Tumgik
Text
ระยะนี้คนไทยตื่นตัวสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษมากเป็นพิเศษ
ปรับปรุงแก้ไขเสริมเติม:แนวความคิดที่นำเสนอไม่ใช่การหาสามีฝรั่งจะก่อให้กล่าวได้นะคะ สิ่งที่เสนอแนะเป็นการหาเพื่อนพ้องฝรั่งเพื่อฝึกหัดสนทนาตอบโต้อย่างไร้ความกังวลเกี่ยวกับแกรมม่าจนถึงพวกเรามีความเชื่อมั่นและก็หูของพวกเราชินกับภาษารวมทั้งสำเนียง จากนั้นค่อยเริ่มปรับแกรมม่าให้ถูกต้องตามหลัก เป็นการเรียนภาษาแบบเด็กอ่อน ตามธรรมชาติของมนุษย์ค่ะ **เนื่องด้วยมีการแชร์ไปกว่า 115,000 ครั้งบน Facebook ทำให้ผู้อ่านมีความเห็นต่างกัน แต่อาจจะเป็นความผิดพลาดของนักเขียนเอง ที่บางทีก็อาจจะเขียนไม่แน่ชัดทำให้มีการเกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการหาสามีฝรั่ง จึงขอเพิ่มเติมสำหรับคนที่เข้ามาอ่านใหม่เข้าใจว่า เพื่อนต่างชาติผู้ชายที่ จขกท.กล่าวถึง เป็นเพียงแต่เพื่อนกันแค่นั้น ไม่มีความเชื่อมโยงทางชู้สาว การติดต่อเป็นไปอย่างละเอียด มีการแลกเปลี่ยนแม้กระทั่ง copy passport เพื่อให้มีความปลอดภัย อีกอย่างการหาเพื่อนต่างประเทศเพศหญิงมันไม่ง่ายยยยยเลยนะคะ ** การมีคนรักฝรั่งมิได้ช่วยทำให้ภาษาดีขึ้นเลย หากคนฝึกไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะ สังเกตุได้จากสาวไทยหลายๆคนที่แต่งกับต่างชาติและย้ายที่อยู่ฐานไปอยู่ต่างชาติ แต่ว่าคนจำนวนไม่น้อยก็ยังคงใช้ภาษาอย่างไม่ถูกๆ ขณะนี้คนไทยตื่นตัวสำหรับเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษมากมายเป็นพิเศษ เลยมีความคิดว่าหัวข้อนี้จะมีคุณประโยชน์ สร้างแรงจูงใจ แรงผลักดันให้คนที่อ่านมีกำลังใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดูที่ลิงค์นี้ ซึ่งที่กล่าวว่าพูดภาษาอังกฤษได้ด้านใน 3 เดือนเนี่ย หมายถึง การพูดคุยกับชาวต่างประเทศได้อย่างเป็นธรรมชาติ การออกเสียงอย่างถูกต้อง accent มั่นใจ ไม่มัววิตกกังวลว่าญาติพี่น้องคนประเทศไทยจะจับผิดหรือหาว่ากระแดะ ยิ้ม เข้าสู่รายละเอียดกันเลยนะคะ ย้อนไปเมื่อราวสิ้นปี 2014 เจ้าของกระทู้เป็นผู้ที่ทึ่มอังกฤษมากๆๆๆO-net 37 คะแนนก็อาศัยมั่วๆเอา พอเพียงเข้ามหาลัย สาขาบังคับเรียนภาษาอังกฤษ 8 ตัวจ้าาาา ( บางคนมาอ่านอาจรู้เนาะว่า สาขาอะไร รวมทั้งผู้ใดกันเป็นคนตั้งหัวข้อ 555) ผ่าน อิ้ง 2 อิ้ง 3 มาด้วย C เกือบจะ D ละล่ะ ในขณะนั้นก็ไม่แคร์ช่างเถอะ แม้กระนั้นพอเพียงขึ้นอิ้ง 4 มันจะต้องเรียน 4 ความถนัด ซึ่งตัวที่ทำให้มีการเกิดแรงกระตุ้นอย่างมาก ก็คือ Fundamental English listening and speaking skill เลยจ้า สอนโดยอาจารย์ใหม่ชาวอเมริกาโน่ด้วย ....