stanleyspencerz-blog - Tumblr blog

[stanleyspencerz-blog]

ถุงยางอนามัย Onetouch

ถุงยางอนามัย Onetouch Mixx 3 Plus มีสารชะลอการหลั่งเร็ว วันทัช มิกซ์ 3 พลัส ช่วยลดปัญหาหลั่งเร็ว ช่วยเพิ่มความอึด ให้นานขึ้น ขายดีอันดับ 1 สิ้นสุดการรอคอย สำหรับคนชอบผิวไม่เรียบและช่วยแก้ปัญหาชะลอการหลั่งเร็ว ขนาด 52 มม. ผิวไม่เรียบ ปุ่ม ขีด ผนังไม่ขนาน มียาชาเบนโซเคน 5% ลดความไวต่อความรู้สึกสัมผัส เพิ่มความสุขที่ยาวนาน ผิวไม่เรียบ แบบมีขีดและปุ่ม มีสารหล่อลื่น ช่วยชะลอการหลั่งเร็ว ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ มาตรฐานสากล ถุงยางอนามัย วันทัช กว่า 18 ปี ในตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทย แบรนด์ถุงยางอนามัยสัญชาติไทยอย่าง วันทัช ไม่เคยหยุดที่จะคิดหรือพัฒนาคุณภาพสินค้าและสินค้าใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สมกับชื่อของวันทัช มิกซ์ 3 พลัส ราคา ซึ่งหมายถึง สัมผัสหนึ่งเดียวที่บุคคลนั้นๆ ปรารถนา จึงเป็นดังคำมั่นสัญญาว่าเราจะพัฒนาสินค้าและแนวทางการตลาด เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงสัมผัสที่ตนปรารถนาสูงสุด เพราะเรารู้ว่า ความชอบหรือรสนิยมของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน Onetouch Mixx 3 Plus จึงมีรายสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ ถุงยางอนามัยแบบบาง 0.03 หรือ ถุงยางอนามัยแบบผิวไม่เรียบ หรือ ถุงยางอนามัยกลิ่นสตอเบอรรี่ ไปจนถึงถุงยางอนามัยที่ใส่สรเบนโซเคน เพื่อลดความไวต่อสัมผัส ซึ่ง Onetouch Mixx 3 Plus แน่ใจว่าถุงยางอนามัยทุกชิ้นมีคุณภาพตามมาตราฐาน

Onetouch Mixx 3 Plus แบรนด์ถุงยางอนามัยสัญชาติไทย กับทุกประเด็นในการทำการตลาดถุงยางในประเทศไทยที่เป็นประเทศศีลธรรม พร้อมเป้าหมายใหญ่ต้องการล้มยักษ์แบรนด์ถุงยางอินเตอร์ จากผู้ผลิต มาเป็นคนสร้างแบรนด์ ในประเทศไทยถ้าพูดถึงตลาดถุงยางอนามัย หรือเรียกกันสั้นๆ กันติดปากว่าถุงยาง อาจจะดูเคอะเขินไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องของเพศสัมพันธ์ที่เมืองไทยดูไม่ค่อยพูดกันแบบเปิดเผยมากนัก การทำการตลาดก็ดูจะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งตลาดถุงยางในไทยมีผู้เล่นรายใหญ่ที่รู้จักกันดีก็คือ Durex แบรนด์ถุงยางสัญชาติอังกฤษที่ทำตลาดยาวนานหลายสิบปี รวมถึงแบรนด์มาแรงอย่าง Okamoto จากประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ในตลาดยังมีแบรนด์ไทยแท้อย่าง Onetouch ที่ขอสู้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์จากต่างชาติด้วยเช่นกัน ซึ่งใครที่อยู่สายการลงทุน หรือคอหุ้นจะพอคุ้นเคยกับไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้อยู่บ้าง เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตถุงยางให้กับแบรนด์อื่นๆ หรือ OEM แต่ที่หันมาสร้างแบรนด์ Onetouch Mixx 3 Plus ก็เพื่อต้องการให้คนไทยได้มีถุงยางมีคุณภาพใช้ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพราะช่วงนั้นเกิดปัญหาคนติดเชื้อ HIV เพิ่มสูงขึ้นในไทย การเป็นแบรนด์ถุงยางไทย สู้กับแบรนด์นอกได้อย่างไร? เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะแบรนด์นอกทำตลาดในไทยมายาวนาน แต่ Onetouch Mixx 3 Plus ก็ขอท้าทายตัวเองด้วยการตั้งเป้าล้มยักษ์ให้ได้ แน่นอนว่าเราหวังขึ้นเบอร์หนึ่งในตลาด แต่เจ้าตลาดอยู่มายาวนานกว่า การเป็นแบรนด์ไทยเป็นข้อดีอยู่แล้ว เป็นเจ้าภาพดีอยู่แล้ว สามารถรู้อินไซต์ว่าคนไทยชอบอะไร ปรับเปลี่ยนสินค้าให้คนในประเทศ มีความรวดเร็วในการขยับตัว อีกทั้งคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์มาก ถือเป็นโอกาสที่ดี ซึ่ง วันทัช มิกซ์ 3 พลัส ราคา ถูกกว่า Durex ประมาณ 30% มองว่าเป็นราคากำลังดี จำนวนชิ้นคงที่ อยากให้เป็นถุงยางที่ให้คนไทยได้ใช้ แบรนด์คนไทยเพื่อคนไทย

[stanleyspencerz-blog]

ถุงยางอนามัยวันทัชผลิตที่ไหน

ถุงยางอนามัย Onetouch Mixx 3 Plus สร้างแบรนด์เพื่อสร้างความมั่นใจ ถุงยางเป็นเรื่องของความรับผิดชอบของทุกคน ความท้าทายอยู่ที่ทำให้คนไม่ใช้ถุงยางมาใช้ให้ได้ อย่างที่บอกไปว่า Onetouch Mixx 3 Plus เป็นแบรนด์สัญชาติไทยแท้ อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ใหญ่ที่เป็นแบรนด์นอกอีก ทำให้ผู้บริโภคอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจในคุณภาพ ความท้าทายของ Onetouch จึงอยู่ที่การสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ แต่ก่อนให้ความสำคัญกับเรื่องสินค้าเป็นหลัก ไม่ค่อยได้สร้างแบรนด์มากนัก ตอนนี้จึงต้องมาใส่ใจเรื่องแบรนด์มากขึ้น ก็เลยมาคิดว่าถุงยางเป็นเรื่องของใครบ้าง แต่ก่อนอาจจะคิดว่าคิดถึงถุงยางต้องเป็นเรื่องเซ็กซี่ แต่สมัยนี้พบว่าไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ถุงยางเป็นเรื่องของทุกคน เป็นเรื่องของคนที่ดูแลตัวเอง

