#นิสสันลีฟ
Explore tagged Tumblr posts
Text
7 สิ่งที่ทำให้คุณต้องหันมาสนใจ 'นิสสัน ลีฟ'
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ นิสสัน ลีฟ ใหม่ กันแบบ One Day Trip โดยงานนี้ Thereporter.asia ได้ร่วมเข้าทดสอบด้วย การขับขี่ครั้งนี้ได้ทดลองในสภาพการจราจรที่แตกต่างกันครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตลอดทั้งวัน ด้วยการชาร์จไฟเต็มเพียงครั้งเดียว ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ก็ทำให้เราคลายความสงสัยไปได้หลายสิ่งเลยทีเดียว และมี 7 สิ่งที่ทำให้คนที่เคยมองว่ารถไฟฟ้าไม่เหมาะสมกับเมืองไทย ต้องคิดใหม่ได้เลย 1.พลังเครื่องยนต์แรงระดับน้องๆ รถสปอร์ต แว๊บแรกที่เห็นหน้าตาของรถบอกเลยว่าการออกแบบทำได้แปลกตาและล้ำยุค ด้านหน้าเป็นแนวเดียวกับการดีไซน์รถยุคใหม่ของนิสสัน ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจา�� 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 311 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) "การขับขี่ในครั้งนี้ต้องบอกเลยว่า ด้วยความที่ไม่มีอัตราทดเกียร์เข้ามาวุ่นวายให้รำคาญใจ การเร่งจึงเป็นไปแบบค่อยๆ ขึ้นแต่มาเร็วมาก และสามารถกดคันเร่งเพื่อเรียกกำลังได้ดังที่ใจต้องการ อารมณ์จะไม่เหมือนกับการขับรถทั่วไป ไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ให้รู้สึก แต่จะเหมือนกับการขับยานอวกาศที่เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ส่วนในช่วงเร่งแซงในช่วงต่างๆ ก็ทำได้แบบมาเร็วไปเร็วเหมือนหนังการ์ตูน จนอาจจะทำให้รถยนต์ยุคก่อนที่ยังใช้เบนซินหรือดีเซลหรือแม้แต่ไฮบริดต้องมองค้อน" 2.ซิ่งได้ โหดได้ ขับได้ไม่ต่างจากรถยนต์ทั่วไป หลายคนที่กลัวว่าถ้าเป็นรถไฟฟ้าแล้ว การควบคุมรถจะเป็นอย่างไร ต้องขับแบบนิ่มๆ หรือเปล่า การลัดเลาะไปตามถนนต่างๆ จะเหมือนรถยนต์แบบเดิมหรือไม่ ต้องตอบตรงนี้เลยว่า ทำได้!! เพราะในการทดสอบครั้งนี้นิสสันได้จัดสนามทดสอบให้เราได้ทดลองในรูปแบบ Gymkhana โดยทำสนามทดสอบประหนึ่งเป็นสนามแข่งของรถสปอร์ต มีเส้นทางให้ขับแบบคดเคี้ยวไปมา การขับเร็ว โดยให้แข่งขันกับผู้สื่อข่าวสำนักอื่นๆ ด้วยการใช้เวลาที่ดีที่สุด ซึ่งถ้ารถไม่ดีจริง นิสสันคงไม่จัดให้ขับแบบนี้แน่ๆ "เห็นรูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็ยังสงสัยว่าจะสามารถวิ่งตามที่กำหนดได้เหรอ แต่พอลองอยู่หลังพวงมาลัยที่มีผู้สอนนั่งประกบไปด้วยก็พบว่า ด้านการขับขี่ การเข้าโค้งแบบค่อนข้างเร็วทำได้เป็นอย่างดี ด้วยอัตราเร่งที่มาเร็ว พวงมาลัยที่เซ็ตมาดี และช่วงล่างที่ค่อนข้างเฟิร์ม ทำให้เราสามารถควบคุมรถไปตามโค้งที่กำหนดได้แบบไม่ต่างจากการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ทั่วไปเลย (ซึ่งจริงๆ ก็มีไม่กี่ยี่ห้อที่กล้าให้ทดสอบแบบนี้) ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าถ้าการขับขี่จริงแล้วมีใครขับมาจี้ท้าย เราจะสามารถหนีไปได้แบบคันหลังต้องตะลึงอย่างแน่นอน"
3.e-Pedal เทคโนโลยีสุดล้ำ แค่คันเร่งอันเดียวสบายตลอดการเดินทาง เทคโนโลยี e-Pedal ในนิสสัน ลีฟ เปลี่ยนวิธีการขับขี่ด้วยการเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว และหยุดรถด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยเมื่อปล่อยคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่งได้โดยสมบูรณ์ แม้ว่าจะจอดรถค้างบนเนิน ก็ไม่จำเป็นต้องเหยียบแป้นเบรก ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึงกว่า 0.2G ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องขยับเท้าออกจากคันเร่งไปยังแป้นเบรกเพื่อชะลอหรือหยุด ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหนื่อยล้า และความเครียดจากการขับขี่ในแต่ละวัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้แป้นเบรกน้อยกว่าการขับขี่รถยนต์ทั่วไปถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญคือเมื่อเรายกเท้าออกจากคันเร่งแล้วรถชะลอ ไฟเบรคก็จะติดแม้จะได้แตะเบรค ดังนั้นไม่ต้องพะวงว่าคันหลังจะไม่รู้ว่าเราชะลอ "การขับขี่ในช่วงแรกๆ อาจจะยังงงๆ อยู่บ้างเพราะการขับรถเกียร์ออโตเมติกแบบปกติ เราจะต้องใช้เบรคเข้าช่วย แต่ด้วยระบบดังกล่าวนี้เราจะมีความสบายขึ้นมาก และใช้เวลาเรียนรู้เพียงไม่นานนักก็จะชินและกลายเป็นเรื่องสนุกสนานในการเดินทางไปเลย จนบางทีก็คิดไปว่านี่กำลังขับรถจริงหรือรถปลอมกันแน่ แต่ต้องเตือนกันว่าเทคโนโลยี e-Pedal ไม่เหมาะกับสายมุด สายจี้ท้ายชาวบ้าน เพราะเมื่อเวลาเบรคแล้วอาจจะหน่วงและไม่มั่นใจไปบ้าง ดังนั้นถ้าอยากซิ่งแบบเอามันต้องปลดระบบนี้" 4.