เพราะอะไรเป็นแรงผลักดันหรอ Mid-term ได้ 11 คะแนนเต็ม 30 แรง drop สิขา รอไร !! แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มคิดละ ว่ายังยังไงก็จะต้องผ่านมันให้ได้ เอาไงดีอะ ? คิดๆๆๆมาเรื่อยๆจนถึงจะเริ่มเทอม 2 จำต้องเรียนอีกแล้วนะ! โดยประมาณสิ้นเดือนเดือนมกราคมก็เลยเริ่มหาวิธีบนอินเตอร์เน็ต ( แหล่งความรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกก ) และจากนั้นก็หาหนังสือ E-book ใน appstore มอง ปรากฏว่าเจอเล่มนึง เขียนได้ดิบได้ดีมากๆอ่านแล้ว แรงบันดาลใจสูบฉีดเลย ( หากคนไหนอยากได้ประเดี๋ยว ติดไว้ข้างล่างนะ ) เค้าบอกแนวทางให้บอกได้ภายใน 3 เดือน ในหนังสือบอกว่าสิ่งจำเป็นที่สุดถ้าอยากบอกได้ คือจำต้องใช้มันจริงๆอยากเก่งอิ้งต้องฟัง-บอกให้ได้ก่อนค่อยศึกษาแกรมม่าคราวหลัง (ซึ่งมันเห็นผลจริงๆนะ พอเริ่มคุยได้ มาดูแกรมม่าในหนังสืออีกทีมันเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น) ...ไอ้เราก็คิดเลย ทำไงจะหาฝรั่งมาคุยได้ว้า ?? แล้วววว มีเพื่อนที่เล่นเว็บไซต์คุยกับฝรั่งอยู่ เอาเลยจ้า ขอลิ้งมาเลย สมัครโดยทันที ( www.dateinasia.com* จริงๆเว็บไซต์แห่งนี้ไม่ดี แม้กระนั้นได้ประสบการณ์ดีๆมา ) ---------เล่นเว็บนี้พบฝรั่งหื่นๆก็เยอะแยะ แก่ๆก็มาก แม้กระนั้นพวกเราจะเอ่ยถึง 3 คนที่ให้ประสบการณ์เรามา ****เพื่อนพ้องต่างประเทศผู้ชายที่ จขกท.เอ๋ยถึง เป็นเพียงสหายกันเพียงแค่นั้น ไม่มีความข้องเกี่ยวทางรักๆใคร่ๆ การติดต่อเป็นไปให้ละเอียด มีการแลกแม้กระทั่ง copy passport เพื่อให้เกิดความปลอดภัย** ** 1.คนแรกเป็น คนเยอรมัน เค้าดำเนินงานที่ กทม. คุยไปสักพักกก ด้วยความที่อยากฝึกฝนคุย ( ก็รู้ว่าอันตราย ) นัดเจอเลยจ้า ที่เทอร์มินอล 21 ตอนนั้นไปกับเพื่อนที่ฝึกฝนอิ้งด้วยกันนี่แหละ ก็คุยๆพอเพียงรู้เรื่องนะ แม้กระนั้นส่วนใหญ่ให้เพื่อนคุย คราวหน้าๆไป คนเดียวก็เจอในห้างตลอดนะ .....คนเยอรมันเป็นคนพูดตรงมากกกกกกกก จริงๆค่ะ คำที่แทงใจดำที่สุดคือ " นี่คุณใช้ dictionary เล่มไหนเนี่ย ? ซื้อใหม่ซะนะ " โห ร้องไห้หนักมากมายจ้ะ นี่พวกเราโง่ขนาดนั้นเลยหรอ??!! 2.