Tumgik
#ดอกบาน
curvesdesigns · 1 year
Video
vimeo
เห็ดปลวกแดง ดอกบาน ดอกตูม บุญบั้งไฟดอนกลอย from Curves Design on Vimeo.
เห็ดปลวกแดง ดอกบาน ดอกตูม บุญบั้งไฟดอนกลอย #เห็ดปลวกแดง #ดอกบาน #ดอกตูม #บุญบั้งไฟดอนกลอย
0 notes
kiddaikiddee · 7 years
Photo
Tumblr media
ดาวน์โหลด รูปภาพฟรี รูปถ่ายดอกไม้ คำ ดอกไม้ สีขาว ในฤดูใบไม้ผลิ ชุด ฤดูร้อน รักเร่ ผสม กุหลาบ สีชมพู พืช สดใสสีแดง คอลเลกชัน กลุ่ม กล้วยไม้ ชบา พิทูเนีย โคลสอัพ แยก บาน ม่านตา หลายบน ดอกไม้ ดอกเบญจมาศ กลีบดอก สีเหลือง พฤกษศาสตร์ สดใส สีส้ม ดอกบาน กะเทย cutout เดซี่ แมโคร สีม่วง สีที่มีสีสัน ความงามของ การเลือก รูปแบบ36 สวย สด  รายละเอียดของ ธรรมชาติ lily cosmos botany
0 notes
mrlolay · 4 years
Photo
Tumblr media
....ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง แสงแดดแทรกใบไม้พุ่มใหญ่ ลอดลงมา บนผ้าห่มสีขาว กิ่งไหว ทำไห้เงา เคลื่อนขยับ กุหลาบที่ปลูก ดอกบาน 🌹 ผลัดกลีบดอก ปลิวลงมานอน บนพื้น แล้ว ค่อยๆ แปลงกาย เป็นหญิงสาว ตาชั้นเดียว แก้มแดง ...ผิวสีขาว และแซมผิวด้วย ระเรื่อ เหมือนรอยช้ำ ...แต่ความจริงคือ ความบอบบางของผิว ที่เหมือนกับ มีเลือดผุดผิว แต่ไม่หลุดออกมา เธอไม่ได้ดื่มวิสกี้ จนแก้มแดง...แต่คงเพราะเธอคือ “มนุษย์กุหลาบ” เช้านี้ บนโต๊ะอาหาร เจ็มไปด้วย ของน่าลิ้มรส ...ไข่ตุ๋นเลือดปู ,เปลือกไข่ย่างเกลือ,ปลาซันมะ https://www.instagram.com/p/CIV-nHnJgkh/?igshid=1arkssp76yd7i
0 notes
hilipotret · 5 years
Text
ปลูกมะม่วงอย่างไรให้เจริญเติบโตดี
ปลูกมะม่วงอย่างไรให้เจริญเติบโตดี
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการปลูกมะม่วงคือพื้นที่ปลูกรอบๆ บ้าน
ในชนบท พื้นที่อาจจะเหลือเฟือ แต่หากเป็นเมืองใหญ่ โดยเฉพาะบ้านจัดสรรด้วยแล้ว ต้องระวังเมื่อปลูกไปแล้ว อย่าให้กิ่งก้านไปรบกวนข้างๆ บ้านเขา
ทางที่ดีควรปลูกหน้าบ้าน ให้กิ่งเจริญเติบโตออกไปยังถนนจะดีกว่า
ดินปลูก หากเป็นที่ถม จะไม่รู้ที่มาของดิน บางครั้งพบว่าดินแข็งเป็นดาน มีเศษปูนชิ้นใหญ่ๆ ฝังอยู่ ทางที่ดีควรขุดหลุมให้กว้างและลึก จากนั้นใช้ดินบนผสมปุ๋ยคอกเก่า รองก้นหลุม
หากมีใบก้ามปูก็ใช้ผสมระหว่างดินบน ปุ๋ยคอกเก่า สัดส่วนแล้วแต่ที่มี อาจจะเน้นใบก้ามปูมากหน่อยก็ได้
เมื่อหลุมปลูกพร้อม ก็นำต้นพันธุ์ลงปลูก
ควรปลูกให้รอยต่อของการทาบกิ่งอยู่เหนือดินเล็กน้อย จากนั้นใช้หลักปักยึด เพื่อป้องกันการโยกคลอน สุดท้ายควรรดน้ำให้
หากเป็นกิ่งเก่ารอยต่อระหว่างต้นตอกับกิ่งพันธุ์ดีสมานกันดีแล้ว สามารถกรีดหรือดึงพลาสติกที่พันออกได้เลย หลังจากปลูกไปแล้ว
แต่หากต้นพันธุ์ยังใหม่อยู่ ควรกรีดหรือดึงพลาสติกออก หลังปลูกไปแล้ว 2-3 เดือน แต่อย่าลืมเอาออก หากลืมต้นจะแคระแกร็น โตช้า หรือไม่อาจจะตายได้ หากพลาสติกไม่ขาด
ดูแลพอประมาณ ใช้สารเคมีไม่��ีแน่
การดูแลรักษามะม่วงหลังปลูก ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เนื่องจากมะม่วงมีความอดทน ขอให้ต้นรอดตายหลังจากปลูกใหม่ๆ เขาก็จะเจริญเติบโตเป็นปกติ
หากเจ้าของว่าง หรือวันเสาร์และอาทิตย์ ช่วงแล้งก็อาจจะให้น้ำมะม่วงบ้าง
