Tumgik
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
Headers 
0 notes
Photo
Tumblr media
#วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 และเงินถุงแดง เงินถุงแดงคือเงินที่ที่ ร.3 หรือ รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งสำเภาสินค้าไปค้าขายกับทางเมืองจีนแล้วพระองค์ก็เก็บเงินใส่ในถุงแดงตั้งไว้ข้างพระที่(ข้างที่นอนของพระองค์)แล้วทรงตรัสแต่ขุนนางว่านี่จะเป็นเงินไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง เป็นทรัพย์สินส่วนประองค์ที่ทรงพระราชทานไว้ให้เป็นทุนสำรองให้แก่แผ่นดินสำหรับใช้ในยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน หรืออยู่ในสภาวะที่จำเป็นต้องใช้เงินเหล่านี้ในยามฉุกเฉิน เงินถุงแดงนี้ เป็นเงินจากการเก็บหอมรอมริบของพระองค์ในการได้กำไรจากการค้าขายกับสำเภาสินค้าต่างๆทรงเก็บสะสมไว้นำใส่ถุงผ้าสีแดงแยกเป็นถุง ปิดปากถุงเก็บเข้าในหีบกำปั่นข้างพระแท่นบรรทม เก็บไว้เรื่อยๆมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแยกส่วนจากเงินในท้องพระคลัง เงินนี้มักจะพูดกันง่ายๆพอเข้าใจว่า “ เงินถุงแดง” คือ เงินของพระมหากษัตริย์ ให้แก่พระมหากษัตริย์องค์ต่อๆไปที่จะขึ้นครองราชย์มีสิทธิใช้ มิใช่เงินส่วนพระองค์ขององค์ใดองหนึ่งแต่เป็นเงินของพระมหากษัตริย์ไว้ใช้แก้ปัญหาบ้านเมืองในยามทุกข์เข็ญ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตการณ์ปากน้ำ หรือ วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ที่โดนฝรั่งเศสกดดัน และเรียกร้องค่าเสียหายจากการปะทะกัน จนได้รับความเสียหาย พอฝรั่งเศสส่งเรือเข้ามาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วหันกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชและยื่นคำขาดให้ทางไทยหรือสยามในขณะนั้น ยกดินแดนฝั่งซ้าย แม่น้ำโขง หรือลาวในปัจจุบัน และ จ่ายสินสงครามเพื่อเป็นค่าเสียหายแก่ทรัพย์และบุคลากรของฝรั่งเศสจำนวนเงินทั้งสิ้น 3 ล้านฟรังก์ สยามยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับฝรั่งเศส 3 ล้านฟรังก์ ซึ่งในขณะนั้นเงินในท้องพระคลังหลวงมีไม่เพียงพอ ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัววิตกกังวลพระราชหฤทัยมาก จนกระทั่งมีพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่กราบบังคมทูลเรื่อง "เงินถุงแดง" ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเก็บสะสมไว้เมื่อครั้งทำการค้าสำเภากับชาวต่างประเทศ และพระราชทานให้แก่แผ่นดิน สำหรับใช้ในยามที่บ้านเมืองเกิดภาวะคับขัน นำมา "ไถ่บ้านไถ่เมือง"รักษาเอกราชของชาติไว้ให้รอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของ ฝรั่งเศส ซึ่งเงินถุงแดงนี้มีจำนวนมากถึงสามหมื่นชั่ง เป็นเงินเหรียญทองรูปนกของเม็กซิโก ซึ่งในขณะนั้นมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 ชั่ง เท่ากับ 48 เหรียญนก แต่เงินถุงแดงนั้นก็ไม่เพียงพอให้จนหมดท้องพระคลัง เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการ ต่างมีความรักในชาติบ้านเมือง จึงช่วยกันถวายเงิน ทอง และนำสร้อย เพชรนิลจินดาไปขายเพื่อแลกเป็นเงินเหรียญ มีทั้งเงินจีน เงินเม็กซิโก เงินอเมริกัน เงินสเตอริง รวบรวมใส่ถุงขนออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูต้นสนไปยังท่าราชวรดิษฐ์กัน ตลอดทั้งวันทั้งคืน เนื่องจากมีเวลาจำกัดเพียง 48 ชั่วโมง กล่าวกันว่า เจ้านายฝ่ายในทรงสละทรัพย์สินเงินทองช่วยชาติบ้านเมืองกันอย่างมากมาย ต้องขนเงินเหรียญพดด้วงใส่รถออกไปหลายเที่ยว ทำให้ถนนเป็นรอยสึกเพราะน้ำหนักของเงินเหรียญที่ต้องนำไปไถ่บ้านไถ่เมืองคืน มานั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล มีน้ำหนักถึง 23 ตัน.