คนนี้เป็นคนประเทศฝรั่งเศสค่ะอันนี้มาเที่ยว แม้กระนั้นมา 2 เดือนแหนะ คนนี้ให้ประสบการณ์ที่ดีมากจ้ะ ให้กำลังใจดีเลิศ เพราะภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาแม่เค้า เค้าบอกว่า " ภาษาอังกฤษของคุณไม่ได้ห่วยแตก แค่อยากได้การศึกษาคำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มเพียงเท่านั้น " " ปัญหาเรื่องการออกเสียงคือเรื่องธรรดาเนื่องจากว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา ผมเองเป็นคนฝรั่งเศส ก็มีปัญหาเดียวกัน" ได้ยินแล้วรู้สึกดีมากจ้ะ แต่ก็มาปวดใจอีกรอบ กับ คนที่ 3 !! คนนี้ คนอิตาลีจ้ะ มาเที่ยวไทย 2 อาทิตย์ พบกันตอนเค้ามาถึงไทยวันที่ 2 จ้ะ มีคำนึงที่เค้าจะกล่าวตลอดเป็น you always have bad pronunciation ever!! จี้ใจดำมั้ยคะ ?!! นี่พวกเราออกเสียงห่วยขนาดนั้นเลยหรอ ? TT^TT ........แต่ว่าก็ไม่ได้ทำให้ท้อจ้ะ เดินหน้าฝึกหัดมากเพิ่มขึ้น คุยเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดหมายจริงๆตั้งไว้ ว่า 3 เดือนต้องฝันเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ ( เพราะเหตุว่าในหนังสือบอกไว้ว่ามันซึ่งก็คือ ภาษาอังกฤษได้เข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ) แต่ปรากฏว่าในเวลานั้น เดือนมีนาคมค่ะ เพิ่งจะ 2 เดือนเอง พวกเราฝันเป็นเป็นภาษาอังกฤษได้แล้วค่ะ ภายหลังจากฝันทีแรก ต่อจากนั้นก็ฝันอีกบ่อยครั้ง ดีใจมากค่ะ ในขณะนั้น แม้กระนั้นที่นอกนั้นคือ เมื่อเข้าเดือนที่ 3 ที่ฝึกหัดเป็นเดือนเมษายน เราก็เริ่มเล่น Tinder แล้วบังเอิญไป Match กับ native speaker จาก แคนาดา ซึ่งเค้าเรียนอยู่สิงคโปร์ เค้าบอกจะมาไทย อยากมีเพื่อนพ้องพาเที่ยว พวกเราก็ จัดเตรียมเลยค่ะ พาเที่ยวเลย ในช่วงเวลานั้นช่วงวันสงกรานต์พอดี พาไปเล่นน้ำข้าวสารเลย เค้าชอบใจมากมาย เราก็ขอโทษถ้า ภาษาพวกเราไม่ค่อยดี เค้าบอก "กล่าวอะไรของเธอ ภาษาคุณดีกว่าเด็กที่เรียนที่สิงคโปร์ตั้งเยอะแยะ" หูยยย พวกเรานี่เชื่อไม่ลงเลยจ้าา ตอนนั้นยังไม่ค่อยเชื่อเลย ****เพื่อนต่างประเทศเพศชายที่ จขกท.เอ๋ยถึง เป็นเพียงแต่สหายกันแค่นั้น ไม่มีความเชื่อมโยงทางชู้สาว การติดต่อเป็นไปให้ละเอียด มีการแลกเปลี่ยนถึงแม้ว่าจะ copy passport เพื่อให้เกิดความปลอดภัย** Finally !!!! กระทั่งต่างประเทศคนล่าสุด( ซึ่งปัจจุบันเป็นแฟนเราเอง 555) ประสบการณ์จากคนนี้ทำให้มีความรู้สึกดีกับสำเนียงของตัวเราเองมากมาย เป็นตอนต้นที่เจอมิได้คุยอะไรมากมาย แต่ว่าเพียงพอครั้งที่ 2 นั่งคุยกันในค๊อฟฟี่ช็อป เค้ากล่าวว่า "คุณทราบไหมภาษาอังกฤษของคุณยอดเยี่ยมใน ผญ ไทยที่ผมพบมา ( คงไม่รวมพวกจบนอกหรือเรียนอินเตอร์นะ ) พวกเราก็แบบคิดว่า อีนี่ขี้ยอ จนกระทั่งวันที่เค้าพาไปเจอ พ่อกับเพื่อนๆของบิดา ที่ห้องอาหารบริเวณสุขุมวิท