หากมีปุ๋ยคอกหรือใบก้ามปู ซึ่งมีไนโตรเจนสูง ก็นำกองไว้ที่โคนต้นมะม่วง
บ้านใดที่ปลูกมะม่วงหลายต้น อยากใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ให้บ้าง เมื่อต้นยังเล็กอยู่ ใช้สูตร 25-7-7 เน้นตัวหน้า คือไนโตรเจน
ศัตรูมะม่วงที่พบเห็นอยู่ และมองด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน คือแมลงมากัดใบจนขาด การใช้สารเคมีกำจัดคงไม่สะดวกแน่เพราะปลูกแค่ต้นสองต้น ซื้อสารเคมีมาราคาขวดละ 200-300 บาท อีกทั้งรอบๆบ้าน หากใช้สารเคมีก็เป็นอันตรายแก่คนและสัตว์ เมื่อพบว่าแมลงมากัดใบก็ปล่อยให้กัด เพราะบางช่วง มะม่วงแตกใบอ่อนไม่ตรงกับระยะทำลายของแมลง ใบเหล่านั้นก็จะปลอดภัย คอยปรุงอาหารให้ต้นเจริญเติบโตตามปกติ
ดูอย่างไรมะม่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ยุคเก่าก่อนสมัยปู่ย่าตายาย หลังจากปลูกมะม่วง อาจจะต้องรอนานถึง 7-8 ปี จึงจะมีผลผลิตให้เก็บกิน เพราะต้นพันธุ์ได้จากการเพาะเมล็ด
แต่ทุกวันนี้หลังปลูกเพียงปีเดียวก็อาจจะมีผลผลิตให้เก็บได้ โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อกิ่งใหญ่ๆสูงท่วมหัวมาปลูก
โดยทั่วไปแล้ว หากปลูกด้วยกิ่งทาบ เมื่อต้นมีขนาดใหญ่พอประมาณ พุ่มใบพอเลี้ยงผลได้ 3 ปีก็ไว้ผลผลิตได้ จะไว้มากหรือน้อย ก็แล้วแต่ดุลพินิจของเข้าของ
เมื่อมีผลผลิต เจ้าของจะรู้ได้อย่างไรว่า มะม่วงสามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว
ชาวสวนที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แนะนำว่า เด็ดผลผลิตมาจุ่มลงไปในน้ำ หากผลมะม่วงจม ถือว่าแก่จัด
การเปลี่ยนสีผิวของผลก็เป็นตัวชี้วัดว่ามะม่วงสุกแก่แล้ว คือเปลี่ยนจากผิวเขียวเป็นเหลือง หากเป็นพันธุ์ที่ผลสีแดง ตรงขั้วผลก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อผลสุก อย่างมะม่วงอาร์ทูอีทู
ยามใดที่มีกระรอกมาแทะกินมะม่วง ก็จะรู้ว่าผลผลิตบนต้นเริ่มเก็บได้แล้ว มะม่วงบางพันธุ์ อย่างมหาชนก การออกดอก ติดผลบนต้น จะพร้อมกัน เมื่อผลที่ 1 สุกแก่ ผลที่ 2-20 ก็แก่เช่นกัน
วิธีการหนึ่งที่ทำได้ คือนับจากวันที่ดอกบาน เช่น เขียวเสวย ดอกบาน  120 วันจึงเก็บเกี่ยวได้ น้ำดอกไม้แก่เต็มที่หลังดอกบาน 110 วัน
ชิม…เป็นวิธีการหนึ่งที่ดีไม่น้อย อยากรู้ว่าเขียวเสวยแก่จัดหรือไม่ก็ปอกชิม หากหวานมัน ผลอื่นๆก็ทยอยเก็บได้
0 notes
hylopehasmok · 5 years
Text
พื้นที่ในคอนโดมิเนียม
พื้นที่ในคอนโดมิเนียม หรือ อพาร์ทเม้นท์ หากต้องการปลูกพริก คงมีพื้นที่บริเวณระเบียงเท่านั้นที่เหมาะสม เพราะเป็นพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง
สำหรับบ้านขนาดเล็กที่พอจะมีส่วนที่เป็นดินไว้สำหรับจัดสวน ปลูกต้นไม้ ก็เป็นเรื่องดี เพราะจะสามารถจัดพื้นที่ปลูกสำหรับไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ และอื่นๆ เป็นสัดส่วนได้ แต่ถ้าบริเวณบ้านไม่เหลือส่วนที่เป็นดินไว้บ้าง ก็คงต้องอาศัยกระถางหากต้องการปลูกต้นไม้
