tumarai
tumarai
Untitled
16 posts
Don't wanna be here? Send us removal request.
tumarai · 4 years ago
Text
ส้มป่อย
ชื่อสมุนไพร ส้มป่อย ชื่ออื่น ๆ /ชื่อท้องถิ่น ส้มขอน , ส้มคอน (ไทยใหญ่,แม่ฮ่องสอน) , ส้มพอดี (อีสาน) , ผ่อชิละ ผ่อชิบูทู (กะเหรี่ยง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna (Willd.) DC. วงศ์  FABACEAE
ลักษณะของส้มป่อย
           ต้นส้มป่อย จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่มรอเลื้อยทอดลำต้นเกาะเกี่ยวขึ้นไป สูงได้ประมาณ 3-6 เมตร แต่ไม่มีมือสำหรับเกาะเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เถามีเนื้อแข็ง ขนาดใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาล เถาอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง มีขนกำมะหยี่หรือขนสั้นหนานุ่ม ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมสั้นอยู่ทั่วไปและมีขนหูใบรูปหัวใจ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกประเภทที่ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นปานกลางถึงน้อย และชอบแสงแดดมาก ขึ้นทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ เป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี มักพบขึ้นตามป่าคืนสภาพ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ที่ราบเชิงเขา และที่รกร้างทั่วไป ใบส้มป่อย ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกเรียงสลับ ช่อใบย่อยมีประมาณ 5-10 คู่ ส่วนช่อย่อยมีประมาณ 10-35 คู่ ต่อช่อ ใบย่อยเรียงตรงข้าม ไม่มีก้านใบย่อย ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานขนาดเล็ก ปลายใบมนหรือแหลม ที่ปลายเป็นติ่งหนามแหลมอ่อนโค้ง โคนใบมนหรือตัด ส่วนขอบใบหนาเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.8-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3.5-11.5 มิลลิเมตร แผ่นใบเรียบ ก้านใบยาวประมาณ 3.6-5 เซนติเมตร
Tumblr media
            มีขนสั้นนุ่มและหนาแน่น พบก้อนนูนสีน้ำตาลคล้ายต่อม 1 อัน อยู่ที่โคนของก้านใบ แกนกลางยาวประมาณ 6.6-8.5 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยสั้นมาก ยาวได้ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร หรือน้อยกว่านั้น เกลี้ยงและมีขนนุ่มหนาแน่น  ดอกส้มป่อย ออกดอกเป็นช่อกระจุกรูปทรงกลม โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรืออกตามซอกใบข้างลำต้นประมาณ 1-3 ช่อดอกต่อข้อ มีขนาดประมาณ 0.7-1.3 เซนติเมตร มีดอกประมาณ 35-45 ดอก ก้านช่อดอกยาวประมาณ 2.5-3.2 มิลลิเมตร มีขนนุ่มหนาแน่น มีใบประดับดอก 1 อัน ลักษณะเป็นรูปแถบ ความยาวไม่เกิน 1 มิลลิเมตร โคนสอบเรียว สีแดง มีขนกระจายอยู่ทั่วไป ดอกย่อยมีขนาดเล็กอัดกันแน่นอยู่เป็นแกนดอก กลีบดอกเป็นหลอดสีขาวนวล กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ หลอดกลีบกว้างประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ปลายแหลมเป็นสีแดง หรืออาจมีสีขาวปนบ้างเล็กน้อย ส่วนกลีบดอก หลอดกลีบมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3.5-4 มิลลิเมตร มีขนบ้างเล็กน้อยที่ปลายกลีบ
Tumblr media
            ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 200-250 อัน โดยยาวประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ส่วนเกสรเพศเมีย รังไข่ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร มีออวุลประมาณ 10-12 ออวุล ก้านรังไข่ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ก้านและยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร เป็นสีขาวอมเหลืองหรือสีเขียวอมเหลือง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลส้มป่อย ออกผลเป็นฝัก ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน แบนยาว ผิวฝักเป็นลอนคลื่นเป็นข้อ ๆ ตามเมล็ด ปลายฝักมีหางแหลม สันฝักหนา ผิวฝักขรุขระหรือย่นมากเมื่อแห้ง ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 1.3-1.4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7-9.3 เซนติเมตร ฝักอ่อนเปลือกเป็นสีเขียวอมแดง เมื่อแก่แล้วฝักจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลดำ ก้านฝักยาวประมาณ 2.8-3 เซนติเมตร ในแต่ละฝักจะมีเมล็ดประมาณ 5-12 เมล็ด เมล็ดส้มป่อยมีลักษณะเป็นรูปทรงแบนรี สีดำผิวมัน มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 มิลลิ��มตร และยาวประมาณ 7-8 มิลลิเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ฝักมีสารในกลุ่มซาโปนินสูงถึง 20% เมื่อนำมาตีกับน้ำจะเกิดฟอง
Tumblr media
ถิ่นกำเนิดส้มป่อย
           ส้มป่อยเป็นพืชที่เป็นที่รู้จักดันดีในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือที่ถือว่าส้มป่อยเป็นไม้มงคล โดยมีความเชื่อว่าหากบ้านใดมีต้นส้มป่อยในบ้าน จะช่วยป้องกันเพศภัยและเคราะห์ต่างๆให้ปล่อยออกไปจากบ้านดังชื่อของส้มป่อย และฝักของส้มป่อยก็ใช้แช่น้ำเชื่อว่าจะทำให้เป็นน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ ซึ่งส้มป่อยนี้เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ประเทศไทย , พม่า , ลาว , กัมพูชา , มาเลเซีย , และประเทศในเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เป็นต้น  ส้มป่อยเป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี มักพบขึ้นตามป่าคืนสภาพ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ที่ราบเชิงเขา และที่รกร้างทั่วไป  ในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาคของประเทศ
Tumblr media
การขยายพันธุ์ส้มป่อย
           ส้มป่อยมักจะพบได้ในป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้วบริเวณที่ราบเชิงเขาส่วนการขยายพันธุ์ส้มป่อยนั้นสามารถทำได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่วิธีที่เป็นที่นิยมกันมากคือการปักชำ โดยตัดกิ่งแก่ให้ยาวประมาณ 50 เซนติเมตรมาปักชำในกระถางหรือในบริเวณที่ต้องการจะเพาะชำ ซึ่งในกระถางหรือบริเวณดังกล่าต้องมีความชื้นมาก และรดน้ำทุกวันจนกิ่งที่ชำเกิดรากแล้วจึงย้ายลงหลุมที่จะปลูกต่อไป สำหรับการปลูกส้มป่อยนั้นควรปลูกในที่โล่งหรือที่ ๆ มีแสงมาก สามารถปลูกได้ในดิน  ทุกประเภทที่มีการระบายน้ำได้ดี เพราะส้มป่อยชอบความชื้นปานกลางถึงน้อยและชอบแสงแดดมาก ส่วนการดูแลรักษานั้น ส้มป่อยไม่ค่อยมีโรคและศัตรูพืชมาก แต่ควรตัดแต่งกิ่งหรือทำค้างให้ลำต้นของส้มป่อยพันเลื้อยขึ้นไปเพื่อสะดวกในการเก็บเกี่ยวผลผลิตของส้มป่อย
Tumblr media
ประโยชน์ของส้มป่อย
           ยอดอ่อนและใบอ่อนมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ แจ่ว หรือนำมาปรุงรส เช่น ต้มปลา เนื้อเปื่อย หรือนำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ทำแกงส้ม ต้มส้มไก่ ต้มข่าไก่ ต้มส้มป่อย ข้าวผัดดอกส้มป่อยหรือข้าวผัดปลาส้มแม่ม่าย แกงเขียดน้อยใส่ยอดส้มป่อย ยอดส้มป่อยอ่อง ใช้ใส่แกงปลาหรือเนื้อ ใส่แกงอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว เป็นต้น ส่วนชาวปะหล่องจะใช้ยอดอ่อนนำไปผสมกับน้ำพริกห่อใบตองแล้วนำไปหมกรับประทานหรือนำไปทำแกง ส่วนชาวกะเหรี่ยงจะใช้ทั้งยอดอ่อนและดอก เพื่อนำมาประกอบอาหาร เช่น ทำแกง ใบของส้มป่อยถือเป็นผักที่มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูงมากเป็นอันดับต้น ๆ ผลจากการทดสอบฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของยอดส้มป่อยพบว่ามีสูงมาก และยังมีสารซาโปนินในฝักส้มป่อยที่ทำให้ทีเซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้นด้วย
Tumblr media
           ยอดอ่อนและใบอ่อนสามารถใช้เพื่อดับกลิ่นคาวปลาได้ ฝักแก่แห้งนำมาต้มเอาน้ำใช้สระผมแก้รังแค แก้อาการคันศีรษะ บำรุงเส้นผม ทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงางาม เป็นยาปลูกผม และป้องกันผมหงอกก่อนวัย หรือใช้ต้มกับน้ำอาบหลังคลอด ส่วนตำรับยาแก้รังแค อาการคันหนังศีรษะ และรักษาผมหงอกก่อนวัยนั้น ระบุว่าให้ใช้ฝักส้มป่อยที่ปิ้งไฟประมาณ 10 นาที นำมาต้มรวมกับลูกมะกรูดที่หมกไฟดีแล้ว 2 ลูก ในน้ำ 5 ลิตร แล้วต้มจนเดือดจน��ตกฟองดี แล้วนำมาใช้หมักและสระผม หากสระผมด้วยส้มป่อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้อาการคันบนหนังศีรษะและรังแคหายไปได้ ชาวลั้วะจะใช้เปลือกต้นนำมาทุบใช้ขัดตัวเวลาอาบน้ำหรือนำไปใช้สระผม ส่วนชาวไทใหญ่จะใช้ฝักแห้งนำมาต้มกับน้ำอาบและใช้ขัดตัว หรือนำมาแช่น้ำใช้สระผม
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFightbet98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย สล็อตPGแตกง่าย ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
ลูกใต้ใบ
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร  ลูกใต้ใบ ชื่ออื่น ๆ /ชื่อท้องถิ่น  หญ้าใต้ใบ,มะขามป้อมดิน,หน่วยใต้ใบ (ภาคเหนือ) ,หญ้าใต้ใบขาว (สุราษฎร์ธานี),จูเกี๋ยเช่า (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus amarus Schumach. & Thonn. ชื่อสามัญ Egg woman, Tamalaki, Stonebreaker. วงศ์  EUPHORBIACEAE
Tumblr media
ลักษณะของลูกใต้ใบ
           ต้นลูกใต้ใบ จัดเป็นพืชล้มลุก มีอายุเพียงปีเดียว มีความสูงประมาณ 10-60 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นไม่มีขน และทุกส่วนของต้นมีรสขม[1],[2] มีถิ่นกำเนิดในอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อน เช่น ไทย ลาว พม่า กัมพูชา เปรู บราซิล สหรัฐอเมริกา หมู่เกาะแคริบเบียน และในทวีฟแอฟริกา ลูกใต้ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลายคี่ มีใบย่อยประมาณ 23-25 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ โคนใบมนแคบ ส่วนปลายใบมนกว้าง ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร มีก้านใบสั้นมาก มีหูใบสีขาวนวล ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายแหลมเกาะติดอยู่ 2 อัน ดอกลูกใต้ใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศ มีขนาดเล็กสีขาว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.08 เซติเมตร ดอกเพศเมียมักจะอยู่บริเวณโคนก้านใบ ส่วนดอกเพศผู้มักจะอยู่บริเวณส่วนปลายของก้านใบ โดยดอกตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าดอกตัวผู้ประมาณ 2 เท่า เกสรตัวผู้มี 3 ก้าน โคนก้านเกสรเชื่อมกันเล็กน้อย มีอับเรณูแตกอยู่ตามแนวราบ ส่วนกลีบรองและกลีบดอกเป็นรูปไข่ ขอบกลีบมีสีอ่อน ผลลูกใต้ใบ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแป้น ผิวเรียบมีสีเขียวอ่อนนวล ผลมีขนาดประมาณ 0.15 เซนติเมตร โดยผลมักจะเกาะติดอยู่บริเวณใต้โคนของใบย่อย และอยู่ในบริเวณกลางก้านใบ ผลเมื่อแก่จะแตกเป็นพู 6 พู ในแต่ละพูจะมีเมล็ด 1 เมล็ด สีน้ำตาล มีลักษณะเป็นรูปเสี้ยว 1 ส่วน 6 ของรูปทรงกลม มีสันตามยาวทางด้านหลัง และมีขนาดเล็กมากประมาณ 0.1 เซนติเมตร