ออปชันจัดเต็ม เพียบพร้อมด้านความปลอดภัย ก��รออกแบบภายในก็ตามสไตล์ของนิสสัน มีความทันสมัย เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าใช้เวลาไม่นานก็เข้าที เบาะผู้โดยสารด้านหน้าชันขึ้นรับต้นขาก็ทำให้การวางขาสบาย ไม่ต้องเกร็งตัวเหมือนการออกแบบให้เบาะลาดต่ำลงไปด้านหน้าเหมือนรถยนต์หลายรุ่น พื้นที่ด้านหลังก็นับว่าสะดวกสบายได้กำลังดี ส่วนเทคโนโลยีด้านความบันเทิงก็มีมาให้แบบพอใช้ ถ้าจอหน้าใหญ่กว่านี้หรือเด่นกว่านี้หน่อยจะดี���ึ้นมาก แม้สเปคทั่วไปของรถจะดูเหมือนว่ารถไฟฟ้าคันนี้ ไม่ได้มีอะไ��เยอะแยะ เพราะมีแค่แบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนเป็นหลัก แต่ภายใต้ความสะอาดไร้มลพิษนี้ขนเทคโนโลยียุคใหม่มาให้แบบไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว อย่างเช่น เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA) 5.รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ถ้ามีปัญหาก็เปลี่ยนใหม่ใม่ไม่ต้องจ่ายเอง หยุดวิตกกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เพราะลูกค้าผู้เป็นเจ้าของ นิสสัน ลีฟ จะได้รับการประกันคุณภาพรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมการรับประกันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร โดยในปัจจุบันมีศูนย์บริการของผู้จำหน่ายฯ ของนิสสัน ที่ผ่านการรับรองจำนวน 32 แห่งทั่วประเทศที่สามารถนำเสนอข้อมูลของนิสสัน ลีฟ ใหม่ รวมถึงความพร้อมบริการหลังการขาย โดยช่างเทคนิคที่มีความชำนาญการ สำหรับคนที่กลัวว่าถ้าแบตเตอรี่มีปัญหาจะต้องยกทั้งแผงไปเปลี่ยนเหมือนแบตที่ใช้อยู่หน้ารถหรือเปล่า ต้องตอบเลยว่า "เปล่า" เพราะแบตเตอรี่ที่ใช้ขับเคลื่อนนี้แบ่งเป็น 24 โมดูลในก้อนเดียว ถ้าโมดูลใดเสียก็เปลี่ยนเฉพาะโมดูลนั้นๆ ไม่ต้องยกเปลี่ยนทั้งก้อนแต่อย่างใด และหากขับไปครบ 8 ปี ยังอยากจะขับต่อ การเปลี่ยนก็คงไม่ใช่ปัญหา เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแบตเตอรี่น่าจะมีราคาที่ถูกลงมากแล้ว
6.เงียบ จนอาจจะทำให้รำคาญเสียงจากรถคันที่อยู่ด้านนอก การไม่มีเครื่องยนต์ให้มีเสียงรบกวนให้รำคาญใจ ทำให้ห้องโดยสารของนิสสันลีฟคันนี้เงียบได้สมใจ อยากจะพูดคุยกันแบบโรแมนติกก็จะทำได้ไม่อยาก หรือจะสุนทรีย์กับการฟังเพลงก็ทำได้อย่างบันเทิง อาจจะมีบ้างที่เป็นเสียงรบกวนของรถที่อยู่ด้านนอก อย่างเช่นเสียงแว๊นซ์หรือเสียงรถยนต์เครื่องดีเซลโบราณที่พอแทรกเข้ามาได้บ้าง ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องยกให้กับการออกแบบในส่วนต่างๆ อาทิ การออกแบบใต้ท้องรถและกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้รถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น การออกแบบตัวถังตามหลักแอโรไดนามิกส์ รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้งและการออกแบบล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น นอกจากนี้ยังแถมด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแกร่งของโครงสร้างอินเวอร์เตอร์ (inverter) และการป้องกันเสียงรบกวนบนโมดูลส่งต่อพลังงาน (PDM) รวมถึงการลดเสียงรบกวนจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าจะส่งแรงบิดและมีกำลังมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 7.บอกลาการเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะบ่อยๆ ไม่ต้องแปลกใจถ้าการขับนิสสันลีฟออกจากโชว์รูมแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเข้าตรวจเช็คระยะบ่อยๆ แบบรถยนต์ทั่วไป เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใช้เพียงมอเตอร์ในการขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์สันดาบภายในที่มีชิ้นส่วนมากมาย ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือของเหลวอื่นๆ เหมือนที่รถที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดิมต้องเปลี่ยนทุกระยะ จึงช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะเช้าศูนย์ครั้งแรกหลังจากใช้งานไปแล้ว 3-4 ปี เพื่อเปลี่ยนกรองอากาศของแอร์ เป็นต้น ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมมากมายในภายหลังได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้หากเป็นการใช้งานในเมืองแบบปกติ หรือขับไปปริมณฑลใกล้ๆ อย่างทริปที่ให้เราทดสอบในครั้ง���ี้ที่มีเส้นทางการทดสอบทั้งหมดรวมกว่า 140 กิโลเมตร