0 notes
Text
วันเลิกทาส
1 เมษา พ.ศ 2448 ประกาศใช้ ''พระราชบัญญัติทาสรัตนโกสินทร์ศก 124'' ประกาศให้ลูกทาสทุกคนเป็นอิสระและห้ามมีการซื้อขายทาสอีก เป็นผลให้ทาสออกไปจากสังคมไทย
0 notes
Photo
Tumblr media
“...ข้าพเจ้าบอกเขาว่า ผ้าที่เขาใส่นี่สวยมาก ขอทำให้พระราชินีได้มั้ย ชาวบ้านว่าพระราชินีจะเอาไปทำอะไร เพราะว่าผ้าแบบนี้ ที่คนจะนุ่งจะห่ม ก็มีแต่คนยากจนเท่านั้น พระราชินีจะใส่ไปทำไม ....... ข้าพเจ้าก็ตอบไปว่า ถ้าทอให้..พระราชินีจะใส่ตลอด ”
0 notes
Photo
Tumblr media
เหนื่อยก็พักนะ : )
0 notes
Photo
Tumblr media
Elvis  ♡
0 notes
Photo
Tumblr media
ดีกับหัวใจ 💕
0 notes
Photo
Tumblr media
Which one do u want to be ?  
0 notes
Photo
Tumblr media
“สถานีรถไฟหัวลำโพง” มีชื่อเรียกที่เป็นทางการว่า “สถานีรถไฟกรุงเทพ” เริ่มสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2453 สร้างเสร็จและเปิดใช้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ตามชื่อคลองและถนนในบริเวณใกล้เคียง คำว่า "หัวลำโพง" สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ทุ่งวัวลำพอง” ด้วยทุ่งกว้างบริเวณนั้น ซึ่งใช้เป็นที่เลี้ยงวัวของแขก เมื่อชาวบ้านเห็นฝูงวัวที่วิ่งกันอย่างคึกคะนองอยู่กลางทุ่งจึงเรียก “ทุ่งวัวลำพอง” และได้คลาดเคลื่อนมาเป็น “หัวลำโพง”
0 notes
Photo
Tumblr media
บทที่๒ นางสาวสยาม | วันเสาร์ที่๑๒ เดือน๑๑
นิษฐาให้ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมช่วยแต่งตัวให้เธอในชุดราตรี พร้อมกับเกล้ามวยผมขึ้น
ปานวาดเจ้าของห้องเสื้อที่ชวนให้นิษฐาเข้าประกวดก็เดินเข้ามา
“หนูนิดจ้ะ รอบต่อไปเป็นรอบตัดสินแล้ว ยิ้มหวานเข้าไว้นะจ๊ะ” ปาดวาดเอ่ยก่อนจะจับใบหน้าของนิษฐาให้หันซ้ายทีขวาที
นิษฐาไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้มาถึงจุดนี้ ความใฝ่ฝันที่มีมาตลอดกำลังจะเป็นจริง ใครจักเชื่อว่าเด็กสาวจอมแก่นของบ้านธราธรจะมาประกวดนางสาวสยามกับเขาด้วย แต่มันก็คงเป็นเพราะปานวาดได้พบกับนิษฐาในห้องเสื้อของเธอเองกระมัง ปานวาดรู้สึกได้ว่าเด็กสาวมีความพิเศษในตนเอง จึงได้ชักชวนให้มาประกวด ------------------------------------------
สิร์ธีร์: ด้านหน้าเวทีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคึกคักเพราะคนส่วนใหญ่นั้นล้วนแต่อยากมาดูนางสาวสยามสิรธีร์ที่เดินเข้ามาในงานด้วยเครื่องแต่งกายทหารเต็มยศได้แต่ถอนหายใจกับบรรยากาศ. เพราะตนนั้นไม่ชื่นชอบความวุ่นวาย. ก็ได้แต่คิดว่าไม่น่ามาเลยสักนิดพร้อมถอนหายใจ 
"พี่ใหญ่". 