Tumblr media
การขยายพันธุ์ลูกใต้ใบและถิ่นกำเนิดลูกใต้ใบ
           ลูกใต้ใบเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถพบได้ทั่วไปในที่โล่งแจ้งและตามริมไม้ในที่โล่งทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะฤดูฝนจึงไม่มีการนิยมนำมาปลูกในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด  ส่วนการขยายพันธุ์ของลูกใต้ใบนั้นสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด  ในปัจจุบันนั้นเมื่อเริ่มมีการตื่นตัวถึงสรรพคุณของลูกใต้ใบที่มีรายงานการศึกษาวิจัยมารับรองแล้วนั้น  จึงเริ่มเห็นมีการเพาะกล้าของลูกใต้ใบมาจำหน่ายและเกษตรกรก็เริ่มเพาะปลูกลูกใต้ใบเพื่อจำหน่ายมากขึ้นกว่าอดีต ลูกใต้ใบมีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อนต่างๆของโลกทั้งในทวีป อเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย และมีการกระจายพันธุ์ไปอยู่ในหลายๆประเทศเขตร้อนของภูมิภาคดังกล่าว เช่น เปรู บราซิล ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย พม่า ลาว ฯลฯ ส่วนในประเทศไทยนั้น ต้นลูกใต้ใบสามารถพบได้ทั่วทุกจังหวัด ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมักพบในที่โล่งแจ้งหรือตามบริเวณเงาไม้ใหญ่ในที่โล่งทั่วไป หรือขึ้นแซมกับพืชที่เกษตรกรปลูก จนต้องถูกกำจัดเหมือนวัชพืชอื่นๆเลยทีเดียว
Tumblr media
ประโยชน์ของลูกใต้ใบ
           ทั้งต้นนำมาใช้ต้มดื่มกับหญ้าปีกแมลงวัน (กรดน้ำ) และหญ้าปัน ทั้งต้นใช้เป็นยาเบื่อปลา ซึ่งชาวอินเดียจะนำลูกใต้ใบไปใช้ในการเบื่อปลา แต่ปลาที่ถูกเบื่อนั้นสามารถรับประทานได้ และข้อมูลก็ไม่ได้ระบุด้วยว่าจะมีผลอะไรกับคนหรือไม่หากนำผลมารับประทาน ในปัจจุบันได้มีการนำสมุนไพรลูกใต้ใบมาผลิตเป็นยาสมุนไพรลูกใต้ใบแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีทั้งในรูปของแคปซูล ชนิดซอง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายและสะดวกในการรับประทาน ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่มีสารสกัดที่มีคุณค่าสูง เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านการป้องกันและรักษาโรค และยังสามารถนำมาประยุกต์เพื่อใช้ในสัตว์ได้อีกด้วย รากและใบของลูกใต้ใบใช้ชงดื่มกับน้ำเป็นยาบำรุงร่างกาย (รากและใบของลูกใต้ใบชนิด P. urinaria)
Tumblr media
           ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ราก, น้ำต้มใบ) ในเขมรใช้ลูกใต้ใบชนิด P. urinaria เป็นยาเจริญอาหาร (ไม่ระบุส่วนที่ใช้) ผลใช้ต้มดื่มช่วยบำรุงสายตา ทำให้สายตาดี (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)  ช่วยรักษาโรคตา (ใบ) ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงมีประโยชน์ต่อผู้เป็นโรคเบาหวาน แต่มีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานว่า ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามที่แพทย์สั่งและควรหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ (ต้น) โดยให้ใช้ทั้งต้นของลูกใต้ใบชนิด P. urinaria จำนวน 1 กำมือนำมาต้มดื่ม (ทั้งต้น) ช่วยลดความดันโลหิต (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ ทั้งต้น (เข้าใจว่าเป็นชนิด P. urinaria))
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFightbet98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย พนันบอล ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
ว่านน้ำ
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร ว่านน้ำ
ชื่ออื่นๆ ว่านน้ำเล็ก , ฮางคาวผา (เชียงใหม่) , ผมผา , คาเจียงจี้ , ฮางคาวน้ำ , ฮางคาวผา (ภาคเหนือ) , ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี) , ทิสีปุตอ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) , แปะเซียง (จีน) , แป๊ะอะ (ม้ง) , สำบู่ (ปะหล่อง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Acorus calamus Linn.
ชื่อพ้อง Acorus calamus Linne. Var. verus Linn., Acorus aromaticus Nakai ,
ชื่อสามัญ Myrtle grass, Myrtle sedge, Sweet flag, Calamus root, Flag root
วงศ์ Araceae (Acoraceae)
Tumblr media
ลักษณะของว่านน้ำ
ต้นว่านน้ำ มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป จัดเป็นพรรณไม้ขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 50-80 เซนติเมตร และมีเหง้าเจริญไปตามยาวขนานกับพื้นดิน เหง้าเป็นรูปทรงกระบอกค่อนข้างแบน ลักษณะเป็นข้อ ๆ มองเห็นชัด ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมชมพู มีรากฝอยเป็นเส้นเล็กยาวติดอยู่ทั่วไป พันรุงรังไปตามข้อปล้องของเหง้า เนื้อภายในเป็นสีเนื้อแก่ มีกลิ่นหอม รสเผ็ดร้อนฉุนและขม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหน่อ มักพบขึ้นเองตามบริเวณริมหนองน้ำ สระ บ่อ คูคลอง ในที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำตื้น ใบว่านน้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันซ้ายขวาแบบทแยงกัน ใบแตกออกมาจากเหง้าเป็นเส้นตรงและยาว ลักษณะของใบเป็น
Tumblr media
รูปเรียวแหลม ปลายใบแหลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 80-110 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบ มองเห็นเส้นกลางใบได้ชัดเจน ดอกว่านน้ำ ออกดอกเป็นช่อ แทงออกมาจากเหง้า ลักษณะของดอกเป็นแท่งทรงกระบอก เป็นสีเหลืองออกเขียว ดอกมีขนาดประมาณ 0.7-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยดอกย่อยเรียงตัวติดกันแน่น ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปกลม ปลายกลีบโค้งงอ มีกายใบห่อหุ้ม 1 ใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และมีกาบใบหุ้ม ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ในช่อเดียวกัน เกสรเพศผู้มีประมาณ 6 อัน ก้านเกสรเพศเป็นสีขาว เป็นเส้นแบนยาว และมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ส่วนก้านเกสรเพศเมียมีผลว่านน้ำ ผลเป็นผลสดขนาดเล็ก ผลมี 2-3 เซลล์ ลักษณะคล้ายลูกข่างหรือปริซึม ปลายบนคล้ายพีรามิด ผลเมื่อสุกจะเป็นสีแดง ภายใน���ีเมล็ดจำนวนน้อย ลักษณะของเมล็ดเป็นรูป 1 อัน มีรังไข่ลักษณะกลมยาวหรือเป็นรูปกรวย 
Tumblr media
ถิ่นกำเนิดว่านน้ำ
แหล่งกำเนิดอาจพบในทวีปยุโรปเกือบทั้งหมด (ยกเว้นสเปน รัสเซียตอนเหนือ) จากตะวันออกกลางไปทางตอนเหนือ ลงมาตอนใต้ที่ไซบีเรีย, จีน, ญี่ปุ่น, พม่า, ศรีลังกา, อินเดีย และอเมริกาทางตอนเหนือ ที่พบกำเนิดในอเมริกา ใช้ชื่อ Acorus americanus มีโครโมโซมเป็น Diploid แต่ที่พบในจีนและอินเดีย เป็น Triploid ไม่ติดเมล็ด เป็นไม้น้ำขึ้นในพื้นที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำตื้น บริเวณขอบ สระ บ่อ คูคลอง และแหล่งน้ำอื่น ๆ มักเจริญเติบโตปะปนกับพรรณไม้น้ำอื่น ๆ โดยเฉพาะกก หรือปลูกเดี่ยว ๆ ในอ่างน้ำหรือริมน้ำ ในไทยว่านน้ำพบได้ในทุกภาค แต่พบมากทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบนที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร แถบจังหวัดเลย โดยมักพบบริเวณริมลำห้วย ริมลำธาร หรือริมหนองน้ำ ประเทศไทยพบว่านน้ำที่นำเข้าจากต่างประเทศอีก 2 ชนิด คือ A. pusiilu และ A. gramineus ซึ่งเป็นว่านน้ำที่นำเข้าเพื่อใช้ปลูกในตู้ปลา
Tumblr media
การขยายพันธุ์ว่านน้ำโดยการแยกหน่อ
การปลูกว่านน้ำ ปลูกได้ดีในที่ชื้นแฉะ มีน้ำท่วม ริมบ่อน้ำ ปลูกโดยการตัดต้นพันธุ์หรือเหง้าให้มีข้ออย่างน้อย 1 ข้อ ปักชำในกระบะทรายก่อน พอเริ่มงอกจึงย้ายว่านน้ำไปปลูก หรือนำท่อนพันธุ์ไปปักประมาณ 1 สัปดาห์ จะเป็นใบอ่อนแตกออกมา ว่านน้ำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร เจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน เมื่อเข้าปลายฤดูฝนเหง้าจะเริ่มมีใบแห้ง เริ่มจากเหง้าข้อที่ 1 ไปเรื่อยๆ ถ้าขาดน้ำในช่วงนี้เป็นเวลานาน เหง้าอาจจะแห้งตายได้แต่ถ้ามีน้ำอยู่ เหง้าก็ยังคงสดอยู่และแตกรากและใบใหม่ต่อไป
Tumblr media
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรว่านน้ำ
สำหรับผู้ที่มีอาการเหงื่อออกบ่อย ๆ หรือเหงื่อออกง่ายไม่ควรใช้สมุนไพรชนิดนี้ การรับประทานเหง้าว่านน้ำเกินขนาดจะทำให้อาเจียนได้ และมีรายงานว่าเหง้าว่านน้ำมีสาร β-asarone ซึ่งมีความเป็นพิษต่อตับและเป็นสารก่อมะเร็ง
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย บาคาร่า  ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
เทียนเกล็ดหอย
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร เทียนเกล็ดหอย ชื่ออื่น ๆ ไซเลียม ฮักส์ ชื่อวิทยาศาสตร์  Plantago ovate Forssk., Plantago psyllium Linn. ชื่อสามัญ Psyllium Seed, Blonde Psyllium Seed, Ispaghula Seed, Psyllium Husk, Psyllium Seed Husk ชื่อวงศ์  PLANTAGINACEAE
Tumblr media
ลักษณะทั่วไปเทียนเกล็ดหอย
           เทียนเกล็ดหอยเป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นตั้งตรงมีแขนงมาก ใบเทียนเกล็ดหอย ใบมีลักษณะแคบยาว เป็นรูปขอบขนาน ขอบใบเรียบหรือหยัก ผิวใบมีขนนุ่ม ดอกเทียนเกล็ดหอย ออกดอกเป็นช่อรูปทรงกระบอก ก้านยาว ดอกเป็นสีเขียวอมน้ำตาล ผลเทียนเกล็ดหอย ผลเป็นกระเปาะแตกได้ เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่หรือรูปไข่แกมขอบขนาน แบนคล้ายเรือ ลักษณะด้านนอกนูนด้านในเว้า ผิวมันลื่นเรียบไม่มีขน เมล็ดเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมชมพู มีขนาดกว้างประมาณ 1.1-1.7 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2.2-3.1 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดจะพองตัวเป็นเมือกเมื่อถูกความชื้น ผงจากเมล็ดจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมชมพู มีรสร้อน ขม และหอม เมื่อถูกน้ำจะพองตัวเป็นเมือกเหมือนเมล็ดแมงลัก ลักษณะเมื่อเป็นผง มีสีน้ำตาลปนชมพูอ่อน ๆ มีกลิ่นอ่อนๆ ไม่มีรสเป็นเมือกเมล็ดแป้งหายากมากรูปร่างค่อนข้างกลมมีทั้งเดี่ยวและหมู่เส้นผ่าศูนย์กลางเมล็ดเฉลี่ย 8 ไมครอน 
Tumblr media