ก็จะไม่จำเป็นต้องแวะไปชาร์จพลังงานที่ไหนเลย เพราะสามารถใช้งานได้อย่างเพียงพอ แม้รถจะติดในหลายชั่วโมงใรกรุงเทพก็ไม่ต้องกลัวว่าพลังงานจะหมด เพราะเมื่อรถติดนั้นเครื่องยนต์แทบจะไม่กินพลังงานอะไร นอกจากเปลืองไปกับแอร์เท่านั้น ไม่เผาผลาญน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์เหมือนรถสันดาบภายใน ที่สำคัญยังมีระบบที่จะช่วยปั่นไฟคืนมาเวลาชะลอรถอีกด้วย.. วันไหนมีโอกาสได้ยืมไปไกลๆ จะมาทดสอบแบบออกต่างจังหวัดเพื่อเที่ยวแบบจริงจัง เพื่อที่จะให้รู้กันว่า นิสสัน ลีฟ เหมาะสมที่จะเป็นรถที่ครอบคลุมทุกความต้องการ แบบที่คนไทยคาดหวังมากน้อยแค่ไหน ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย Read the full article
0 notes
Text
นิสสัน ชวนทดลองขับลีฟในงานฟาสต์ออโตโชว์ 2019
นิสสัน เชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ เรียนรู้เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการใช้งานที่ถูกต้อง รวมถึงสัมผัสกับอนาคตของการเคลื่อนที่จากนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกได้ที่บูธของนิสสัน ในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2019 โดยงานจัดขึ้น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ระหว่างวันที่ 26 ถึง 30 มิถุนายนนี้ ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับนิสสัน ลีฟ ใหม่ จากบริการรับส่งผู้ร่วมงาน จากอาคารจัดงานในไบเทคไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและสำหรับประสบการณ์การขับขี่แบบเจาะลึก และผู้เข้าชมงานสามารถทดลองขับนิสสัน ลีฟ ใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพื่อสามารถสัมผัสถึงสมรรถนะจากรถยนต์รุ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของนิสสันอินเทลลิเจนท์โมบิลิตี นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานสามารถเยี่ยมชมโซนกิจกรรม 'LEAF Education' ได้ที่บูธ EH105-106 โดยสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันเกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอนาคตของการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับขี่ของประเทศไทย ซึ่งในโซนการเรียนรู้นี้จะจัดแสดงเทคโนโลยีขั้นสูงมากมายที่มีในนิสสัน ลีฟ ใหม่ อาทิ เทคโนโลยี e-PEDAL ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้คันเร่งเดียวในการเร่งหรือลดความเร็ว รวมถึงเบรครถยนต์จากเครื่องจำลองระบบการขับขี่ e-PEDAL ให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัส นอกจากนี้ผู้เข้าชมบูธนิสสัน สามารถร่วมประสบการณ์ขับขี่จาก แกรน ทัวริสโม เรซซิ่ง พอร์�� (Gran Turismo Racing Pod – GT Pod) เพื่อสัมผัสกับความตื่นเต้นเสมือนการขับขี่จีที-อาร์ รถซุปเปอร์ สปอร์ต ในขณะเดียวกันผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ สามารถชมรถยนต์นิสสันหลากหลายรุ่นที่สร้างตื่นเต้นได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ จีที-อาร์ รถซูเปอร์ สปอร์ต นิสสัน เอ็กซ์เทรล รถเอสยูวีอัจฉริยะ รูปทรงสปอร์ต รวมถึง เทอร์ร่า ใหม่ รถอเนกประสงค์อัจฉริยะแบบตัวถังบนแชสซี โดยลูกค้าสามารถจองทดลองขับรถยนต์นิสสันได้ภายในงาน ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย Read the full article
0 notes
Text
นิสสันจับมือกฟภ.สร้างสถานีชาร์จลีฟในบ้านให้ลูกค้าต่างจังหวัด
นิสสันเดินหน้าสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง ล่าสุดได้ทำการจับมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เตรียมความพร้อมรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าระดับครัวเรือน เพื่อตอบสนองลูกค้า นิสสัน ลีฟ ใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งในระยะแรกมีประมาณ 20% ของลูกค้าทั้งหมดที่ซื้อนิสสันลีฟ โดยบริษัทในเครือของกฟภ.จะเป็นผู้เดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟ และได้ทำการพัฒนา PEA VOLTA Platform เพื่อรองรับโครงข่ายการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันในการเตรียมความพร้อมรองรับการชาร์จพลังงานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภาคครัวเรือน เพื่อทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงคู่มือการใช้งานและบริการสำหรับระบบอัดประจุไฟฟ้า การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค รวมถึงจุดบริการอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะ สมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า ความร่วมมือดัวกล่าวนี้ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทในเครือของกฟภ. จะเป็นผู้เดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ตู้แผงสวิตซ์ถึงเต้ารับอุตสาหกรรมสำหรับลูกค้านิสสัน นอกจากนี้กฟภ.ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิตอลมาบูรณาการเพื่อให้เกิดประโยชน���สูงสุด ด้วยการพัฒนา PEA VOLTA Platform เพื่อรองรับโครงข่ายการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย "กฟภ.มั่นใจว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ดังนั้นจึงได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทในการสนับสนุนการติดตั้งสถานีชาร์จ ให้มีความครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งฝึกอบรมพนักงานของเราให้มีทักษะและประสบการณ์ เพื่อสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์และระบบการชาร์จรถไฟฟ้าด้วยไฟบ้านได้อย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนในการเตรียมความพร้อมของระบบพลังงาน เพื่อเดินหน้าส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยอย่างเต็มที่" ด้านราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือกับกฟภ. ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการสร้างความร่วมมือระหว่างนิสสัน ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เพื่อสนับสนุนแผนงานด้านยานยนต์ไฟฟ้าของเมืองไทย โดยลูกค้านิสสัน ลีฟ กว่าร้อยละ 20 เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ อย่าง กฟภ. ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและความปลอดภัย นิสสันได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ผู้กำหนดนโยบายและผู้จำหน่าย เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ผู้บริโภค อีกทั้งยังเร่งดำเนินการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและสร้างระบบนิเวศที่ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งบันทึกข้อตกลงร่วมกับกฟภ.ครั้งนี้ เป็นการต่อยอดกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ซึ่งนิสสันได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อดำเนินการเตรียมโซลูชันรองรับการชาร์จในที่พักอาศัยสำหรับลูกค้านิสสัน ลีฟ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี พ.ศ. 2561 และเมื่อเดือนที่ผ่านมา นิสสัน ประกาศแต่งตั้งบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการหลักเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ สำหรับลูกค้านิสสัน ลีฟ ในเมืองไทย ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด Read the full article
0 notes
Text
นิสสันส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 'ลีฟ' ให้กับลูกค้ารายแรกในไทย
นิสสันส่งมอบลีฟใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ให้แก่จงเจตน์ บูรณไมตรี นักธุรกิจหนุ่ม ผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่จากจังหวัดขอนแก่น ซึ่งนับเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน ลีฟ ใหม่ รายแรกของประเทศไทย โดยลูกค้านิสสัน ลีฟ ในปัจจุบันจำนวนกว่าร้อยละ 20 เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ เชื่อมั่นในศักยภาพและประโยชน์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนความสะดวกสบายในการชาร์จในที่พักอาศัย นิสสันเคเคที ขอนแก่น หนึ่งในผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน ลีฟในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ส่งมอบรถให้แก่ จงเจตน์ วิศวกรจากรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ตั้งใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้คุณพ่อซึ่งประทับใจในการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ลีฟ เจนเนอเรชั่นแรก เมื่อครั้งเดินทางในต่างประเทศ ซึ่ง นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระยะการขับขี่มากกว่า 311 กิโลเมตร และมีประสิทธิภาพต่อการชาร์จในแต่ละครั้งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 60% ส่งผลให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยที่มากขึ้น ระยะทางที่ไกลขึ้น และการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น จงเจตน์ บูรณไมตรี ผู้จัดการห้างหุ้นส่วน ขอนแก่นธีระเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การได้เป็นเจ้าของนิสสัน