อย่างที่ขึ้นต้นเนื้อเรื่องไว้ว่าขอหยิบยกมาเฉพาะตัวเอกของเล่ม คือ พริก ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในพืชผักสวนครัว ในแต่ละครัวเรือนถ้าต้องทำกับข้าว ส่วนประกอบของอาหารในบางมื้อก็น่าจะมีพริกอยู่ไม่น้อย ฉะนั้น การปลูกพริกในบ้าน ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ใกล้ตัว หากทำได้ก็ไม่ต้องควักกระเป๋า ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก
สิ่งที่ควรมีอันดับแรก คือ เมล็ดพันธุ์พริกสำหรับปลูก ถ้าไม่คิดอะไรมาก เมล็ดพันธุ์พริกที่วางขายทั่วไปตามร้านขายต้นไม้ หรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง ก็มีจำหน่ายในราคาซองละ 15-20 บาท แต่ถ้าไม่สะดวกซื้อ ต้องการเพาะต้นกล้าพริกเองก็สามารถทำได้ เริ่มจากการนำเม็ดพริกที่มีอยู่แล้วในครัว สดหรือแห้งก็ไม่สำคัญ แต่ขอให้พริกเม็ดนั้นแก่จัด เพราะจะเป็นเมล็ดพริกที่พร้อมขยายพันธุ์
การเพาะให้ต้นกล้าพริกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากการเตรียมดินสำหรับเพาะเมล็ดพริก โดยหาวัสดุใส่ดินสำหรับเพาะ ใช้กระถางก็ได้ ส่วนดินซื้อได้ตามร้านต้นไม้ ถุงละ 20-35 บาท ขึ้นกับความสมบูรณ์ของดิน นำดินที่ได้มาทำให้ขยี้ให้ละเอียด จากนั้นโรยเมล็ดพริกลงดินที่เตรียมไว้ ไม่ควรโรยให้แน่นหรือใกล้กันจนเกินไป เพราะจะเกิดการแย่งอาหารกัน หรือ รากพันกัน ทำให้แยกต้นไปปลูกลำบาก
หากมีกะบะพาะ ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นขณะหยอดเมล็ดพริก 5 เซนติเมตร และระหว่างแถว 10 เซนติเมตร
นำเศษฟางหรือหญ้าแห้งมาปิดคลุมหน้าดินไว้ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
นำกระถางไปตั้งตากแดดไว้ เพื่อให้อุณหภูมิที่แสงแดดส่องลงมาทำให้ดินร้อน จะช่วยกระตุ้นให้เมล็ดพริกงอกได้เร็วขึ้นกว่าการตั้งกระถางไว้ในร่ม ให้รดน้ำเช้าและเย็น เพิ่มความชื้นให้กับเมล็ดพริก ภายใน 3-7 วัน จะเริ่มเห็นต้นพริกงอกออกหรือแตกยอดออกมา ขณะที่เห็นเมล็ดพริกงอก มีใบจริง 2-3 ใบ ควรเลือกถอนต้นกล้าที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เหลือไว้เฉพาะต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์ไว้
ควรดูแลกล้าพริกที่เพาะไว้ในกระถางเพาะประมาณ 1 เดือน หรือมีใบจริงราว 5-6 ใบ จากนั้นจึงค่อยแยกต้นพริก นำไปปลูกยังกระถางที่มีดินมากพอต่อความต้องการของต้นพริก หรือมีธาตุอาหารเพียงพอต่อการปลูกพริก ไม่ควรเลือกกระถางปลูกที่มีขนาดเล็กเกินไป เพราะกระถางขนาดเล็กจะบรรจุดินได้น้อย เมื่อดินปลูกน้อยจะเก็บรักษาความชื้นไว้ได้ไม่นาน
อันที่จริง พริกเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุด คือ ดินร่วนปนทราย เพราะมีการระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเป็นด่างของดินระหว่าง 6.0-6.8
หรืออีกวิธีของการเพาะต้นกล้าก่อนนำไปปลูกลงกระถาง คือ การเพาะเมล็ดพริกให้งอกก่อน แล้วนำไปปลูกในกระถาง วิธีเพาะ คือ นำเมล็ดพริกแช่น้ำ แล้วนำผ้าชุบน้ำหมาดๆ ห่อทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน เมล็ดจะงอก แล้วจึงนำลงปลูก
ในกระถางปลูก ควรใส่ดินเกือบเต็มกระถาง ทำดินให้เป็นหลุมลึกประมาณ 4-6 นิ้ว นำกล้าพริกใส่ลงในหลุมแล้วกลบ
การให้น้ำ ทำได้ดังนี้