สรรพคุณ            ตำรายาไทย: ใช้แก้ลมวิงเวียน แก้หน้ามืดตาลาย แก้โลหิตจาง บำรุงโลหิต แก้เลือดเดินไม่สะดวกที่ทำให้ปลายมือปลายเท้าเย็น แก้ลมขึ้นเบื้องสูง แก้บิดเรื้อรัง บำรุงกำลังและเส้นเอ็น แก้คลื่นเหียน ขับเสมหะ บำรุงเลือด เป็นยาระบายชนิดเพิ่มกากอาหาร บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5)    ปรากฏการใช้เมล็ดเทียนเกล็ดหอย ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มีส่วนประกอบของเทียนเกล็ดหอย อยู่ในพิกัดเทียนทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง
Tumblr media
           เทียนเกล็ดหอย เป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณของไทยหลายตำรับ มีแหล่งกำเนิด แถบทวีปอเมริกาเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์ ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก และได้มีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทย ที่เรียกว่า “พิกัดเทียน” เครื่องยาพิกัดเทียน เทียนเกล็ดหอย จัดอยู่ใน “พิกัดเทียน”  ที่ประกอบด้วย“พิกัดเทียนทั้ง 5” ได้แก่ เทียนดำ เทียนแดง เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก และเทียนตาตั๊กแตน “พิกัดเทียนทั้ง 7” (มีเทียนเยาวพาณี และเทียนสัตตบุษย์ เพิ่มเข้ามา) “พิกัดเทียนทั้ง 9” (มีเทียนตากบ และเทียนเกล็ดหอย เพิ่มเข้ามา) สรรพคุณโดยรวม ของยาที่ใช้ในพิกัดเทียน คือ ช่วยขับลม แก้อาเจียน บำรุงโลหิต และใช้ในตำรับยาหอม
Tumblr media
การขยายพันธุ์เทียนเกล็ดหอยและถิ่นกำเนิดเทียนเกล็ดหอย
           โดยการเพาะเมล็ด และหน่อเล็ก ๆ การปลูกและการดูแล เทียนเกล็ดหอยเป็นไม้ล้มลุก เมื่อปลูกแล้ว จะมีการแตกหน่อเป็นจำนวนมากจึงอยู่ได้นาน วิธีการปลูกโดยการนำหน่อลงปลูกบนแปลงที่เตรียมไว้โดยการขุดดิน ย่อยดิน ใส่ปุ๋ยคอกผสมกับดินคลุกเคล้าให้เข้ากัน ยกร่อง ขุดหลุมลึกประมาณ 10 ซม. นำหน่อลงปลูก กลบดิน รดน้ำ ระยะปลูกประมาณ 15x20 ซม. หรือปลูกลงกระถาง เทียนเกล็ดหอย มีถิ่นกำเนิดแถบริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและในทวีปอเมริกาเห���ือ, และประเทศนิวซีแลนด์ ปัจจุบันแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วโลก
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย ฟรีสปิน ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
มะกล่ำเผือก
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร : มะกล่ำเผือก ชื่อเรียกอื่น ๆ : มะกล่ำตาหนู, แปบฝาง (เชียงใหม่), คอกิ่ว, มะขามป่า (จันทบุรี), มะขามย่าน (ตรัง), โกยกุกเช่า (จีนแต้จิ๋ว) และ จีกู่เฉ่า (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abrus pulchellus Wall. Ex Thwaites subsp. ชื่อสามัญ : – วงศ์ : LEGUMINOSAE
Tumblr media
ลักษณะสมุนไพรมะกล่ำเผือก
           ต้นมะกล่ำเผือก จัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่นหรือเลื้อยบนพื้นดิน ยาวประมาณ 50-100 เซนติเมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านมากเป็นพุ่มทึบ สีน้ำตาลเข้มอมสีม่วงแดง ก้านเล็กปกคลุมด้วยขนสีเหลืองบาง ๆ เถามีลักษณะกลมเป็นสีเขียว รากมีลักษณะกลมใหญ่ ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีน ภูฏาน เนปาล อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา พม่า ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย โดยมักขึ้นกระจายทั่วไปตามป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้งระดับต่ำ ใบมะกล่ำเผือก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 4-7 คู่ ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่กลับ ปลายใบเป็นติ่งหนามหรือมน โคนใบเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวประมาณ 3.2-4.5 เซนติเมตร แผ่นใบบาง ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนด้านล่างมีขนสีขาวประปราย ก้านใบยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ก้านใบย่อยยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร มีขนหนาแน่น เส้นกลางใบนูนขึ้นเล็กน้อย หูใบเป็นรูปใบหอก ยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร หูใบย่อยเป็นเส้นเรียวยาว ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ผลมะกล่ำเผือก ออกผลเป็นฝักรูปขอบขนาน ขนาดกว้างประมาณ 0.8-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-8 เซนติเมตร มีขนสีเหลืองอ่อน ฝักแห้งแตกออกได้ ในฝักมีเมล็ดประมาณ 4-5 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างกลมรี แบนเล็กน้อย ผิวเงาเรียบ เมล็ดอ่อนเป็นสีขาว เมื่อสุกเป็นสีดำเข้มหรือสีเหลืองอ่อน
Tumblr media
           ดอกมะกล่ำเผือก ออกดอกเป็นช่อกระจะตามซอกใบ ยาวประมาณ 4-9 เซนติเมตร ใบประดับและใบประดับย่อยเป็นรูปไข่ ยาวได้ประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกเป็นรูปดอกถั่ว กลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียวปนสีชมพูอ่อน โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายเว้าเป็นรอยหยักตื้น ๆ หรือเป็นปลายตัด กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบกลางเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปรี ยาวประมาณ 1.2-1.3 เซนติเมตร ปลายเว้าบุ๋ม โคนเป็นรูปลิ่ม ขอบเรียบ ส่วนกลีบคู่ด้านข้างเป็นสีชมพูอ่อน ลักษณะเป็นรูปเคียว มีความยาวรวมก้านกลีบประมาณ 1.1-1.2 เซนติเมตร ปลายมน โคนสอบเรียว คอดลงไปคล้ายก้านกลีบ มีรยางค์เป็นติ่ง ส่วนกลีบคู่ล่างเป็นสีชมพู โคนเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปเคียว ยาวประมาณ 1.3-1.5 เซนติเมตร ปลายมน โคนสอบเรียว คลอดลงไปคล้ายก้านกลีบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 อัน โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด มีแบบสั้นและแบบยาวออกเรียงสลับกัน แบบสั้นก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ส่วนแบบยาวก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1.2-1.3 เซนติเมตร อับเรณูเป็นสีเหลือง ลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ติดทางด้านหลัง ส่วนเกสรเพศเมียเป็นรูปแถบ แบน และมีขนขึ้นหนาแน่น
Tumblr media
วิธีการใช้
           แก้อาการร้อนใน แก้พิษร้อน ถอนพิษไข้ ช่วยลดความดันโลหิต ยาแก้อาการปวดกระเพาะ ยากล่อมตับ รักษาตับอักเสบชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ตับแข็ง ท้องมาร ช่วยคลายและกระจายการคั่งของตับ รักษาตับอักเสบที่ติดเชื้อแบบดีซ่าน ยาขับความชื้น แก้อาการปวดข้อ ปวดกระดูกเนื่องจากลมชื้นเกาะติด นำทั้งต้นมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน ยาแก้หืด หลอดลมอักเสบ แก้ไอแห้ง แก้เจ็บคอ ช่วยกัดเสมหะ ขับเสมหะ แก้อาเจียน แก้ร้อนใน ยาแก้อาการปวดท้องและแก้จุกเสียด ยาขับปัสสาวะ นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน ยาแก้เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ ช่วยกระตุ้นน้ำลาย ยาขับ แก้อาการปวดตามแนวประสาท ปวดบวมตามข้อ นำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน แก้กลากเกลื้อน ฆ่าพยาธิผิวหนัง ฝีมีหนอง บวมอักเสบ นำเมล็ดมาบดผสมกับน้ำมันพืช ใช้ทาแก้กลากเกลื้อน ฆ่าพยาธิผิวหนัง ฝีมีหนอง บวมอักเสบ
Tumblr media
ประโยชน์ของมะกล่ำเผือก
           ใบใช้ตำพอกแก้จุดด่างดำบนใบหน้า (ใบ) เมล็ดใช้ทำเป็นยาฆ่าแมลง มีพิษแรง ถ้าเคี้ยวกินเพียง 1-2 เมล็ด อาจทำให้ตายได้ โดยสามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 2 วัน ใบมะกล่ำเผือกมีสารให้ความหวานชื่อ glycyrrhizin ซึ่งมีความหวานกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 50 เท่า ซึ่งอาจนำมาพัฒนาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลทรายได้
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย สล็อตRoma ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย  
1 note · View note
tumarai · 4 years ago
Text
หญ้าเกล็ดปลา
ชื่อสมุนไพร : หญ้าเกล็ดปลา ชื่อเรียกอื่น ๆ : ก้วยกังติ้ง และ ไตหยี่หนึ่งจี้ (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyla nodiflora (L.) Greene ชื่อสามัญ : Lippia, Common Lippia และ Turkey Tangle Fogfruit วงศ์ : VERBENACEAE
Tumblr media
ลักษณะสมุนไพรหญ้าเกล็ดปลา
           ต้นหญ้าเกล็ดปลา จัดเป็นพรรณไม้เลื้อยปกคลุมดิน แตกกิ่งก้านสาขา ลำต��นมีความยาวประมาณ 15-90 เซนติเมตร ตามลำต้นมีขนนุ่มสั้น ข้อที่แตกดินจะงอกรากออกมาเพื่อยึดเกาะดินเอาไว้ ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด พรรณไม้ชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินปนทราย ชอบอากาศชื้น ทนต่อแสงแดดจัดได้ดี[1] มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในประเทศไทยพบได้มากทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยมักพบขึ้นตามที่ลุ่ม ริมทะเลสาบ ริมทางน้ำ แม่น้ำลำคลอง นาเกลือ และริมถนนทั่วไป ใบหญ้าเกล็ดปลา ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบเรียว ส่วนขอบใบหยักเป็นแบบฟันปลาตั้งแต่กลางใบจนถึงปลายใบ ส่วนขอบใบด้านล่างเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-7 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 0.5-1.3 เซนติเมตร แผ่นใบค่อนข้างหนา ผิวใบทั้งสองด้านมีขนแบบ 2 แขน ก้านใบยาวประมาณ 1-4 มิลลิเมตร และมีขนแบบ 2 แขน ดอกหญ้าเกล็ดปลา ออกดอกเป็นช่อเชิงลด รูปกลม โดยจะออกตามซอกใบ ช่อดอกยาวประมาณ 0.2-0.21 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาวประมาณ 3-8 เซนติเมตร
Tumblr media
           ส่วนก้านดอกย่อยไม่มี ดอกมีใบประดับเป็นรูปหัวใจ มีขนาดกว้างประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร ปลายใบเป็นติ่งแหลม ผิวด้านนอกมีขน ส่วนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นถ้วยที่ฐานเล็กน้อย ปลายแยกเป็นกลีบ 2 กลีบ ในแต่ละกลีบจะเป็นรูปหอก กว้างประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1-2.5 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นแฉก 4 แฉกเล็กน้อย ในแต่ละแฉกเป็นรูปกลม มีขนาดกว้างประมาณ 0.2-0.3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 0.2-0.5 มิลลิเมตร ผิวด้านนอกมีขน ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 อัน อยู่บริเวณปลายของหลอดกลีบดอก โดยที่ 2 อัน จะอยู่ต่ำกว่าเล็กน้อย (แบ่งเป็นเกสรเพศผู้ขนาดสั้น 2 อัน และยาว 2 อัน) อับเรณูเป็นรูปกลม ยาวประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ติดก้านชูเกสรที่ฐาน ก้านชูเกสรเป็นรูปแท่งยาวประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ส่วนเกสรเพศเมีย รังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ ลักษณะเป็นรูปรี 2 อันประกบกัน แต่ละอันมีความยาวได้ประมาณ 0.1-1 มิลลิเมตร ก้านชูเกสรยาวประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร ยอดเกสรเป็นก้อนกลมเล็ก ผลหญ้าเกล็ดปลา ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยงหุ้มอยู่ เมื่อผลแก่เต็มที่จะแยกออกจากกันเป็นเมล็ดแข็ง 2 เมล็ด