------------------------------------------ 
ปรัญชัย: มอร์ซิเดสสีครีมขับมาจอดหน้าตึกที่ถูกห้อยประดับไฟ บ่งบอกถึงงานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ประตูคนจขับถูกเปิด ปรัญชัยกับสูทสีแดงที่สั่งตัดใหม่มือขวาถือช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ถูกจัดอย่างปราณีต เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ พร้อมกับเปิดประตูรถอีกฝั่งให้กับสุภาพสตรีที่มากับเขา.. '#น้องสาวคนหนึ่งในบ้าน' พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับเธอ
. ภายในงานเริ่มมีผู้คนมากมายเขายังคงมองหาใครบางคนในงาน ที่นั่งอยู่หน้าสุด เพียงแค่เห็นท้ายทอย เขาก็รู้ว่าใคร "พี่ใหญ่"ปรัญชัยเดินตรงเข้าไปพร้อมด้วยช่อดอกลิลลี่ที่ยื่นให้ "รีบรับไปสิครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็คิดว่าผมเอามามอบให้พี่ใหญ่"เขายิ้มก่อกวนสิรธีร์ผู้เป็นพี่ ที่วานให้เขาซื้อช่อดอกไม้ให้ "จะรีบอะไรขนาดนั้น...จนลืมไปรับช่อดอกไม้ที่สั่งไว้ที่ร้าน ดีนะที่แม่ช้อยเตือนผม...ไม่งั้นคุณนิดโกรธพี่ใหญ่ตายเลย"ปรัญชัยหัวเราะร่วนรอพี่ใหญ่รับช่อดอกไม้จากมือ
สิรธีร์:  "ขอบคุณ". สิรธีร์รับดอกไม้พลางมองดอกไม้แล้วยิ้มนิดนึง และหันไปสนใจเวทีต่อโดยไม่ได้ฟังคำหยอกล้อของปรัญชัย. 
ปรัญชัย:  ปรัญชัยนั่งลงที่ก้าวอี้ข้างสิรธีร์ มองผู้เป็นพี่ชายเพียงคราวหนึ่งก่อนมองไปบนเวทีที่ถูกประดับไฟและที่ว่างเปล่า
"มาที่งานก่อนใครเชียว..ดูสิ หม่อมพ่อยังมาไม่ทันจะถึงงาน น่าดีใจแทนคุณนิดจังเลยครับ"เขาหันมายิ้มหยอกล้อให้ผู้เป็นพี่ชาย
สิรธีร์: "ที่หม่อมพ่อยังไม่ถึงงานเพราะมัวแต่เกี้ยวสาวอยู่มิใช่หรือ" สิรธีร์พูดพลางนึกถึงพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อแล้วก็ได้แต่เอือมระอาความมากรักของผู้เป็นพ่อ. 