1.ช่วง 3 วันแรก ให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
2.ช่วง 4 วันต่อมา ให้น้ำวันละครั้ง
3.ช่วงสัปดาห์ที่ 2 – สัปดาห์ที่ 4 ให้น้ำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
4.ช่วงสัปดาห์ที่ 5 –สัปดาห์ที่ 7 ให้น้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
5.ช่วงสัปดาห์ที่ 7 ไปแล้ว ให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ การให้น้ำแก่พริก ควรให้ตามสภาพอากาศและดูความชุ่มชื้นของดินประกอบด้วย
แม้ว่าพริกจะเป็นพืชที่ทนแล้งดีกว่าทนน้ำ ในระยะที่พริกเริ่มออกดอก พริกจะต้องการน้ำมากกว่าปกติ หากให้น้ำไม่เพียงพอและอากาศแห้งแล้ง จะทำให้ดอกอ่อน ดอกบาน และผลอ่อนที่เพิ่งติดร่วงได้ นอกจากนี้ ในสภาพที่อากาศเย็น อุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส จะทำให้พริกเจริญเติบโตได้ไม่ค่อยดี มีการติดดอกต่ำและดอกร่วงในที่สุด การให้น้ำขณะนั้นควรลดลง หรืองดในช่วงที่เริ่มเก็บผลผลิต ทั้งนี้เพราะถ้าน้ำพริกมากเกินไป จะทำให้เม็ดพริกมีสีไม่สวย
การปลูกไว้รับประทานเองภายในครัวเรือน หากต้องการให้พริกเจริญงอกงามดี ควรใส่ปุ๋ยให้กับต้นพริกบ้าง การใส่ปุ๋ยให้กับพริก ขึ้นอยู่กับชนิดและคุณภาพของดินปลูก แต่โดยทั่วไปหากใส่ปุ๋ยคอกในกระถางที่ปลูกไว้รับประทานเองในครัวเรือน ใช้ปริมาณปุ๋ยคอกเพียงหยิบมือก็ได้แล้ว ควรใส่ให้กับพริกหลังลงปลูกประมาณ 1 เดือน และไม่ควรใส่ชิดโคนต้น ช่ววเวลาที่ใส่ปุ๋ย จะเป็นช่วงที่พริกเริ่มมีตาดอก (แต่ยังไม่ออกดอก) หลังใส่ปุ๋ย 1-2 สัปดาห์ ควรฉีดปุ๋ยน้ำ เช่น ไบโฟลานให้ทางใบ ซึ่งพริกจะนำไปใช้ได้เร็วขึ้น แต่หากไม่ได้ต้องการผลผลิตพริกมากนัก เพราะนำไปใช้ในครัวเรือนไม่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยทางใบก็ได้
การพรวนดิน เนื่องจากรากของพริกจะกระจายอยู่ใกล้ผิวดิน จึงควรระวังในการพรวนดิน อย่าให้รากกระทบกระเทือน เพราะจะทำให้พริกชะงักการเจริญเติบโต ต้นพริกจะโค่นล้มง่าย การพรวนดินทำได้สม่ำเสมอ ไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ตายตัว
หลังลงปลูกประมาณ 2 เดือนครึ่งถึง 3 เดือน ในระยะแรกพริกจะให้ผลผลิตไม่มากนัก แต่จะค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามลำดับ เมื่อต้นพริกมีอายุ 6-7 เดือน จะเริ่มโทรมและหยุดให้ผลผลิต แต่ถ้าบำรุงรักษาดี พริกจะมีอายุถึง 1 ปี
เม็ดพริกที่แก่จัด ขั้วจะยังติดอยู่กับต้นได้อีกระยะหนึ่งโดยไม่เหี่ยวหรือเสื่อมคุณภาพ แต่ถ้าเก็บเม็ดพริกจากต้นมาแล้ว การเก็บรักษาพริกให้คงสภาพสดอยู่ได้ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิการเก็บรักษา
อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ความชื้น 95-89 เปอร์เซ็นต์ จะเก็บพริกให้คงความสดได้นานถึง 40 วัน โดยมีผลเหี่ยวเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ และถ้าอุณหภูมิ 8-10 องศาเซลเซียส ความชื้น 85-90 เปอร์เซ็นต์ จะเก็บพริกให้คงความสดได้นาน 8-10 วัน
0 notes
tananblog · 7 years
Photo
Tumblr media
ถ้าชอบจะเด็ด ถ้ารักจะเก็บรักษาช่วงเวลาดีๆ(ดอกบาน)​นั้นไว้
0 notes