Tumblr media
สรรพคุณของหญ้าเกล็ดปลา
           ใช้เป็นยาแก้ไข้ ด้วยการใช้ลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยา (ลำต้น) ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด ด้วยการใช้ลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยา (ลำต้น) ใช้ลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ปัสสาวะเป็นเลือด และช่วยขับปัสสาวะ (ลำต้น) ลำต้นใช้ภายนอกนำมาต้มเอากาก ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง แผลมีหนอง และแผลฟกช้ำ (ลำต้น)
Tumblr media
วิธีการใช้
           ยาแก้ไข้ นำลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยา ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด นำลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยา ยาแก้ขับปัสสาวะเป็นเลือด และช่วยขับปัสสาวะ นำลำต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ขับปัสสาวะเป็นเลือด และช่วยขับปัสสาวะ ยาพอกบริเวณที่เป็นแผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง แผลมีหนอง และแผลฟกช้ำ นำลำต้นมาต้มเอากาก ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง แผลมีหนอง และแผลฟกช้ำ
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได���ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย เว็บสล็อต ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย        
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
ว่านพร้าว
ชื่อสมุนไพร : ว่านพร้าว ชื่อเรียกอื่น ๆ : ว่านสากเหล็ก, เชียงเม้า, เซียงเม้า (จีนแต้จิ๋ว) และ เซียนเหมา (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curculigo orchioides Gaertn. ชื่อสามัญ : Bach Musale และ Common Curculigo Rhizome วงศ์ : AMARYLLIDACEAE
Tumblr media
ลักษณะสมุนไพรว่านพร้าว
           ต้นว่านพร้าว จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุหลายปี มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้ามีขนาดยาว ใหญ่ และกลม มีเนื้อนิ่ม แตกรากเลื้อยมาก แทงลงใต้ดิน รากยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เปลือกนอกของเหง้าเป็นสีน้ำตาลเข้ม เนื้อในเหง้าเป็นสีขาว ใบว่านพร้าว ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับหรือเรียงรอบวง ต้นหนึ่งจะมีใบประมาณ 3-6 ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปหอกแคบปลายแหลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว มีขนปกคลุมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เส้นใบยาวตามใบ มีเส้นชัดเจน  
Tumblr media
           ดอกว่านพร้าว ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แตกออกเป็นแฉก 6 แฉก มีกาบใบสีม่วงแดงห่อหุ้มอยู่ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร รูปใบแหลม ใจกลางดอกเป็นสีเหลืองจัด ส่วนด้านนอกเป็นสีเหลืองอมขาว ปลายกลีบดอกเป็นสีขาว มีขนปกคลุม ดอกมีเกสรเพศผู้ 6 อัน สั้น ๆ กลีบดอกยาวประมาณ 8-12 มิลลิเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร อยู่ในกาบใบ ผลว่านพร้าว ลักษณะของผลเป็นรูปกลมรี ยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดสีดำ ผิวเรียบเป็นมัน
Tumblr media
ถิ่นกำเนิดว่านพร้าว 
           สำหรับถิ่นกำเนิดของว่านพร้าวนั้น เชื่อกันว่าว่านพร้าวมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศจีนแล้วได้แพร่กระจายพันธุ์ไปยังบริเวณใกล้เคียง อาทิเช่น เวียดนาม พม่า อินเดีย ไทย ลาว กัมพูชา ฯลฯ สำหรับในประเทศไทยนั้น สามารถพบว่าว่านพร้าวได้ทางภาคเหนือของประเทศ ทั้งนี้ยังมีพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้างคลึงกับว่านพร้าว และยังมีชื่อเรียกพ้องกันรวมถึงยังเป็นพืชวงศ์เดียวกันอีกด้วยนั่นก็คือ ว่านสากเหล็ก ซึ่งตามตำรายาไทยจะใช้แทนกันได้ 
Tumblr media
การขยายพันธุ์ว่านพร้าว
           ว่านพร้าวสามารถขยายพันธุ์ได้ โดยการแยกเหง้าและการใช้เมล็ด แต่ส่วนมากจะเป็นการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ โดยการแตกเหง้าเหมือนพืชหัวอื่น ๆ และการที่เมล็ดร่วงหล่นบนพื้นดินแล้วเจริญเป็นต้นใหม่ต่อไป และสำหรับการนำมาใช้ประโยชน์นั้น ก็จะเป็นการไปเก็บเอาเหง้ามาจากป่ามากกว่าการนำไปปลูกเพื่อนำไปใช้หรือปลูกในเชิงพาณิชย์
Tumblr media
สรรพคุณทางยา
           เหง้า ยาแก้กระษัย ขับลมชื้น ช่วยลดไขมันในเลือด ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ยาแก้อาการปวดกระเพาะ ยาแก้ท้องร่วง ยาแก้ไส้เลื่อน ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคช้ำรั่ว ช่วยแก้สตรีตกเลือด ยาแก้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม รักษาอาการน้ำกามเคลื่อนไม่รู้ตัว ยาแก้สตรีวัยทอง ยาบำรุงไต ช่วยทำให้ไตอบอุ่น เสริมหยางของระบบไต แก้หยางของไตไม่พอ ธาตุไฟน้อย ยาแก้ไตพร่อง แก้ระบบไตอ่อนแอ ไตอักเสบเรื้อรัง แก้หยางของม้ามและไตพร่อง ยาบำรุงกระดูกและเส้นเอ็น แก้อาการปวดเส้นเอ็นและกระดูก ยาแก้ปวดหลังปวดเอว เข่าและเอวอ่อนแรง มือเท้าเย็นเนื่องจากลมชื้น หรือการปวดและการชาเรื้อรังจากความเย็นและความชื้น มีฤทธิ์ขับความเย็นและความชื้น ช่วยลดพิษของสมุนไพร เพิ่มฤทธิ์ในการบำรุงหยางของไต ช่วยขับความเย็นและความชื้น เสริมความแข็งแรงของกระดูกและเส้นเอ็น
Tumblr media
วิธีการใช้                               
           ยาแก้กระษัย ขับลมชื้น ช่วยลดไขมันในเลือด ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ยาแก้อาการปวดกระเพาะ ยาแก้ท้องร่วง ยาแก้ไส้เลื่อน ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคช้ำรั่ว ช่วยแก้สตรีตกเลือด ยาแก้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม รักษาอาการน้ำกามเคลื่อนไม่รู้ตัว ยาแก้สตรีวัยทอง ยาบำรุงไต ช่วยทำให้ไตอบอุ่น เสริมหยางของระบบไต แก้หยางของไตไม่พอ ธาตุไฟน้อย ยาแก้ไตพร่อง แก้ระบบไตอ่อนแอ ไตอักเสบเรื้อรัง แก้หยางของม้ามและไตพร่อง ยาบำรุงกระดูกและเส้นเอ็น แก้อาการปวดเส้นเอ็นและกระดูก ยาแก้ปวดหลังปวดเอว เข่าและเอวอ่อนแรง มือเท้าเย็นเนื่องจากลมชื้น หรือการปวดและการชาเรื้อรังจากความเย็นและความชื้น มีฤทธิ์ขับความเย็นและความชื้น ช่วยลดพิษของสมุนไพร เพิ่มฤทธิ์ในการบำรุงหยางของไต ช่วยขับความเย็นและความชื้น เสริมความแข็งแรงของกระดูกและเส้นเอ็น นำเหง้ามาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย หวยออนไลน์ ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย        
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
ลำโพงกาสลัก
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร : ลำโพงกาสลัก ชื่อเรียกอื่น ๆ : มะเขือบ้าดอกดำ (ลำปาง), ลำโพงกาลัก (ชุมพร, สุราษฎร์ธานี), กาสลัก, ลำโพงแดง และลำโพงดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Datura metel L. var. fastuosa (Bernh.) Danert, Datura metel Linn. ชื่อสามัญ : – วงศ์ : SOLANACEAE
Tumblr media
ลักษณะสมุนไพรลำโพงกาสลัก
           ต้นลำโพงกาสลัก จัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี มีความสูงของต้นประมาณ 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม ตามลำต้นและกิ่งก้านเป็นสีม่วง ใบลำโพงกาสลัก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมนและไม่เท่ากัน ส่วนขอบใบจับเป็นซี่ฟันห่าง ๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ดอกลำโพงกาสลัก ออกดอกเดี่ยว โดยจะออกตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีม่วง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายกลีบบานเป็นรูปแตร กลีบซ้อนกัน 2-3 ชั้น ดอกยาวประมาณ 3.5-5.5 นิ้ว ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียวติดกันเป็นหลอดยาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวดอก ผลลำโพงกาสลัก ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม มีขนาดประมาณ 1-1.5 นิ้ว ผิวเป็นขนคล้ายหนามเป็นตุ่ม เนื้ออ่อนเป็นตุ่ม ๆ รอบ ขั้วเป็นแผ่นกลมหนาริมคม ผลเป็นสีเขียวอมม่วง พอผลแห้งจะแตกออกได้ ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีลักษณะกลมแบนคล้ายเมล็ดมะเขือ
Tumblr media
สรรพคุณทางยา 
           ราก ยาแก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้เซื่องซึม ทาแก้พิษร้อน ดับพิษฝี แก้ปวดบวม แก้อักเสบ ดอก แก้อาการหอบหืด แก้การบีบตัวของหลอดลม แก้โพรงจมูกอักเสบ และแก้ริดสีดวงจมูก เมล็ด ยาแก้ไข้ แก้ไข้กระสับกระส่าย ยาใส่แผล แก่กลาเกลื้อน หิด เหา ผื่นคัน ยาแก้กลากเกลื้อนผื่นคัน บรรเทาอาการปวดเมื่อย ขัดยอก ใบ แก้หอบหืด และขยายหลอดลม ช่วยแก้สะอึกในไข้พิษกาฬ ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการเมารถเมาเรือ ยาทาแก้อักเสบเต้านม ช่วยแก้อาการปวดเกร็งท้องได้ ทำให้ฝียุบ แก้ปวดบวมอักเสบ
Tumblr media
วิธีการใช้
           ยาแก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ไข้เซื่องซึม ทาแก้พิษร้อน ดับพิษฝี แก้ปวดบวม แก้อักเสบ นำรากต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน แก้อาการหอบหืด แก้การบีบตัวของหลอดลม แก้โพรงจมูกอักเสบ และแก้ริดสีดวงจมูก นำดอกต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน ยาแก้ไข้ แก้ไข้กระสับกระส่าย ยาใส่แผล แก่กลาเกลื้อน หิด เหา ผื่นคัน ยาแก้กลากเกลื้อนผื่นคัน บรรเทาอาการปวดเมื่อย ขัดยอก นำใช้เมล็ด 30 กรัม นำมาทุบให้พอแหลก แล้วนำมาแช่กับน้ำมันพืชประมาณ 7 วัน ใช้ทาบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อยหรือขัดยอก แก้หอบหืด และขยายหลอดลม ช่วยแก้สะอึกในไข้พิษกาฬ ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการเมารถเมาเรือ นำใบต้มกับน้ำดื่มรับประทาน ยาทาแก้อักเสบเต้านม ช่วยแก้อาการปวดเกร็งท้องได้ ทำให้ฝียุบ แก้ปวดบวมอักเสบ นำใบทาแผล