------------------------------------------
วีดา: วันนี้น้องสาวคนเล็กของบ้านธราธรถูกจับล้างน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ให้ดูดีพอไปวัดไปวากับเขาได้ เพื่อมาเป็นกำลังใจให้กับงานสำคัญของคนในครอบครัว 
ร่างบางในชุดเดรสสีครีมดูสุภาพเรียบร้อยส่งยิ้มให้กับปรัญชัยผู้เป็นพี่ชายก่อนจะก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วเดินตามเขาเข้าไปในงาน ระหว่างทางก็หันซ้ายทีขวาทีมองบรรยากาศโดยรอบด้วยความตื่นเต้นตามประสาเด็กๆ หันมาอีกคราชายหนุ่มที่มาด้วยกันก็เดินนำหน้าเธอไปไกลเสียแล้ว วีดาบ่นฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งตามไปทันทีพลางร้องตะโกนออกมาว่า "พี่ชายรอน้องด้วย!!" แต่เมื่อวิ่งจนตามมาถึงที่นั่งด้านหน้าแล้วก็หยุดชะงักแทบไม่ทันเมื่อเห็นใครอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เธอรีบยกมือขึ้นไหว้สวัสดีพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆให้พี่ใหญ่เป็นเชิงขอโทษแล้วจึงนั่งลง
ปรัญชัย: หลังจากที่ปรัญชัยพูดหยอกล้อสิรธีร์ไม่ทันไร วีดาน้องสาวที่มาพร้อมกับเขาก็วิ่งเข้ามา เธอรีบยกมือไหว้สวัสดีสิรธีร์ พร้อมส่งยิ้มแห้งๆให้เชิงขอโทษ "หายไปไหนมาน่ะเรา"ปรัญชัยเอ่ยถาม
วีดา: วีดาถลึงตาใส่ผู้เป็นพี่ชายเล็กน้อยก่อนจะว่าตอบ "พี่ชายนั่นแหละมิเห็นจะต้องรีบเดิน หากน้องผลัดหลงขึ้นมาจะฟ้องคุณสุให้ตีให้ตาย" 
ปรัญชัย: "ไม่ต้องขู่พี่หรอกค่ะ น้องวีขาสั้น เดินไม่ทันพี่เอง"ปรัญชัยหันไปทางวีดาพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องสาว เขามักจะพูดหยอกล้อกับเธอเป็นประจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารักน้องสาวและหวงแหนเธอ ปรัญชัยมองไปรอบงานชะเง้อหาใครบางคน 
สิรธีร์: "ตอนนี้ที่มาในงานมีชายกับน้องวีแค่นี้หรือ" สิรธีร์หันไปถาม 
วีดา: "เอ..คิดว่าจะใช่นะคะพี่ใหญ่" ว่าพลางชะโงกศีรษะมองซ้ายมองขวา "ยังไม่เห็นคนอื่นๆเลย"
สิรธีร์: "ไม่รู้จักรักษาเวลากันจริงเชียว. สงสัยกลับไปบ้านคราวนี้เห็นทีต้องอบรมกันเรื่องเวลากันบ้าง" สิรธีร์พูดพลางถอนหายใจ.
------------------------------------------
สิรินทร์: สิรินทร์ใช้เส้นสายที่มีติดต่อคุณปานวาดเพื่อขอเข้าไปพบนิษฐาหลังเวทีก่อนที่การประกวดจะเริ่มขึ้น หล่อนรู้ดีว่าแม่น้องสาวตัวดีจะต้องตื่นเต้นไม่เป็นอันทำอะไร สิรินทร์ไม่ลืมที่จะทำลูกชุบที่มีลักษณะเหมือนรูปเชอร์รี่ยุโรปติดมือมาด้วย หล่อนมักจะปลอบนิษฐาด้วยการเอาขนมชนิดนี้เป็นประจำมาตั้งแต่สมัยเด็ก สิรินทร์เดินเข้าไปที่บริเวณเตรียมตัวของผู้เข้าประกวด แลเห็นนิษฐากำลังยืนพูดคุยกับคุณปานวาดด้วยท่าทางประหม่า รออยู่สักครู่จึงส่งเสียงเรียก "คุณนิด"
นิษฐา:  “คุณเล็ก!” ทันทีที่เห็นพี่สาวของตนยืนอยู่หน้าประตู นิษฐารีบเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง 
 สิรินทร์:  "เป็นยังไงหือแม่ตัวดี เดี๋ยวก็เลอะเทอะกันพอดี คุณวาดแกแต่งลูกลิงออกมางามเสียจริง" สิรินทร์กอดตอบแล้วยิ้มมองนิษฐาด้วยสายตาภูมิใจ ก่อนที่หล่อนชูถุงในมือให้น้องสาวดู "คุณเล็กมีอะไรมาฝากคุณนิดด้วยนะ"
นิษฐา:  “ลูกชุบ!” นิษฐาคว้าถุงขนมมาก่อนจะหยิบขึ้นมากินชิ้นนึง “อร่อยมากเลยค่ะ! นี่นิดกำลังหิวอยู่พอดี” เธอเอ่ยพลางลูบท้องตัวเองเบาๆ