พอได้เรื่องแนวคิดอะไรมาแล้ว จะเห็นว่าเมื่อหลายปีก่อน Onetouch Mixx 3 Plus เคยทำคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ เป็นการทำร่วมกับแซลมอน เป็นวิดีโอไวรัลเพื่อทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น หรือการสร้างแบรนด์เลิฟนั่นเอง ซึ่งก็พบว่าวิธีการนี้ได้ผล ผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจแบรนด์ ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วันทัช มิกซ์ 3 พลัส ราคา มีการเติบโตในเรื่องของส่วนแบ่งตลาด และในเรื่องของการรับรู้ที่มีต่อแบรนด์มีมากขึ้น คนรู้จักแบรนด์ Onetouch Mixx 3 Plus มากขึ้น แต่ก่อนไปถามคนอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ตอนนี้คนรู้จักมากขึ้นแล้ว คนไทยชอบกลิ่นและบาง โดยหันไปซื้อออนไลน์มากขึ้น วันทัช มิกซ์ 3 พลัส ราคา โดยที่กลุ่มถุงยางที่มีกลิ่นมีการโตสูงที่สุด 35% ส่วนกลุ่มความบาง 0.03 ก็มีการเติบโตมากขึ้นเช่นกันอยู่ที่ 6.9% ภาพรวมตลาดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการหดตัวในเรื่องจำนวนการใช้ติดลบ 2.9% แต่ในเรื่องของมูลค่าหดลงเล็กน้อย แสดงว่าคนเริ่มหันมาใช้ถุงยางมีราคาสูงขึ้น สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้หลายอย่าง ผู้บริโภคอาจจะไปซื้อออนไลน์มากขึ้นเพราะสะดวกสบาย หรือผู้บริโภคสรรหาวิธีการป้องกันวิธีการอื่น เช่น ยาคุมกำเนิด หรืออาจจะไม่ใช้ถุงยางเลย ยอมรับความเสี่ยงมากขึ้น จริงๆ พฤติกรรมคนไทยเริ่มเปิดกว้างกับถุงยางอนามัย Onetouch Mixx 3 Plus มากขึ้นแล้ว สามารถซื้อในร้านค้าปลีกโดยไม่เคอะเขินแล้ว แต่ด้วยการซื้อขายบนออนไลน์ต้องบอกว่าราคา เป็นเรื่องน่าสนใจ มีโปรโมชั่นที่ถูกกว่า อีกทั้งบางคนเป็นการซื้อแบบมีการวางแผนล่วงหน้า

ต้องทำให้คนไม่อยากใช้ถุงยาง ต้องใช้ให้ได้ ความยากยิ่งกว่าการแข่งขันในตลาดก็คือ ต้องจูงใจคนที่ไม่อยากใช้ถุงยาง มาใช้ถุงยางให้ได้ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก เป็นเรื่องยาก บางครั้งต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐบาล มีแคมเปญยืดอกพกถุง การเปลี่ยนความคิดคนเป็นสิ่งยิ่งใหญ่มาก พฤติกรรมของผู้บริโภคทุกคนต้องการไม่ใส่ถุงยางมากกว่า เทคโนโลยีที่ดีที่สุดคือความบาง ตอนนี้ยางธรรมชาติสามารถทำบางที่สุดได้ที่ 0.03 ที่เห็นในต่างประเทศที่มีความบางมากกว่านั้นไม่ได้ทำจากยางธรรมชาติ แต่ยางธรรมชาติเป็นสัมผัสที่ดีที่สุด แบรนด์จึงพัฒนาจากยางธรรมชาติ ทิศทางการโตของตลาดไม่ต่างจากเดิมมาก แต่ตลาดออนไลน์จะคึกครื้น ทางแบรนด์เคยลองทำสำรวจ พบว่าคนพอใจกับยางธรรมชาติ มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า จึงอยากพัฒนายางธรรมชาติมากกว่า ให้มีความไต่ระดับความบางลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ Onetouch สินค้าทั้งหมด 10 รายการ แบ่งกลุ่มถุงยาง 5 ประเภท ได้แก่ ผิวบาง, มีปุ่ม, ฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น ใส่สารลดการรู้สึกสัมผัส, มีกลิ่น เช่น สตรอเบอร์รี่ และไซส์พิเศษ ที่ขายดีเป็นพิเศษก็ยกตัวอย่างเช่น Onetouch Mixx 3 Plus หรือ วันทัช มิกซ์ 3 พลัส ส่วนช่วงที่ขายดีที่สุดเป็นช่วงวันหยุดยาว ได้แก่ เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ และลอยกระทง จะเห็นว���าช่วงนี้จะมีการลดราคาเป็นพิเศษ แต่ที่ครองแชมป์ที่สุดคือวันลอยกระทง เพราะเป็นวันที่คนได้ออกจากบ้านได้ตอนกลางคืน มีบรรยากาศโรแมนติก อยู่ในช่วงฤดูหนาว ช่วงไหนที่มีปัญหาสังคม ยอดขายก็จะหดตัวไปด้วย