Tumblr media
พิษของลำโพงกาสลัก
           ผลและเมล็ดลำโพงกาสลักเป็นพิษ โดยมีสารอัลคาลอยด์ hyoscine และ hyoscyamine หากรับประทา��เข้าไป อาการที่แสดงข้างต้น คือ ปากแห้ง กระหายน้ำมาก สายตาพร่ามัว ม่านตาขยายและปรับสายตาไม่ได้ ทำให้ตาไม่สู้แสง ผิวหนังร้อนแดง มีผื่นแดงตามใบหน้า คอ และหน้าออก มีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ รู้สึกสับสน การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ ถ้าหากได้รับมากมจะมีอาการวิกลจริต เพ้อคลั่ง เคลิ้มฝัน และมีอาการทางจิตและประสาท ตาแข็ง ตื่นเต้น หายใจได้ไม่สะดวก พูดไม่ออก หายใจได้ช้าลง ตัวเขียว เมื่อแก้พิษจนหายแล้ว จะมีอาการวิกลจริตตลอดไป เพราะรักษาไม่ค่อยหาย
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย สล็อตPGแตกง่าย ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย  
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
อีเหนียว
Tumblr media
ชื่อสมุนไพร : อีเหนียว ชื่อเรียกอื่น ๆ : นางเหนียว, หนาดออน, อีเหนียวเล็ก (ภาคกลาง), หญ้าตืดแมว (ภาคเหนือ), หนูดพระตัน,หนูดพระผู้ (ภาคใต้), กระตืดแป (เลย), กระดูกอึ่ง, อ้ายเหนียว (กาญจนบุรี), นอมะช่าย (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) และ หงหมู่จีเฉ่า (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Desmodium gangeticum (L.) DC. ชื่อสามัญ : – วงศ์ : LEGUMINOSAE
Tumblr media
ลักษณะสมุนไพรอีเหนียว
           ต้นอีเหนียว จัดเป็นไม้พุ่ม ลำต้นตั้งตรง มีความสูงของต้นประมาณ 60-150 เซนติเมตร กิ่งก้านอ่อน แตกกิ่งก้านที่ปลาย ตามลำต้นมีขนปกคลุมหนาแน่นถึงปานกลาง มีขนาดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร[1],[2] มีเขตการกระจายพันธุ์แอฟริกา เอเชีย มาเลเซีย และพบในทุกภาคของประเทศไทยตามป่าโปร่งทั่วไป ป่าเปิดใหม่ ที่ระดับสูงถึง 1,900 เมตร จากระดับน้ำทะเล ใบอีเหนียว ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อยใบเดียว (ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ) ลักษณะของใบเป็นรูปวงรีกว้างถึงรูปไข่ ปลายใบมน แหลม หรือเรียวแหลม โคนใบมนหรือกลมเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3.5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-13 เซนติเมตร เนื้อใบบาง หลังใบเป็นสีเขียว ส่วนท้องใบเป็นสีเขียวอมเทา มีก้านใบยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร
Tumblr media
            ดอกอีเหนียว ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร ในช่อหนึ่งมีหลายกระจุก กระจุกหนึ่งมีดอกประมาณ 2-6 ดอก รวมเป็นช่อแยกแขนง ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมขาวหรือสีชมพู แกนกลางมีขนรูปตะขอโค้ง ใบประดับร่วงได้ง่ายทั้งคู่ ไม่มีใบประดับย่อย ก้านดอกย่อยยาว กลีบเลี้ยงดอกเชื่อมติดกันเป็นรูประฆังกว้าง ปลายแยกเป็นแฉก 4 แฉก กลีบเลี้ยงยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปดอกถั่วสีขาวถึงสีชมพูอ่อน กลีบดอกยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร มีขนปกคลุม ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน เชื่อมติดกัน แยกเป็นสองมัด รังไข่มีขน ก้านดอกยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ออกดอกมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม ผลอีเหนียว ออกผลเป็นฝักรูปแถบ ฝักมีลักษณะแบนโค้งงอเล็กน้อย แบ่งเป็นข้อ ๆ ฝักหนึ่งจะมี 7-9 ข้อ ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1.2-2 เซนติเมตร ตามผิวมีขนรูปตะขอโค้งสั้น เมล็ดอีเหนียวมีลักษณะเป็นรูปไต และมีเยื่อหุ้มเมล็ด
Tumblr media
สรรพคุณทางยา 
           ราก ยาแก้ไข้ แก้อาการปวดศีรษะ แก้ตัวร้อน ยาแก้ปวดฟัน ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ลำไส้อักเสบ ยาขับพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก ยาขับปัสสาวะ ทั้งต้น ยาแก้ลมขึ้นศีรษะทำให้ปวดศีรษะ ยาแก้อาการปวดท้อง ปวดกระเพาะ ยาแก้ฝีเย็นทั้งภายในและภายนอก ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ปวดบวม และใช้เป็นยาชาเฉพาะที่บริเวณภายนอก ยาขับความเย็นชื้นในร่างกาย ช่วยกระจายลมชื้น แก้ปวดข้อหรือลมจับโปง นิ้วมือนิ้วเท้าเป็นเหน็บชาหรือหงิกงอขยับไม่สะดวก แก้ปวดก้นกบ แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต ยาแก้อาการปวดข้ออันเนื่องมาจากลมชื้นหรือรูมาติซั่ม ปวดขา ปวดเอว ใบ ยาลดนิ่วในท่อน้ำดีและไต
Tumblr media
วิธีการใช้                                   
           ยาแก้ไข้ แก้อาการปวดศีรษะ แก้ตัวร้อน ยาแก้ปวดฟัน ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ลำไส้อักเสบ ยาขับพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก ยาขับปัสสาวะ นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน ยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อตับ ใช้เป็นยาแก้เส้นเลือดอุดตัน ยาช่วยบำรุงโลหิต ช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด และช่วยลดระดับน้ำตาล ยาบำรุงกำลัง ยาแก้ไข้ ยาถ่าย ยาขับพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก ยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ หรือประจำเดือนไม่มาของสตรี ยาห้ามเลือด ยาแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้ปลายประสาทผิวหนังอักเสบ ยาแก้อาการปวด บวมช้ำ ฟกช้ำ นำทั้งต้นหัวมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน ยาลดนิ่วในท่อน้ำดีและไต นำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย สล็อตแตกง่าย ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย       
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
หูกวาง
Tumblr media
หูกวาง ชื่อสามัญ Bengal almond, Indian almond, Olive-bark tree, Sea almond, Singapore almond, Tropical Almond, Umbrella Treeหูกวาง ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia catappa L. จัดอยู่ในวงศ์สมอ (COMBRETACEAE)
สมุนไพรหูกวาง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตาปัง (พิษณุโลก, สตูล), โคน (นราธิวาส), หลุมปัง (สุราษฎร์ธานี), คัดมือ ตัดมือ (ตรัง), ตาแปห์ (มลายู-นราธิวาส) เป็นต้น[1] (ต้นหูกวางเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดตราด)
Tumblr media
ลักษณะของต้นหูกวาง
           ต้นหูกวาง จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง ที่มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร บางครั้งอาจสูงได้ถึง 30-35 เมตร (แต่ไม่ค่อยพบต้นที่ใหญ่มากในประเทศไทย) มีเรือนยอดหนาแน่น แตกกิ่งก้านแผ่ออกในแนวราบเป็นชั้น ๆ คล้ายฉัตร ลำต้นเปลาตรง ต้นที่มีอายุมากและมีขนาดใหญ่จะเป็นพูพอนที่โคนต้น เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาเกือบเรียบ แตกเป็นร่องแบบตื้น ๆ ตามแนวนอนและแนวตั้ง และลอกออกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ทั่วไป กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล ส่วนเนื้อไม้เป็นสีแดง เป็นกลีบเล็กน้อย มีเสี้ยนไม้ละเอียดสามารถขัดชักเงาได้ดี ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด บางครั้งน้ำหรือค้างคาวก็ช่วยในกระจายพันธุ์ได้ด้วยเช่นกัน และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำได้ดีอย่างดินร่วนพอควรหรือปนทราย[1],[2] หูกวางเป็นพันธุ์ไม้ในป่าชายหาดที่พบขึ้นกระจายตามชายฝั่งทะเล พบปลูกทั่วตั้งแต่ประเทศอินเดียจนถึงตอนเหนือของทวีปออสเตรเลียทางตอนเหนือ ต้นหูกวางเป็นพืชทิ้งใบ โดยทั่วไปแล้วจะทิ้งใบ 2 ครั้ง ในรอบ 1 ปี หรือในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือยกุมภาพันธ์ และอีกช่วงในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งก่อนขจะทิ้งใบ ใบหูกวางจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีส้มแดง
Tumblr media
           ในปัจจุบันนี้ได้มีการนำต้นหูกวางมาปลูกทั่วไปในพื้นที่เขตร้อนอย่างทวีปเอเชีย ส่วนในประเทศไทยมักพบขึ้นตามชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ (ตราดและชลบุรี) ภาคตะวันตกเฉียงใต้ (ประจวบคีรีขันธ์และกาญจนบุรี) และภาคใต้ (นราธิวาส ตรัง และสุราษฎร์ธานี) ใบหูกวาง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับกันเป็นกระจุกหนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมเป็นติ่งสั้น ๆ (ปลายใบกว้างกว่าโคนใบ) โคนใบมนเว้าหรืแสอบแคบเป็นรูปลิ่ม และมีต่อมเล็ก ๆ หนึ่งคู่อยู่ที่โคนใบบริเวณท้องใบ ส่วนขอบใบเรียบเป็นคลื่นหยักเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-25 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบมีขน เนื้อใบหนา ใบอ่อนเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นเขียวเข้ม แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงเมื่อใกล้ร่วงหรือผลัดใบ มีก้านใบยาวประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร มีขน มักผลัดใบในช่วงฤดูหนาวในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ดอกหูกวาง ออกดอกเป็นช่อยาวแบบติดดอกสลับ โดยจะออกตามซอกใบ ลักษณะเป็นแท่งยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร มีดอกย่อยเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ดอกมีขนาดเล็กและไม่มีกลิ่นหอม (บางข้อมูลว่ามีกลิ่นฉุนด้วยเล็กน้อย) ดอกเป็นแบบแยกเพศแต่อยู่ในช่อเดียวกัน ดอกเพศผู้จะอยู่บริเวณปลายช่อ
Tumblr media
           ส่วนดอกเพศเมียจะอยู่บริเวณโคนช่อ (อีกข้อมูลระบุว่าดอกแบบสมบูรณ์จะอยู่โคนช่อ) ไม่มีกลีบดอก มีแต่กลีบเลี้ยงดอก 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉกรูปสามเหลี่ยม 5 แฉก มีขนด้านนอก ดอกเกสรเพศผู้มี 10 ชั้น ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 0.4-0.6 เซนติเมตร โดยดอกจะออกดอกสองครั้งรอบ 1 ปี คือ ในช่วงฤดูหนาวหลังจากแตกใบใหม่ (เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม) และอีกครั้งในช่วงฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม) ผลหูกวาง ผลเป็นผลเดี่ยวในแต่ละผลมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรีค่อนข้างแบนเล็กน้อย ผลแข็ง มีขนาดกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร ผลด้านข้างเป็นแผ่นหรือเป็นสันบาง ๆ นูนออกรอบผล ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอมเขียว และมีกลิ่นหอม ผิวผลเรียบ ผลเมื่อแห้งจะเป็นสีดำคล้ำ เปลือกผลมีเส้นใย ภายในมีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีขนาดใหญ่ เหนียว และเปลือกในแข็ง โดยผลจะแก่ในช่วงในช่วงแรกประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน และอีกช่วงหนึ่งประมาณพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน เมล็ดหูกวาง ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่หรือรูปรี แบนป้อมเล็กน้อยคล้ายกับผล เมื่อเมล็ดแห้งจะเป็นสีน้ำตาล แข็ง ภายในมีเนื้อมาก