สิรินทร์: "พุงยื่นมาคุณเล็กไม่รับผิดชอบนะคะ" หัวเราะเอ็นดู
นิษฐา:  “กินนิดเดียวเองงง... แล้วนี่บรรยกาศข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างคะ?” นิษฐาเอ่ย
สิรินทร์:  "คึกคักเชียวค่ะ ตื่นเต้นใช่ไหมเรา มือเย็นเชียว" กุมมืออีกฝ่าย
------------------------------------------
อรอินท์:  อรอินทุ์เดินเข้ามาในงานประกวดของนางสาวศรีสยามด้วยความตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของงาน งานวัดที่บ้านสวนของเธอดูดาษดื่นไปถนัดตาเทียบไม่ได้กับงานประกวดแห่งนี้เลยสักนิด อรอินทุ์มาที่นี่เพื่อมาให้กำลังใจนิษฐาหรือคุณนิด ซึ่งเป็นเพื่อนหญิงคนแรกตั้งแต่เข้ามาอยู่ในธราธรทั้งยังคุยกันถูกคอไม่น้อย อรอินทุ์จึงรู้สึกถูกชะตากับนิษฐา
อรอินทุ์ไล่กวดสายตาตั้งแต่สายไฟหลากสีสันระยิบระยับที่ห้อยโยงกันไปมา ดูเหมือนโคมไฟระย้าแต่กระจายไปทั่วงาน รวมไปถึงร้านค้าต่างๆที่มีของทานเล่นมากมาย ก่อนที่สายตาของเธอจะจดจ้องไปที่ร้านไอติมหลอดร้านนึงซึ่งมีคนมาต่อแถวยาว อย่างไม่รอช้าอรอินทุ์รีบเดินตรงไปยังร้านไอติมหลอดนั้นทันที...
"ฮ๊า.. ได้กินเสียที" อรอินทุ์ยื่นมือไปรับไอติมแท่งหนึ่งพร้อมกับจ่ายเงินให้คนขาย เหงื่อเม็ดน้อยๆผุดขึ้นมาบนหน้าผากเพราะยืนต่อแถว แต่นั้นไม่ได้ทำให้หล่อนสนใจแม้แต่น้อย ตอนนี้หล่อนสนใจเพียงไอติมหลอดนี้เท่านั้น
"รสชาติของไอติมพระนครจะเป็นอย่างไรน๋อ~" อรอินทุ์พูดพลางลงมือจัดการไอติมหลอดที่อยู่ในมือของหล่อนจนหมดก่อนจะโยนไม้ลงถังขยะ แล้วหันซ้ายหันขวามองหาใครคนหนึ่งที่หล่อนนัดไว้ หล่อนไม่คิดจะไปนั่งหน้างานอยู่แล้ว เพราะมีเรื่องสนุกๆรออยู่~ ใยจักต้องไปนั่งด้วยเล่า
"ทำไมพวกไอ้จ้อยยังไม่มาอีกเนี่ย..เสียการเสียงานหมด" อรอินทุ์บ่นพึมพัมพลางชะเง้อหากลุ่มไอ้จ้อยท่ามกลางฝูงชน 
"เฮ้ย..พี่อินท์อยู่นั้นไง! พวกเรามานี่ๆ พี่อินท์" เสียงเรียกของเด็กมัดจุกกลุ่มหนึ่งดังขึ้น ทำให้อรอินทุ์หันควับไปมองกลุ่มไอ้จ้อยที่กำลังโบกไม้โบกมือมาทางหล่อน กลุ่มไอ้จ้อยคือกลุ่มเด็กมัดจุกในตลาดที่หล่อนเอาผักไปฝากขาย ด้วยความที่อรอินทุ์ชอบลุยๆ ไปไหนไปกัน ทำให้สนิทกัน และกลายมาเป็นสมาชิกที่อายุมากที่สุดของเด็กกลุ่มนี้อย่างงงๆ
"กว่าจะมาได้นะไอ้จ้อย ว่าแต่ธุระที่ให้ไปทำเรียบร้อยดีใช่ไหม?" อรอินทุ์ถามขึ้นเมื่อกลุ่มไอ้จ้อยเดินมาถึง 
"โอ้ยยย เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอประกาศก็จุดได้เลยพี่ พวกนั้นมันเตรียมพร้อมรอแล้ว มาๆ ไหนค่าหนมผม" ไอ้จ้อย หัวหน้าของกลุ่มเด็กมัดจุกพูดขึ้นมาก่อนจะแบมือขอค่าทำธุระ
"อ่ะ เอาไปซื้อหนมนะพวกเอ็ง อย่าเอาไปซื้อของไร้ประโยชน์ พี่ไปก่อนล่ะ ขอบใจมากไอ้จ้อย พวกเอ็งด้วยนะ" อรอินทุ์หยิบค่าทำธุระวางบนมือไอ้จ้อยก่อนจะขอบคุณพวกเด็กๆแล้วเดินออกมา จุดหมายก็คือหลังเวทีนะเอง 
"คุณนิดจะเป็นอย่างไรบ้างน๋อ.." อรอินทุ์แอบเข้ามายังหลังเวทีโดยทำทีเป็นคนของผู้ประกวดคนหนึ่ง ก่อนแยกตัวมาเพื่อหานิษฐา 
"อ๊ะ อยู่นั้นไง อยู่กับคุณเล็กนี่เอง" อรอินทุ์พูดขึ้นเมื่อเห็นนิษฐากำลังกินขนมอยู่ โดยข้างๆมีสิรินทร์อยู่ด้วย อรอินทุ์มองยิ้มๆอยู่สักพักก็เดินออกไปเพื่อไปเตรียมตัวจุด...
