว่า อาจมีการปวดท้องประจำเดือนแต่รุนแรงน้อยกว่า ในขณะที่ประจำเดือนที่ปกติจะมีปริมาณเลือดออกมามากกว่า และระยะเวลาในการเป็นจะกินเวลาไม่เกิน 7 วัน
ปัจจัยอื่นที่ทำให้เลือดออกจากช่องคลอด
1. การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือการใช้สิ่งแปลกปลอมสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศขณะที่เพศสัมพันธ์ก็อาจทำให้ภายในช่องคลอดเกิดการฉีกขาดจนทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ แต่ถ้าหากเป็นสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงจนทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น และการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้เช่นกัน
2. การคุมก��เนิด การรับประทานยาคุมกำเนิด หรือการใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย สามารถทำให้เลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้ด้วย
3. การติดเชื้อหรือการอักเสบของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดได้ โดยเฉพาะโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิส หนองใน หรือกามโรคอื่น ๆ
4. การทำงานที่ผิดปกติของมดลูกและโรคทางระบบสืบพันธ์ อาทิเช่น โรคกลุ่มอาการรังไข่ที่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS) ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือรอบเดือนมีความผิดปกติ ก็อาจพบเลือดออกจากช่องคลอดได้
5. การตั้งครรภ์นอกมดลูก ถือเป็นความผิดปกติที่ค่อนข้างอันตรายทั้งกับแม่และเด็ก ซึ่งภาวะนี้จะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและมีเลือดออกมามากผิดปกติ ถ้าหากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้
6. การแท้ง อาการเลือดออกและปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณอันตรายของภาวะแท้งที่ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ทุกคนควรระมัดระวัง และหากเกิดอาการขึ้นควรรีบพบแพทย์ในทันที
0 notes
Text
0 notes
Text
0 notes
Photo
HELENA สำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน มดลูกกระชับเข้าอู่ ลดปัญหาตกขาว ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ • ยกกระชับทรวงอก • ฟิตกระชับช่องคลอด • แก้ปัญหาลมในช่องคลอด • ลดอาการตกขาว • ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส อย.13-1-07357-1-0001 ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ สมัครทำธุรกิจ คุณ (อ้อย) วิภารัก 0897605754 0944578889 LINE ID : Wiparuk #Helena #กระชับช่องคลอด #กระชับจุดซ่อนเร้น #ตกขาว #ปวดประจำเดือน #ประจำเดือนมาไม่ปกติ #กระชับทรวงอก #ลมในช่องคลอด #MLVProductLover #งานพื้นฐาน #MLV #kshoppingonline #Wiparuk #ทำงานที่บ้าน #งานผ่านเนต https://www.instagram.com/p/B2wHw9gg3QP/?igshid=1ew5djr3awn5r
#helena#กระชับช่องคลอด#กระชับจุดซ่อนเร้น#ตกขาว#ปวดประจำเดือน#ประจำเดือนมาไม่ปกติ#กระชับทรวงอก#ลมในช่องคลอด#mlvproductlover#งานพื้นฐาน#mlv#kshoppingonline#wiparuk#ทำงานที่บ้าน#งานผ่านเนต
0 notes
Text
0 notes
Text
0 notes
Text
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อะโทมี่ เฮโมฮิม
เลือดไม่ดี ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดท้อง ปวดหลังทานแล้วรู้สึกดีขึ้นจริงๆค่ะ#BHRTeamNo3020210827
Tumblr
0 notes