Tumblr media
ความเชื่อเกี่ยวกับไม้มงคล
           ต้นหูกวางจะมีสรรพคุณในแง่ของการเสริมฮวงจุ้ยให้กับตัวบ้านเป็นหลัก เนื่องจากลักษณะของพุ่มใบที่หนาและค่อนข้างทึบ ให้ร่มเงาได้ดี และยังมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศ นับเป็นต้นไม้ธาตุเย็น ที่จะเสริมให้บ้านมีความร่มรื่นขึ้นได้ ปรับสมดุลพลังงานความร้อนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คนในบ้านจึงมีอารมณ์เย็นลง หากโกรธง่ายก็หายได้รวดเร็ว คนที่ต้องทำงานใช้ความคิด หากจัดมุมทำงานให้ได้รับร่มเงาของต้นหูกวาง ก็จะช่วยให้มีสมาธิและมีไอเดียสร้างสรรค์มากขึ้น นอกจากนี้ยังดีต่อคนที่มีธาตุไฟโดยกำเนิดอีกด้วย แต่ทั้งนี้ ต้นหูกวางก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการดูแลและบางส่วนของหูกวางที่ทำให้เกิดความระคายเคืองได้ จึงต้องวางแผนก่อนปลูกให้รอบคอบ
Tumblr media
ประโยชน์ของหูกวาง
           เมล็ดหูกวางสามารถนำมารับประทานได้ และยังมีโปรตีนที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราอีกด้วย เมล็ดสามารถนำเอาไปทำเป็นน้ำมันเพื่อนำไปใช้บริโภค (คล้ายน้ำมันอัลมอนด์) หรือทำเครื่องสำอางได้ เปลือกและผลมีสารฝาดมาก สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมย้อมสีผ้า ฟอกหนังสัตว์ และทำหมึกได้ ในอดีตมีการนำเอาเปลือกผลซึ่งมีสารแทนนินมาใช้ในการย้อมหวาย และได้มีการทดลองใช้ใบเพื่อย้อมสีเส้นไหม พบว่าสีที่ได้คือสีเหลือง สีเขียวขี้ม้า หรือสีน้ำตาลเขียว เนื้อไม้หูกวาง สามารถนำมาใช้ในการก่อสร้าง ทำบ้านเรือน หรือเครื่องเรือนได้ดี เพราะเป็นไม้ที่ไม่มีมอดและแมลงมารบกวน หรือนำมาใช้ทำฟืนและถ่านก็ได้
Tumblr media
สนับสนุนโดย เว็บFast98 เล่นได้ทันที ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก มีเกมและกีฬาให้เลือกอย่างมากมาย พนันบอล ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในไทย สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย  
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
หญ้าต้อมต๊อก
Tumblr media
หญ้าต้อมต๊อก ชื่อสามัญ Black nightshade, Common nightshade, Deadly nightshade
หญ้าต้อมต๊อก ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum nigrum L. จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE)
สมุนไพรหญ้าต้อมต๊อกมีชื่อท้��งถิ่นอื่น ๆ ว่า หญ้าต้มตอก หญ้าต้อมต๊อก (เชียงใหม่), ทุมขัน (นครราชสีมา), ข่าอม (ประจวบคีรีขันธ์), ประจาม (สงขลา), แว้งนก (สุราษฎร์ธานี), ออเตียมกุย โอเตียมกุย (จีน, กรุงเทพฯ), หลงขุย ขู่ขุย (จีนกลาง), สะกอคระ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), ด่อกะริ่ว (ปะหล่อง), บ่ะดีด แผละแคว้ง (ลั้วะ), น้ำใจใคร เป็นต้น
Tumblr media
ลักษณะของหญ้าต้อมต๊อก
           ต้นหญ้าต้อมต๊อกเป็นวัชพืชที่พบได้ตามที่รกร้างทั่วไป จัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก อายุประมาณ 1 ปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ลำต้นกลมมน เป็นเหลี่ยมสัน หรือเป็นร่องและมีขนปกคลุมเล็กน้อย มีความสูงของต้นประมาณ 30-90 เซนติเมตร หรืออาจสูงได้ถึง 1 เมตร แตกกิ่งก้านมาก รากมีลักษณะกลมยาวเป็นสีเหลืองอ่อน แตกรากฝอยมาก ใบหญ้าต้อมต๊อกใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปขอบขนาน รูปไข่แกมขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมใบหอก ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ เป็นคลื่น หยักเล็กน้อย เว้าเป็นพูตื้น ๆ หรือหยักซี่ฟันเป็นแฉก ๆ ที่บริเวณโคนใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-10 เซนติเมตร ผิวใบเรียบหรือมีขน ก้านใบยาวประมาณ 0.5-1.2 เซนติเมตร ดอกหญ้าต้อมต๊อก ออกดอกเป็นช่อแบบซี่ร่ม โดยจะออกบริเวณเหนือซอกใบ ช่อดอกมีดอกย่อยขนาดเล็กประมาณ 4-10 ดอก และอาจมีได้ถึง 20 ดอก ก้านช่อดอกยาวประมาณ 6 มิลลิเมตร ส่วนก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2.5 มิลลิเมตร ดอกมีลักษณะเป็นรูประฆัง กลีบเลี้ยงมีขนาดเล็กมาก ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว มี 5 กลีบ ขนาดกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร ใจกลางดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง 5 อัน ก้านดอกมีขนปกคลุมเล็กน้อย ผลหญ้าต้อมต๊อก ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม มีขนาดกว้างประมาณ 4-7 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำหรือสีดำ
Tumblr media
สรรพคุณของหญ้าต้อมต๊อก
           ชาวเขาเผ่าอีก้อและมูเซอจะใช้รากและผลหญ้าต้อมต๊อก นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย (ราก, ผล) ใช้รักษาเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้ผลแห้งนำมาบดให้เป็นผง ตวง 1-2 ช้อนชา ในน้ำร้อน 1 แก้ว ใช้ดื่มเช้าและเย็น (ผลสุก) ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ผลสุก) ใช้เป็นยารักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก (ทั้งต้น) ทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น มีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ใช้เป็นยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ประสะเลือดให้เย็น แก้ไข้หวัดตัวร้อน ไข้หวัดแดด (ทั้งต้น) ตำรายาแก้ไข้หวัดแดด จะใช้ต้นสด 35 กรัม นำมาต้มกับน้ำใส่น้ำตาลแดงเล็กน้อยรับประทานเป็นยา (ทั้งต้น) ผลมะแว้งสุกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ (ผลสุก) ผลสุกและดอกหญ้าต้อมต๊อกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ (ดอก, ผลสุก) ส่วนชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่จะนำรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)
Tumblr media
พิษของหญ้าต้อมต๊อก
           ส่วนที่เป็นพิษ : ผลดิบ มีสารพิษ Slanine ออกฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร อาการเป็นพิษ : ความเป็นพิษจะเกิดหลังจากกินพืชที่มีสารชนิดนี้หลายชั่วโมง โดยจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปากและคอหอย แล้วจึงมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง และท้องร่วง อุณหภูมิในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนอาการอื่น ๆ ที่พบคือ เหงื่อออก ปวดศีรษะ น้ำลายไหลมากกว่าปกติ หายใจติดขัดและกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย ส่วนอาการเป็นพิษในขั้นสุดท้าย คือ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เนื่องจากลำไส้เป็นแผล ปัสสาวะเป็นเลือดเนื่องจากไตชำรุด ชักกระตุก หมดสติ และมีอุณหภูมิลดต่ำลง วิธีการรักษา : ถ้ายังไม่อาเจียนให้ทำการล้างท้อง โดยผสมผงถ่านใน Gavage ด้วย และให้น้ำเกลือเพื่อป้องกันการช็อก ต้องระวังอาการไตวาย ให้ยาเคลือบกระเพาะอาหาร และถ้ามีอาการชัก ควรให้ยาแก้ชัก
Tumblr media
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
เสาวรส
เสาวรส ชื่อสามัญ Passion Fruit, Jamaica honey-suckle, Yellow granadilla
เสาวรส ชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora edulis Sims จัดอยู่ในวงศ์กะทกรก (PASSIFLORACEAE)
           เสาวรส (กะทกรกฝรั่ง) เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกาใต้ ผลมีลักษณะกลม ผลอ่อนจะมีสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะมีหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ คือ สีม่วง สีเหลือง สีส้ม ซึ่งในบ้านเรานี้จะปลูกทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยในผลเสาวรสนั้นจะมีเมล็ดจำนวนมาก มีกลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสออกเปรี้ยวจัด แต่บางสายพันธุ์จะมีรสออกอมหวานด้วย
Tumblr media
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของเสาวรส
           เสาวรส เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งมีอายุหลายปี ลำเถาค่อนข้างใหญ่เกาะเกี่ยวเลื้อยพันโดยใช้มือจับที่เป็นเส้น ออกมาตรงซอกใบ ลักษณะดอกเป็นดอกเดี่ยวสมบูรณ์เพศ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 6-8 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาวหรือสีเขียว กลีบรูปรี มีรยางค์เรียงเป็นวง สีขาวปลายม่วง มีดอกตลอดปี ดอกมีกลิ่นหอมมากและหอมตลอดทั้งวัน ดอกเสาวรสจะเกิดที่ข้อบริเวณโคนก้านใบของเถาใหม่พร้อมกับการเจริญของเถา โดยต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ด จะออกดอกติดผลเมื่อต้นมีอายุประมาณ 4-5 เดือน หลังปลูกลงแปลง
Tumblr media
           แต่ถ้าเป็นต้นที่เสียบยอดหรือปักชำ จะสามารถออกดอกติดผลได้เร็วขึ้น ผล เป็นรูปไข่หรือไข่ยาว ขึ้นกับสายพันธุ์ มีทั้งผิวผลสีม่วง สีเหลือง สีส้มอมน้ำตาล เปลือกผลเรียบ เนื้อรับประทานได้ มีเมล็ดจำนวนมากอยู่ตรงกลาง ชั้นในสุดของเปลือกเป็นเยื่อสีขาวที่เรียกว่า รก (เป็นทีมาของชื่อกระทกรก) เมล็ดมีสีดำ อยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นถุง กลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสเปรี้ยวจัด บางพันธุ์มีรสเปรี้ยวอมหวาน เสาวรส สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ไม่ควรปลูกในดินที่ระบายน้ำเลว พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยมี 3 พันธุ์ คือพันธุ์ผลสีม่วง พันธุ์ผลสีเหลือง และ พันธุ์ลูกผสม
Tumblr media
วิตามินและแร่ธาตุประโยชน์และสรรพคุณเสาวรส
           มีวิตามินเอ มีวิตามินซี มีธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี5 มีวิตามินบี6 มีวิตามินบี9 มีโปรตีน มีธาตุเหล็ก มีธาตุแมกนีเซียม มีคาร์โบไฮเดรต มีเบต้าแคโรทีน มีเส้นใย มีโพแทสเซียม มีพลังงาน มีโซเดียม มีสังกะสี มีไขมัน มีโพลิก มีแมงกานีส มีไฟเบอร์ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยบรรเทาโรคเบาหวาน ช่วยรักษาแผลแดดไหม้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ช่วยลดอาการปวด ช่วยบรรเทาข้ออักเสบ ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดไขมันอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคมะเร็ง ช่วยรักษาอาการไอ ช่วยลดความอ้วน ช่วยให้ภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยขับสารพิษ ช่วยให้นอนหลับง่าย ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ ช่วยรักษาปัสสาวะอักเสบ แก้ท้องผูก ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงฟัน หอบหืด ช่วยรักษาหิด แก้ไอ ช่วยขับเสมหะ ช่วยบำรุงปอด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงตับ ช่วยบำรุงไต
Tumblr media
การเตรียมเมล็ดและการเพาะเมล็ด            เมล็ดที่ใช้เพาะกล้า ควรเลือกจากผลเสาวรสที่มีผลขนาดใหญ่ ผลมีความสมบูรณ์ เปลือกผลเป็นมันวาว ไม่มีรอยกัดแทะของแมลง เมื่อเลือกผลได้แล้ว ให้ผ่าครึ่งผล จากนั้น ใช้ช้อนตักเมล็ดออกรวมกันใส่ถ้วย จากนั้น นำเมล็ดมาใส่ผ้าขาวบาง แล้วนำไปขยี้ให้น้ำ และเยื่อหุ้มเมล็ดหลุดออกจากเมล็ด จากนั้น นำเมล็ดมาล้างทำความสะอาด พร้อมขยำในน้ำอีกรอบ ก่อนจะนำเมล็ดมาตากผึ่งแดดให้แห้ง นาน 5-7 วัน ก่อนจะห่อด้วยผ้าขาวเก็บพักไว้ในที่ร่มนาน 1-2 เดือน ค่อยนำมาเพาะ (พักไว้เพื่อให้เมล็ดเข้าสู่ระยะพักตัว) ทั้งนี้ เสาวรส 1 ผล จะแยกเมล็ดได้ประมาณ 150-200 เมล็ดการปลูกเสาวรสด้วยต้นกล้าจากเมล็ดเป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะสะดวก รวดเร็ว และได้ต้นกล้าจำนวนมาก อีกทั้ง ต้นที่เติบโตสามารถแตกกิ่งได้มาก และลำต้นมีความแข็งแรงมากกว่าต้นที่ได้จาการตอนกิ่งหรือการปักชำ
Tumblr media
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
เลมอน
เลมอน ชื่อสามัญ Lemon (อ่านว่า เล-ม่อน)
เลมอน ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus limon (L.) Osbeck (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Citrus × limonum Risso, Citrus × limonia Osbeck) จัดอยู่ในวงศ์ส้ม (RUTACEAE)
Tumblr media
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
           ลำต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีทรงพุ่ม ลำต้นมีลักษณะทรงกลม เป็นเนื้อไม้แข็งและเหนียว มีผิวเรียบ ลำต้นมีกิ่งมีหนามแหลมยาวที่ปลายยอด กิ่งอ่อนสีเขียว กิ่งแก่มีสีน้ำตาล ใบ เป็นใบเดี่ยว มีลักษณะทรงรี พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมาก เพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อนกว่า ใบมีสีเขียว ดอก จะมีดอกออกเดี่ยว อยู่เป็นกระจุก กลีบดอกมีสีขาว มีเกสรสีเหลือง และมีกลิ่นหอม ผล มีลักษณะทรงกลมรี ปลายผลมีติ่งแหลม ขั้วหัวของผลเป็นจุก ผิวเปลือกหนาเรียบมัน ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด ภายในผลจะมีเนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดจำนวนมาก ๆ อยู่ข้างใน รสชาติเปรี้ยวจัด นำมาทำน้ำมันหอมระเหยจากผิว เมล็ด มีลักษณะทรงรี มีสีขาวนวล จะมีเมล็ดจำนวนมาก ๆ อยู่ข้างในผล
Tumblr media
แร่ธาตุวิตามินของเลมอนและสรรพคุณประโยชน์
           มีวิตามินเอ มีวิตามินซี มีแคลเซียม มีฟอสฟอรัส มีวิตามินอี มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีวิตามินบี5 มีวิตามินบี6 มีวิตามินบี9 มีโปรตีน มีเหล็ก มีแมกนีเซียม มีคาร์โบไฮเดรต มีเส้นใย มีโพแทสเซียม มีโซเดียม มีน้ำตาล มีไขมัน แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม ช่วยป้องกันหวัด แก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยสมานแผล ช่วยรักษาเลือดออกตามไรฟัน ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดแข็ง ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ช่วยบำรุงตับ ช่วยล้างลำไส้ ช่วยละลายก้อนนิ่วในไต ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วย ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง มีอนุมูลอิสระ
Tumblr media
วิธีการปลูกเลมอน
           นำขุยมะพร้าวป่นไปแช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืน จากนั้นนำใส่ถุงพลาสติกรัดด้วยยางซึ่งเรียกว่า “ตุ้มหุ้ม” เลือกกิ่งตอนที่สมบูรณ์ ลักษณะกิ่งอ่อน กิ่งแก่ กิ่งอวบ ใบมีสีเขียว ไม่แคระแกร็น นำมาควั่นกิ่ง ลอกเปลือกออก แล้วใช้มีดขูดเยื่อเจริญซึ่งเป็นเมือกลื่น ๆ ออกเบา ๆ นำตุ้มหุ้มมาผ่าตามความยาว แล้วนำไปหุ้มตรงบริเวณรอยแผลของกิ่งตอน มัดด้วยเชือกฟางทั้งบนและล่างของรอยแผล นำกระดาษหุ้มอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งตอนได้รับแสงมากเกินไป เพราะหากได้รับแสงมากจะทำให้รากงอกน้อยลง ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์ หรือประมาณ 37 วัน จึงสามารถตัดออกจากต้นและนำไปปักชำลงดินได้ หากเราตัดกิ่งตอนมาปักชำก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะทำให้ต้นมะนาวมีโอกาสตายสูง เพราะรากไม่แข็งแรง
Tumblr media
การดูแล
           พันธุ์นี้โดดเด่นในเรื่องการมาจากสถานที่อบอุ่นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเติบโตจึงจำเป็นต้องแน่ใจว่าได้ทำในสถานที่ที่สามารถให้แสงแดดได้และที่อุณหภูมิประมาณ 17-28 องศาภายในพื้นที่เย็นและชื้น . อย่างไรก็ตามหากปลูกในสถานที่ที่มีความเสี่ยงทั้งพายุรุนแรงและน้ำค้างแข็ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญ ใช้วัสดุบางอย่างที่ระบายอากาศได้ โดยปกติจะขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แต่ก็สามารถทำได้โดยการต่อกิ่งในพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็กดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะปลูกพันธุ์นี้ในกระถาง ไม่ว่ากรณีใด ๆ, สิ่งที่แนะนำที่สุดคือปลูกในช่วงฤดูหนาว
Tumblr media
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
ลูกยอ
ยอ ชื่อสามัญ Great morinda, Tahitian noni, Indian mulberry, Beach mulberry หรือจะเรียกตามแหล่งที่ปลูกหรือภาษา เช่น Noni (จากฮาวาย), Meng kudu (มาเลเซีย), Ach (ฮินดู)
ยอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia L. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)
ลักษณะทั่วไปยอ
           ลำต้นยอเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 2-6 เมตร ลำต้นมีขนาดเล็ก ขนาดโตเต็มที่ 5-10 เซนติเมตร ขึ้นกับอายุ และความอุดมสมบูรณ์ของดิน เปลือกลำต้นบางติดกับเนื้อไม้ ผิวเปลือกออกสีเหลืองนวลแกมขาว หยาบสากเล็กน้อย แตกกิ่งน้อย 3-5 กิ่ง ทำให้แลดูไม่เป็นทรงพุ่ม
Tumblr media
ใบใบเป็นใบเดี่ยว (simple leaf) แทงออกตรงข้ามกันซ้ายขวา มีรูปทรงรี หรือขอบขนาน ใบกว้างประมาณ 10-20 ซม. ยาวประมาณ 15-30 ซม. ใบอ่อนสีเขียวสด เมื่ออายุใบมากจะมีสีเขียวเข้ม ก้านใบยาวประมาณ 1 ซม. โคนใบ และปลายใบมีลักษณะแหลม ขอบใบ และผิวใบเป็นคลื่น ผิวใบมันเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านบนใบมักพบเป็นตุ่มที่เกิดจากแบคทีเรีย
           ดอก  ดอกออกเป็นช่อกลมเดี่ยว ๆ สีขาว รูปทรงเหมือนหลอด ดอกแทงออกตามง่ามใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 3-4 ซม. ไม่มีก้านดอกย่อย จัดเป็นดอกสมบูรณ์เพศที่มีทั้งเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย กลีบรองดอก และโคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน กลีบดอกมีสีขาว เป็นรูปท่อ ยาวประมาณ 8-12 มม. ผิวดอกด้านนอกเรียบ ด้านในมีขน ดอกส่วนครึ่งปลายบนแยกเป็น 4-5 แฉก ยาวประมาณ 4-5 มม. เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ยาวประมาณ 15 มม. แยกเป็น 2 แฉก อับเรณูยาวประมาณ 3 มม.
Tumblr media
           ผล  ผลเป็นชนิดผลรวม (multiple fruit) เช่นเดียวกับน้อยหน่า และขนุน เชื่อมติดกันเป็นผลใหญ่ดังที่เราเรียกผลหรือหมาก ขนาดผลกว้างประมาณ 3-5 ซม. ยาว 3-10 ซม. ผิวเรียบเป็นตุ่มพอง ผลอ่อนจะมีสีเขียวสด เมื่อแก่จะมีสีเหลืองอมเขียว และเมื่อสุกจะมีสีเหลือง และเปลี่ยนเป็นสีขาวจนเน่าตามอายุผล เมล็ดในผลมีจำนวนมาก เมล็ดมีลักษณะแบน ด้านในเมล็ดเป็นถุงอากาศทำให้ลอยน้ำได้ ผิวเมล็ดมีสีน้ำตาลเข้ม
Tumblr media
แร่ธาตุและวิตามินของลูกยอ
           ลูกยอ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากชนิด โดยลูกยอบดจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม เป็นต้น แต่ถ้าคั้นเอาแต่น้ำลูกยอจะเหลือแต่วิตามินซี นอกจากนี้ลูกยอยังมีสารอื่น ๆ อีกด้วย เช่น กรดไขมัน ลิกนิน พอลิแซ็กคาไรด์ ฟลาโอนอยด์ อีริดอยด์ สโครโปเลติน แอลคาลอยด์ 
Tumblr media
ถิ่นกำเนิดลูกยอ
           ยอ (Morinda citrifolia) เป็นผลไม้เขตร้อนพบได้ทั่วไปบันทึกว่ามีการรับประทานลูกยอเป็นอาหารมานานกว่า 2000 ปี แล้ว โดยยอเป็นพืชพื้นเมืองในแถบโพลีนีเซียตอนใต้ (Polynesia) และได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ โดยมีตำนานว่า คนในสมัยโบราณ (ที่ปัจจุบันเรียกกันว่าขาว เฟร้นซ์ โพลินีเซีย (French Polynesia) ซึ่งอยู่ในแถบตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก พวกเขาได้เดินทางจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งโดยเรือแคนูและได้นำพืชศักดิ์สิทธิ์จากหมู่เกาะเดิมของพวกเขามาด้วย พืชนั้นเป็นทั้งอาหารขึ้นพื้นฐานที่เสริมสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและเพื่อเป็นยารักษาโรค ซึ่งใช้สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ คนโบราณรุ่นแล้วรุ่นเล่า ได้ช่วยกันบันทึกและจดจำต่อมายังลูกหลานว่าผลของต้นโนนิช่วยบำบัดอาการป่วยเบื้องต้นได้ โดยชาวโพลิเนเซียน ชาวจีน ชาวอินเดีย รู้จักใช้ประโยชน์จากลูกยอมานานแล้ว ส่วนการแพร่กระจายพันธุ์ของยอนั้นเกิดขึ้นจากถูกนำติดตัวเข้าไปยังหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ โดยบรรดาผู้อพยพ และมันสามารถเจริญงอกงามได้ดีในดินภูเขาไฟที่ไร้มลพิษ และมีการแพรกระจายพันธุ์ไปยังดินแดนใกล้เคียง
Tumblr media
           แต่อีกตำราหนึ่งระบุว่าเป็นไม้พื้นเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีผู้นำไปแพร่พันธุ์จนกระจายไปทั่วอินเดีย และตามหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกและหมู่เกาะอินดัสตะวันตก ต้นยอขึ้นได้ทั้งในป่าทึบหรือตามชายฝั่งทะเลที่เป็นโขดเขาหรือพื้นทราย ต้นโตเต็มที่เมื่ออายุครบ 18 เดือน และจะออกผล ซึงในปัจจุบันพืชชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อ “ยอ” ในประเทศมาเลเซียรู้จักกันในชื่อ “เมอกาดู” (Mergadu) ในเอเชียได้เรียกว่า “นเฮา” (Nhau) แถบหมู่เกาะตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกเรียกกันว่า “โนนู” และในเกาะซามัว ทองกา ราราทองกา ตาฮิติ เรียกกันว่า “โนโน” หรือว่า “โนนิ” 