ลีฟ รายแรกในประเทศไทยนับเป็นประสบการณ์ใหม่และน่าตื่นเต้นสำหรับครอบครัวเรา หลังจากที่ได้ขับมาหลายสัปดาห์ ผมประทับใจกับระยะในการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของนิสสัน ลีฟ เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเดินทางในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลย และในฐานะที่ครอบครัวเคยเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดมาก่อน การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม “ปกติเราเดินทางแค่ในเมือง การชาร์จข้ามคืนที่บ้านจึงสะดวกสบายมาก ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเราต้องขับขี่ระยะทางไกลมากขึ้น เราก็อุ่นใจว่าสามารถแวะชาร์จได้จากสถานีชาร์จสาธารณะ หรือชาร์จแบบเร็ว หรือ quick chargeได้ที่โชว์รูมที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายนิสสัน ลีฟ” ราเมช นาราสิมัน ประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ลูกค้านิสสันลีฟถึง 1 ใน 5 ของเรา มาจากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดนอกหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศ ที่เห็นถึงประโยชน์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของนิสสัน ในการขับเคลื่อนยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เช่นเดียวกับลูกค้านิสสัน ลีฟ อีกนับ 400,000 รายทั่วโลก ทั้งนี้นิสสันได้มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศน์ของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และเดินหน้าประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการสนับสนุนเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด โดยในเดือนพฤษภาคม นิสสัน ประกาศแต่งตั้ง���ริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการหลักเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ และปีที่ผ่านมา นิสสันได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าทั้งที่บ้านและที่ทำงานให้แก่ลูกค้าของนิสสัน “ปัจจุบันนิสสัน ประเทศไทย มีโชว์รูมที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายนิสสัน ลีฟ อย่างเป็นทางการ 32 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีทั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบเร็วกระแสตรงและแบบธรรมดากระแสสลับ ไว้สำหรับรองรับบริการ โดยนิสสัน ลีฟ ใหม่ สีขาว เพิร์ล ไวท์ ซูเปอร์ แบล็ค ทูโทน ราคาเริ่มต้นที่ 1,990,000 บาท พร้อมรับประกันรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ประกันระบบไฟฟ้ารถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร" ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง นิสสัน ประเทศไทย Read the full article
0 notes
Text
นิสสันลีฟ คว้า Canadian Green Car of the Year
นิสสันลีฟ คว้ารางวัลรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแคนาดาประจำปี 2019 (Canadian Green Car of the Year - CGCOTY) สะท้อนราคาที่เหมาะสมต่อเทคโนโลยีขั้นสูง และความคุ้มค่าของอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆเพื่อชาวแคนนาดาโดยเฉพาะ จอนนี เปียวา ประธานนิสสัน แคนาดา กล่าวว่า นิสสันลีฟ ได้รับรางวัลรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแคนาดาประจำปี 2019 (Canadian Green Car of the Year - CGCOTY) จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์ของแคนาดาหรือ AJAC ในงานแสดงยานยนต์นานาชาติแวนคูเวอร์ การได้รับรางวัลดังกล่าว เนื่องจาก นิสสันลีฟ ใหม่มีราคาที่เหมาะสม มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆสำหรับแคนาดาโดยเฉพาะ ซึ่งรางวัลนี้ได้เพิ่มเข้ามาในรายการของรางวัลใหม่ ซึ่งรวมถึง นิสสัน ลีฟ ใหม่ และรางวัล 2018 World Green Car of the Year ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2019 "การประเมินเป็นเฉพาะในหมวดรถยนต์สีเขียวนี้ ได้แยกยานพาหนะแบบดั้งเดิมออกจากรถที่ที่มีระบบการขับที่ล้ำสมัย เพื่อสร้างสรรค์อุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนิสสัน ลีฟ รุ่นที่สองได้รับการพัฒนาใหม่มีระยะการขับขี่ 243 กิโลเมตร ภายใต้มาตรฐานการทดสอบ NRCan range ได้รับการออกแบบภายนอกใหม่ รวมถึงภายในที่กว้างขวางมาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงอาทิ ProPILOT Assist และ e-Pedal และล่าสุดนิสสันได้แนะนำ ลีฟ พลัสซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่มีระบบส่งกำลังแบบใหม่มีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ถึง 363 กิโลเมตร เตรียมเริ่มจำหน่ายในแคนาดาในฤดูใบไม้ผลินี้" รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแคนาดาประจำปีจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนด มาตรฐาน และคุณสมบัติการเข้าสู่ผู้ที่ถูกเสนอชื่อรางวัลรถยนต์แห่งปี และยังต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่เพิ่มเติมขึ้นมา สำหรับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงตามขนาดของรุ่น ระบบส่งกำลัง และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ที่ถูกเสนอชื่อนั้นๆ ซึ่งทั้งหมดจะถูกทดสอบโดยนักข่าวจากสมาคมฯ AJAC ที่มีมากกว่า 65 คนทั่วประเทศแคนาดา สำหรับการประเมินผลจะเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนบนสภาพพื้นผิวถนนและสภาพถนนที่แตกต่างกันตลอดทั้งปีและในช่วงกิจกรรมการทดสอบประจำฤดูใบไม้ร่วงของ AJAC ปัจจุบันนิสสันลีฟกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในประวัติศาสตร์ที่มียอดขายมากกว่า 400,000 คันทั่วโลก ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง นิสสัน ประเทศไทย Read the full article
0 notes
Text
มอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 35 จุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มแล้ว
การเปิดตัว นิสสัน ลีฟ ใหม่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในเมืองไทยในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 35 ที่ผ่านมา นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของยานยนต์ยุคใหม่ที่คนไทยจะมีโอกาสได้สัมผัส ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีผู้ผลิตหลายรายนำเสนอรถยนต์ในรูปแบบเดียวกันนี้ เข้ามาจำหน่ายก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ยังต้องรอเวลาเพื่อสร้างความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์กันอีกสักระยะ รวมไปถึงความเชื่อมั่นและบริการหลังการขายก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าใดนัก การตั้งราคาของ นิสสัน ลีฟ แม้จะทำให้แฟนที่รอคอยต้องตาค้างกับค่าตัวที่ค่อนข้างสูง จนลืมคิดไปว่าเป็นรถยนต์ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น 100% ��่อมต้องเสียภาษีนำเข้าแพง แถมยังการันตีว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก และเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว การเปิดตัวครั้งนี้นิสสันเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบไฟฟ้ารถยนต์เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร
ปัจจุบันมีศูนย์บริการที่ผ่านการรับรอง 33 แห่งทั่วประเทศที่พร้อมนำเสนอข้อมูลของนิสสัน ลีฟ ใหม่ รวมถึงพนักงานที่มีทักษะและการบริการหลังการขาย โดยก่อนการเปิดตัวนิสสันลีฟ ทางนิสสันได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวงแห่งประเทศไทยไปแล้ว เพื่อทำให้เจ้าของลีฟชาวไทยสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนน โดยใช้ระบบการชำระค่าไฟฟ้าวิธีคิดใหม่เกี่ยวกับการเดินทาง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เช่นเดียวกับค่าย ฟอมม์ เอเซีย ที่ได้ทำการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกระทัดรัดภายใต้แบรนด์ “FOMM” ไปก่อนหน้านี้ และในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ได้จัดแคมเปญ เพื่อเป็นการเชิญชวนลูกค้าผู้ที่สนใจจะใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับในเมือง ให้ตัดสินใจทดลองใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการลดราคาพิเศษ 64,100 บาท จาก 664,000 บาท เหลือเพียงราคา 599,900 บาท สำหรับผู้จองซื้อรถ FOMM One ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ รวมไปถึงยังได้มีนโยบายเปิดรับ Next Gen Dealer รถ FOMM โดยมีเป้าหมายจะเพิ่ม Dealer ในกรุงเทพมหานครและอีก 8 จังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังได้จับมือกับกรุงศรีออโต้จัดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.90% และระยะเวลาการผ่อนสูงสุดนานถึง 72 เดือน ให้แก่ลูกค้าที่จองรถในงาน โดยคาดว่ารถคันแรก สามารถเริ่มส่งมอบได้ภายในไตรมาสแรกของต้นปีหน้า FOMM One เป็นรถนั่งบุคคลขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า 100% ออกแบบโดยทีมงานวิศวกรชาวญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น