ก็คุยไปๆคุยมา เพื่อนบิดาถามคำถามว่า "คุณเรียนภาษาอังกฤษตรงไหน ทำไมสำเนียงคุณดีจัง ?" ไอ้พวกเราก็งงงวย เลยแรง เห้ยจิงหรอ ? จนถึงเพื่อนพ้องบิดาอีกคนบอก " จริงๆนะครับ ภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลย ยิ่งหากเทียบกับคนไทยที่ผมเคยพบ " หูย เรานี่ลอยเลยจ้า ปลาบปลื้มมาก ถึงตอนนี้เชื่อแล้วว่าที่พวกเราพากเพียรปรับปรุงมาตลอด มันได้ผลจริงๆด้วยเหตุดังกล่าว ทุกคนก็อย่ายอมแพ้นะ โอ้โห พิมพ์มายาวขนาดนี้ มีแม้กระนั้นประสบการณ์คุยกับฝรั่งล้วนๆมองไม่เห็นจะบอกแนวทางอะไรเลย เพื่อไรอะ?? ( อาจจะมีบางบุคคลกำลังคิดอย่างงี้ ) ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเราจะเอ๋ยถึง แนวคิดซะหน่อย ( แต่จริงๆหากไปอ่านในหนังสือที่เราบอก จะครอบคลุมกว่า ) ....ส่วนตัวเรานะ การที่เราจะทำอะไรสำเร็จได้อย่างนึง สิ่งสำคัญคือแรงดลใจ หมั่นเติมแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เป็นประจำ ระหว่างที่พวกเรากำลังพยายามฝึกฝนใช้ภาษาอังกฤษ เราเลยรอหาหนังสือเกี่ยวกับการเรียนภาษาให้เสร็จมาอ่านอยู่เป็นประจำ( ไม่ใช่หนังสือแกรมม่านะ) แง่คิดดีๆที่เราเขียนไว้จากหนังสือเล่มนึง " ตอบตนเองให้ได้ว่าเรียนไปเพราะอะไร? 1.บินได้สูงมากขึ้น เพราะภาษาคือกุญแจสู่ความเกี่ยวข้องอันมีค่า 2.เหนือกว่าเรื่องข้อมูล ( ด้วยเหตุว่าหนังสือดีๆหลายเล่มเป็นภาษาอังกฤษ แม้กระนั้นการได้อ่านหนังสือดี ทำให้เรามีข้อมูลล้ำหน้ากว่าบุคคลอื่น ไม่ได้มีความหมายว่าพวกเราฉลาดหลักแหลมกว่าผู้อื่น) 3.เรียนแล้ว สนุกสนาน 4.ปรับปรุงสมอง 5.ได้ภาพลักษณ์ความเด่นรวมทั้งเฉลี่ยวฉลาด 6.Romance คงรู้เนาะหมายความว่าเรื่องไหน อีโมติคอน wink" - การศึกษาภาษาใหม่ มนุษย์เราใช้เวลา 5000 ชม. ซึ่งพอๆกับ 6 เดือน - ดูดของดีหรือแนวทางของผู้อื่น (อาทิเช่นจากหนังสือ) เราจะเก่งกว่าทุกคนที่คิดมาก่อน ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาคิดแนวทางใหม่ -หาอะไรที่ทำแล้วสนุกสนานในภาษานั้น -เรียนแล้วก็ใช้ในทันที ทำให้จำแม่น ( อะไรที่เรียนแล้วไม่ได้ใช้ทันที ไม่ต้องเรียน) **อันนี้พวกเราเอามาใช้เพื่อการเรียนแกรมม่า คือเวลาเราสนทนากับเพื่อนต่างประเทศ ก่อนนอนเราจะกลับมานึกว่าวันนี้พวกเราใช้แกรมม่าอะไรไปบ้าง แล้วพวกเราใช้ถูกมั้ย ถ้าหากผิดแล้วที่ถูกเป็นแบบไหน และจดเอาไว้ในสมุดพก **สิ่งที่ต้องการจะฝากถึงสหายๆพี่ๆน้องๆที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษหรือ จริงๆเก่งแล้วแหละ แต่มีความรู้สึกว่ายังคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่องเลย** 1.