Tumblr media
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
มะพูด
Tumblr media
มะพูด ชื่อสามัญ Garcinia
มะพูด ชื่อวิทยาศาสตร์ Garcinia dulcis (Roxb.) Kurz (ส่วนอีกข้อมูลระบุว่ามะพูดเป็นพรรณไม้ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Garcinia vilersiana Pierre) จัดอยู่ในวงศ์มังคุด (CLUSIACEAE หรือ GUTTIFERAE)
สมุนไพรมะพูด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ไข่จระเข้ ตะพูด ส้มปอง ส้มม่วง (จันทบุรี), พะวาใบใหญ่ (จันทบุรี, ชลบุรี), ปะหูด (ภาคเหนือ), ปะหูด มะหูด (ภาคอีสาน), จำพูด มะพูด (ภาคกลาง), ตะพูด พะวา ประหูด ประโหด ประโฮด มะนู (เขมร), ปะพูด เป็นต้น
Tumblr media
ลักษณะของมะพูด
           ต้นมะพูด เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน[3] จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 7-10 เมตร (บ้างว่ามีความสูงประมาณ 15 เมตร) เรือนยอดเป็นกลมกลมหรือเป็นรูปไข่ เป็นทรงพุ่มแน่นทึบ ลำต้นตั้งตรง และอาจมีร่องรอยของแผลเป็น มีลักษณะเป็นปุ่มปมตะปุ่มตะป่ำ ซึ่งเกิดจากการหลุดร่วงของกิ่งก้านทั่วไป โดยจะแตกกิ่งก้านต่ำเป็นพุ่มโปร่ง ก้านจะแตกออกจากลำต้นค่อนข้างถี่ และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม เรียบ และแตกเป็นร่องตื้น ๆ ตามยาวของลำต้น เมื่อเปลือกต้นเกิดบาดแผลจะมียางสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไหลซึมออกมา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้กล้าปักชำ มีเขตการกระจายพันธุ์ในป่าดิบชื้น และตามชายห้วยหรือพื้นที่ริมน้ำในป่าเบญจพรรณ โดยจะพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และในพื้นที่แถบชายแดนจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ส่วนในต่างประเทศสามารถพบได้ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ชวา ลาว กัมพูชา และบอร์เนียว ใบมะพูด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกหรือแกมรูปขอบขนาน โคนใบกว้างมนตัดตรง เว้าเล็กน้อยคล้ายกับรูปหัวใจและค่อย ๆ สอบเรียวเล็กไปที่ปลายใบ
Tumblr media
           ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตรและยาวประมาณ 15-25 เมตร แผ่นใบมักเป็นคลื่นเล็กน้อย เนื้อใบเหนียวและหนาคล้ายแผ่นหนัง หลังใบเรียบลื่นเป็นมัน สีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบมีขนละเอียด แต่บางครั้งก็เกลี้ยง เมื่อแห้งเป็นสีเหลืองอมสีเทา ส่วนก้านใบสั้นย่นขรุขระยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และมีขนบาง ๆ ขึ้นปกคลุม ดอกมะพูด ออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมาณ 3-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามแผลใบและตามกิ่งก้าน ดอกเป็นสีขาวอมเหลือง ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบซ้อนกันอยู่ ดอกมีลักษณะตูมเป็นรูปทรงกลม ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม หนาและเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร บานเป็นรูปถ้วยโถ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ลมะพูด ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปไข่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 เซนติเมตร ผิวผลเรียบและเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองสดอมสีส้ม เนื้อในผลเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยวอมหวาน ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 2-5 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปรี สีน้ำตาล โดยจะติดผลในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
Tumblr media
คติความเชื่อ
           มะพูดเป็นต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในบริเวณบ้าน โดยปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) เชื่อว่าคนโบราณปลูกเอาเคล็ดเพื่อหวังให้ลูกหลานเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาในสิ่งที่ดีงาม เพราะคนที่พูดจาไพเราะก็จะมีคนชื่นชอบกันมาก
Tumblr media
การใช้ประโยชน์ในงานย้อมสี
           มะพูด หรือ ปะโหด เป็นพรรณไม้ที่นำเปลือกต้นมาใช้ย้อมสีเส้นไหมมานานแล้วในจังหวัดสุรินทร์และกัมพูชา เนื่องจากมะพูดให้สีเหลืองคล้ายสีเหลืองดอกบวบ หรือสีเหลืองดอกคูณ จึงมีการใช้ในการทำเป็นแม่สี เช่น เมื่อต้องการเส้นไหมสีเขียว นำเส้นไหมมาย้อมด้วยเปลือกมะพูดก่อนจึงย้อมทับด้วยคราม ในการเตรียมน้ำสีสำหรับการย้อมเส้นไหม 1 กิโลกรัม ใช้เปลือกมะพูดแห้ง 3 กิโลกรัม ต้มกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 นาน 1 ชั่วโมง กรองใช้เฉพาะน้ำ แล้วนำมาย้อมเส้นไหมด้วยกรรมวิธีย้อมร้อนนาน 1 ชั่วโมง
            เสร็จแล้วนำมาแช่ในสารละลายสารส้มนาน 10-15 นาที ได้เส้นไหมสีเหลืองสด ในส่วนของใบที่นำมาใช้ย้อมสีเส้นไหมโดยใช้อัตราส่วน ใบสด 15 กิโลกรัมต่อเส้นไหม 1 กิโลกรัม สกัดน้ำสีด้วยวิธีการต้มกับน้ำ อัตราส่วน 1 : 2 นาน 1 ชั่วโมง กรองใช้เฉพาะน้ำ ใช้กรรมวิธีการย้อมร้อนและแช่ในสารละลายช่วยติดสีสารส้มหลังย้อมเช่นเดียวกับเปลือก พบว่าให้เส้นไหมสีเหลือง แต่สีที่ได้จะอ่อนกว่าสีที่ผ่านการย้อมด้วยเปลือก แต่ถ้าใช้ในสารละลายสารช่วยติดสีจุนสี ได้เส้นไหมสีน้ำตาล
Tumblr media
0 notes
tumarai · 4 years ago
Text
สาวน้อยประแป้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Diffenbachid picta Schott
ชื่อพ้อง : Dieffenbachia seguine (Jacq.) Schott, Dieffenbachia maculata (Lodd.) G.Don, Arum seguine Jacq.,Caladium maculatum Lodd.,Caladium seguine (Jacq.) Vent.,Caladium seguine (Jacq.) Vent. Maculatum Sims
วงศ์ : Araceae
ชื่ออื่น ๆ : ว่านหมื่นปี ช้างเผือก ว่านพญาค่าง อ้ายใบก้านขาว บ้วนมีแช ว่านเจ้าน้อย มหาพรหม อ้ายใบ Dumb cane
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
           เป็นไม้ล้มลุกมีลำต้นตรง ใบเดี่ยวเรียง สลับ รูปไข่แกมขอบขนานแกมวงรี ปลายใบแหลม โคนใบรูป ลิ่มถึงรูปหัวใจ มักมีลายประสีเขียวและขาว ก้านใบมีกาบ ดอกช่อ มีกาบออกที่ซอกใบ ผลแบบกล้วยสีแดง เมล็ดเรียบ รูปทรงกลมถึงทรงรูปไข่ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ  ในประเทศไทยมีมากมายหลายหลากชนิด ทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษ มียาหลายประเภทที่สกัดได้จากสมุนไพร
Tumblr media
           ซึ่งมีประโยชน์มากมายในการรักษาโรค ในทางกลับกันก็มีพืชหลาย ชนิดที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งต้นสาวน้อยประแป้งยังจัดเป็นพืชพิษ ชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ปกติพืชชนิดนี้ไม่ใช้เป็นอาหาร แต่หาง่ายและมีขึ้นอยู่ทั่วไป เนื่องจากใช้เป็นไม้ประดับ ในอดีตเคย ใช้ใบแก้เคล็ดบวมและรักษาโรคไขข้ออักเสบ ทั้งต้นระคายผิวหนัง จึงใช้ทำให้เลือดมาเลี้ยงมากขึ้น รักษาโรคไขข้ออักเสบและแก้โรคลม จับโปง ��ละปัจจุบันต้นสาวน้อยประแป้งเป็นไม้ประดับที่ปลูกเพื่อ ความสวยงามตามบ้านเรือน
ลำต้น สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีเนื้ออวบน้ำอายุนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะทรงกลม และตั้งตรง ขนาดลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร มีความสูงของลำต้นประมาณ 0.3-1 เมตรลำต้นมีลักษณะเป็นข้อปล้องที่เกิดจากการสลัดทิ้งของใบ เปลือกลำต้นมีลักษณะบาง ๆ สีเขียวติดกับเนื้อของลำต้น แก่นเนื้อลำต้นเป็นเยื่ออวบน้ำ ส่วนที่อยู่ใต้ดิน เป็นเหง้าของลำต้นที่สามารถแตกหน่อเป็นลำต้นใหม่ได้ และด้านล่างสุดเป็นจุดที่แตกรากแขนงขนาดใหญ่ จำนวน 5-10 ราก
ใบ สาวน้อยประแป้ง เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ออกใบเรียงสลับกันเป็นชั้น ๆ ตรงข้ามกันไปมาเป็นสี่ด้านตามความยาวของลำต้น ประกอบด้วยก้านใบที่แตกออกเรียงสลับกันบนลำต้น ก้านใบมีสีเขียวสด ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ก้านใบด้านบนเป็นร่องลึก ถัดมาเป็นแผ่นใบแผ่นใบสาวน้อยประแป้งมีรูปหอกยาวคล้ายใบพายเรือ กว้างประมาณ 15-20 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านล่างมีสีเขียวอ่อน แผ่นใบด้านบนเป็นลายประระหว่างสีเขียวอ่อน เขียวเข้ม และสีขาว คล้ายกับการประแป้ง ตรงกลางแผ่นใบมีเส้นกลางใบขนาดใหญ่สีเขียวเข้ม
Tumblr media
ดอก ดอกเป็นช่อ แทงออกบริเวณปลายยอด ซึ่งอาจเป็นช่อเดียวหรือหลายช่อ ช่อดอกประกอบด้วยก้านช่อดอกที่มีกลีบเลี้ยงห่อหุ้มจากโคนช่อดอกจนถึงปลายช่อดอก กลีบเลี้ยงมีลักษณะเป็นแผ่นสีเขียวสด เมื่อดอกบาน ปลายกลีบเลี้ยงจะแผ่ออก และปลายช่อดอกจะโผล่พ้นจากกลีบเลี้ยงออกมา และมีกลิ่นเหม็นเมื่อบานเต็มที่ ที่ปลายก้านดอกจะประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก โดยด้านบนช่อดอกจะเป็นดอกเพศผู้ ส่วนด้านล่างจะเป็นดอกเพศเมีย
สรรพคุณสาวน้อยประแป้ง ทุกส่วนของสาวน้อยประแป้ง ยังไม่พบรายงาน ทั้งในรูปเอกสาร และเนื้อหาในเว็บไซต์ที่นำมาใช้ในด้านสมุนไพร ทั้งนี้ อาจเนื่องจาก ทุกส่วนมีสารพิษที่เป็นอันตรายถึงตายได้ โดยเฉพาะการรับประทานในปริมาณมาก
Tumblr media
การปลูกสาวน้อยประแป้ง
การปลูกสาวน้อยประแป้ง ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบความชื้น ชอบดินปลูกโปร่งๆที่เก็บความชื้นได้ดีและระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำขังแฉะเกินไปก็รากอาจเน่าได้ โดยวางกระถางให้ได้รับแสงแดดครึ่งวัน หรือแสงแดดรำไรก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับแสงแดดจัดกลางแจ้ง เพราะใบจะไหม้แห้งเหี่ยวได้ จึงเหมาะสำหรับปลูกประดับในบ้านและในสำนักงานได้ดี
เกร็ดความรู้อื่นๆ   ผลึกแคลเซียมออกซาเลท (calcium oxalate) ในสาวน้อยประแป้ง ซึ่งเป็นผลึกรูปเข็มนี้จะทิ่ม แทงผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปากและลำคอเมื่อรับประทานต้นสาวน้อยประแป้งเข้าไปจะรู้สึกเจ็บปวดร้อนที่ลิ้น และในเยื่อบุช่องปาก ข้อสำคัญคือสารนี้รวมตัวได้ดีกับแคลเซียม ทำให้เกิดภาวะ แคลเซียม ในเลือดต่ำซึ่งมีผลต่อการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อลาย ระบบประสาทส่วนกลาง การสัมผัสถูกยาง ทำให้เกิด อาการบวมแดงได้และนอกจากนี้ยังมีสารจำพวกโปรตีน (protoanemomine) ทำให้ปากลิ้นและคอบวม พองเป็นตุ่มใส อีกด้วย
Tumblr media
1 note · View note