ลงทุนเปิดสายการผลิตรถรุ่นแรกในประเทศไทยด้วยเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในประเภทการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่เรียกว่า “Micro-Fab” คิดค้นโดยวิศวกร FOMM เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ในการผลิตรถยนต์ รถกระทัดรัดคันนี้มี 4 ที่นั่ง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยี่รุ่นใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่นคือ In-Wheel Motor ทำให้การสูญเสียพลังงานของมอเตอร์น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับมอเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน
จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองเพียง 30 สตางค์ต่อกิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟฟ้าจากระบบภายในบ้านเพียง 6 ชั่วโมง (0-100%) คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียง 36 บาท แต่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร (WLTC) มาดูทางฝั่งรถหรูกันบ้าง ล่าสุด บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แนะนำรถยนต์แลนด์โรเวอร์ 3 รุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเริ่มจาก Land Rover Discovery Sport รถ SUV ขนาดกลางระดับพรีเมียม และที่น่าจับตาคือ 2 รุ่นใหม่กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ Plug-In Hybrid ตัวแรกจากแลนด์โรเวอร์ กับ Range Rover Sport Plug-in Hybrid และ Range Rover Plug-in Hybrid การนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของแบรนด์นี้ ที่เริ่มกระโดดเข้าสู่วางการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการนำเสนอเพิ่มเติมอีก โดยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษเมื่อขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุด 51 กิโลเมตร นอกจากนี้ อินช์เคป ยังจับมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ EA Anywhere สถานีอัดประจุไฟฟ้าจะให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ให้แก่ลูกค้าแลนด์โรเวอร์ที่บ้านพักอาศัย หรืออาคารสำนักงานของลูกค้าที่ต้องการติดตั้ง รวมถึงให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าในลานจอดรถห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานีบริการน้ำมัน และในสถานที่ต่างๆ โดยมีเป้าหมายการเตรียมสร้างสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,000 แห่งทุกๆ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถแลนด์โรเวอร์ได้มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถหาสถานีได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
ด้านบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย หลังจากมีการนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดได้ประกาศเริ่มต้นการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย ทั้งในส่วนของการประกอบโมดูลแบตเตอรี่และการประกอบตัวแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มต้นสายการประกอบในปี พ.ศ. 2562 ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ซึ่งนับเป็นการวางฐานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย และยังได้ทำการจัดโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการนี้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 โรงงานดังกล่าวนับเป็นการเติมเต็มกลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โรงงานในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยในปัจจุบันโรงงานของนี้มีความสามารถในการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถึง 4 รุ่น และการผลิดแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมสายการประกอบยนตรกรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการประกอบแล้ว แบตเตอรี่แรงดันสูงดังกล่าวจะถูกส่งไปยังโรงงานบีเอ็มดับเบิลยูที่ระยอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในตระกูล บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 โดยจะเริ่มต้นเฟสแรกตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โดยตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาบุคลากรจากแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ได้เข้าร่วมโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในเมืองดิงกอลฟิง และโรงงานนำร่องการผลิตระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การเตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ กระบวนการยึดติด การตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ (AOI) การตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้าและการตรวจสอบคุณภาพเมื่อสิ้นสุดสายการผลิต นอกจากนี้ โปรแกรมการอบรมดังกล่าวยังครอบคลุมทักษะในการทำงานกับกระบวนการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประกอบโมดูลแบตเตอรี่ รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม การออกแบบกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงแก้ไขคุณภาพ และการวิเคราะห์กระบวนการผลิต เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้และเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านการประกอบแบตเตอรี่แล้ว บุคลากรที่ผ่านการอบรมข้างต้นจะได้มีโอกาสทำงานกับชิ้นส่วนอย่างเซลล์แบตเตอรี่ที่นำเข้าจากผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชีย พร้อมด้วยชิ้นส่วนแบตเตอรี่นำเข้าอีกมากมาย ทั้งโครงอะลูมิเนียม ระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟ เพื่อประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้มาตรฐานระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศของประเทศไทย
ปิดท้ายกันที่ฮอนด้า แม้จะยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้ามาอวด แต่งานนี้ก็มายั่วน้ำลายกันก่อนด้วยการเผยโฉมฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปี 2562 ที่จะมาพร้อม 2 ขุมพลัง ทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ใหม่ ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid เจเนอเรชั่นที่ 3 พ่วงด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีหน้านอกจากฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริดแล้ว ฮอนด้ายังเผยให้ฟังอีกว่าจะมีรถยนต์ไฮบริดตามมาอีก 1 รุ่น แต่ยังต้องลุ้นว่าจะเป็นรุ่นไหน นอกจากนี้ยังมีการยั่วน้ำลายแฟนรถซูเปอร์คาร์ด้วย สปอร์ต ไฮบริด ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ สปอร์ตซูเปอร์คาร์คันแรกของโลก ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ด้วยระบบ Sport Hybrid SH-AWD ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร DOHC Twin-Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวช่วยขับเคลื่อนที่ล้อหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหนึ่งตัวที่ล้อคู่หลัง พร้อมระบบเกียร์ 9 สปีดดูอัลคลัตซ์ ให้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ แต่คันนี้ไม่รู้ว่าฮอนด้าจะนำเข้ามาหรือไม่
การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ของค่ายรถยนต์อย่างนิสสันและ ฟอมม์ เอเซีย นับเป็นการเริ่มต้นให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยได้ตื่นตัว และทำให้สังคมไทยได้รับรู้ว่าขณะนี้มีผู้ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังแล้ว ส่วนค่ายอื่นๆ จะตามมาช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละผู้ผลิต แต่สิ่งที่จะทำให้การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ายั่งยืนที่สุดคือการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ ที่ต้องมีนโยบายในเรื่องนี้ที่ชัดเจนในทุกด้าน โดยเฉพาะการฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะสานต่อในเรื่องนี้อย่างไร เพราะตอนนี้เอกชนมีความพร้อมแล้วสำหรับถนนสายเล็กๆ ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า รอแค่เพียงให้รัฐมาขยายเลนให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง นิสสัน ลีฟ FOMM One อินช์เคป (ประเทศไทย) Read the full article
0 notes
Text
เจาะเทคโนโลยี 'Nissan LEAF' ก่อนขายจริงในไทยปีหน้า
เจาะเทคโนโลยี ‘Nissan LEAF’ ก่อนขายจริงในไทยปีหน้า
จากม้านอกสายตากลายเป็นม้าที่วิ่งเข้าเส้นชัยก่อนใครในสนามแข่งรถยนต์ไฟฟ้า เพราะนาทีนี้ นิสสันลีฟ (Nissan LEAF) เรียกได้ว่าทันสมัยที่สุดและตอบโจทย์เทรนด์รถยนต์ยุคหน้าไปเรียบร้อย
ไม่นับรวมรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติที่คาดว่าจะนำมาใช้จริงในเมืองไทยไม่ได้ เพราะระบบคงรวนและทำงานไม่เป็นปกติ ถ้าเรายังปล่อยให้รถจักรยานยนต์ขี่กันตามอำเภอใจ ทำอะไรไร้กฏระเบียบและจิตสำนึกที่ดี นิสสันลีฟ รุ่นที่ 2…
View On WordPress
0 notes