สำคัญที่สุดถึงที่สุดเลยนะคะเป็นความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเองค่ะ .......รู้คำศัพท์ ทราบแกรมม่า แม้กระนั้นเจอฝรั่งแล้วอาย ลืมหมด ! อยากเก่งแต่ว่าอาย? อันนี้ไม่รู้จักจะช่วยยังไงนะคะ เนื่องจากตัวผู้ตั้งกระทู้เป็นคนมั่นอยู่แล้ว 555 แต่ก็ต้องการฝากให้คิดจ้ะ ถ้ามัวแต่อายสำหรับการทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเอง แล้วเมื่อไรพวกเราจะได้รับสิ่งดีๆนั้น 2.หมั่นเติมแรงผลักดันจ้ะ ในเมื่อพวกเราตั้งอกตั้งใจแล้วจะกล่าวให้ได้ อาจมีบางอย่างทำให้มีความรู้สึกท้อ เป็นต้นว่า สหายกล่าวหา กระแดะกระแด๋,บ้าฝรั่ง,หรือมีคนกล่าวหาทึ่ม .......นำคำปรามาสมาเป็นบันไดค่ะ แล้วหมั่นหาอ่านหรือถามประสบการณ์การศึกษาเล่าเรียนภาษาจากคนอื่นๆจะก่อให้รู้ดีว่าก่อนเค้าจะเก่ง เค้าก็โง่มาก่อน เด็กอเมริกามิได้เกิดมาแล้วพูดอังกฤษได้เลยนะคะ เค้าก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเราก็ศึกษาได้จ้ะแค่อยากเวลา 3.มีวินัย ........ควรมีระเบียบในการฝึกหัดแต่ละวันนะคะ วันนี้ไม่ได้คุยกับฝรั่ง ก็ส่งข้อความเป็นอิ้ง ฟังเพลงอิ้ง ดูหนังอิ้ง อ่านหนังสืออิ้งง่ายๆหาอ่านแกรมม่ากล้วยๆ มีแอพ มีเว็บฝึกหัดภาษาจำนวนไม่ใช่น้อยจ้ะ google ได้เลย!! สิ่งจำเป็นเป็นให้มีภาษาอังกฤษในชีวิตให้มากที่สุด คิดกับตัวเองเป็นอิ้ง บอกกับตนเองเป็นอิ้ง เจอป้ายอ่านอิ้งก่อนไทย ฟังเพลงไม่ออกหาแบบที่มีเนื้อเพลงเลยจ้ะ 4.อย่าเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนใดกัน ....... อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับพวกที่จบนอกมา พวกที่ไปซัมเมอร์ต่างประเทศมา พวกที่เรียน EP มา พวกที่บิดามารดาให้ลงเรียนพิเศษภาษา พวกที่ชอบอิ้งมาตั้งแต่เด็กๆหรือตั้งอกตั้งใจเรียนอิ้งก่อนพวกเรา ประสบการณ์แต่ละคน ไม่เท่ากันจ้ะ แต่ว่าลองคิดดูสิค่ะคุณจะโก้เก๋ เจ๋งขนาดไหน ที่ไม่เคยไปเมืองนอก ไม่เคยลงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษตรงไหน แต่ว่าคุณคุยกับฝรั่งได้ กล่าวได้ เก่งได้ด้วยตัวคุณเอง!!! มีผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยทำได้แล้วค่ะ อย่างน้อยก็ฉันคนนึง แล้วเพราะอะไรคุณจะทำไม่ได้ ใครกันแน่อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าคุณมีความมุ่งมั่นมากๆอันที่จริงแล้วล่ะค่ะ เพราะเหตุว่ามันยาวมากกกกกกก อันนี้เป็นลิ้งที่เป็นแรงบันดาลใจแรก สู้ๆนะคะทุกคน!
0 notes