------------------------------------------
นิษฐา: นิษฐาสูดลมหายใจอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านหลังเวที วันนี้เธอมาในชุดสีขาวที่มีระบายเป็นชั้น และสิ่งที่เป็นจุดเด่น คงเป็นเข็มขัดสีครีมที่รัดรูปร่างสวยให้เห็นสัดส่วนมากขึ้น พร้อมกับสายสะพาย ‘ห้องเสื้อปานวาด’
“หมายเลข6 นางสาวนิษฐา ธราธร” ทันทีที่พิธีกรประกาศ นิษฐาค่อยๆก้าวเท้าคุณมาบนเวที ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นไหว้อย่างสวยงาม ตามแบบกุลสตรีชาววังที่หล่อนเคยได้ร่ำเรียนมา “คิดว่าหากได้เป็นนางสาวสยาม จะสามารถทำประโยชน์ต่อได้เพื่อตอบแทนสังคม เชิญคุณนิษฐาเลยครับ” พิธีกรหนุ่มผายมือมาทางไมค์ นิษฐากวาดสายตาไปทั่วหน้าเวทีอย่างประหม่า “ในฐานะนางสาวสยาม นิดอยากช่วยสังคมด้วยการสอนหนังสือเด็กๆในชนบทค่ะ การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาของชาติ แต่เด็กบางกลุ่มขาดการได้รับการศึกษาอยู่มาก นิดเห็นว่าเด็กเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้สังคมต่อไป เราจึงจำเป็นต้องสนใจเด็กกลุ่มนี้ เพื่อให้เขาได้มีความรู้และอาชีพติดตัวมาช่วยกันพัฒนาชาติต่อไป” นิษฐาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีเสียงปรบมือดังขึ้นมา ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินกลับเข้าไปยังด้านหลังเวที เพื่อรอการประกาศผลรอบสุดท้าย 
------------------------------------------------------------------------------------------- และแล้วการประกาศผลรอบสุดท้ายก็มาถึง… “ต่อไปเราจะประกาศผลกันแล้วนะครับ ขอเชิญผู้เข้าประกวดทั้ง5คนขึ้นมาบนเวทีเลยครับ” สาวงามทั้ง5คนรวมถึงนิษฐาด้วยขึ้นไปด้านบนเวที “และนางสาวสยามประจำปีนี้ได้แก่.....” “คุณนิด! คุณนิด! ~ ” มีเสียงเอ่ยชื่อนิษฐาดังมาจากด้านล่าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พี่น้องบ้านธราธรนั่นเอง “หมายเลข6 นางสาวนิษฐา ธราธร ” ทันทีที่ประกาศชื่อออกมา เสียงพลุก็ดังขึ้น อย่างสวยงาม “ขอเชิญท่านหญิงนุชนาฏมอบมงกุฎพร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัลให้กับนางสาวสยาม ประจำปีนี้เลยครับ” “ยินดีด้วยนะจ้ะ” คุณหญิงกล่าวพร้อมกับค่อยๆสวมสายสะพายในฐานะ ‘นางสาวสยาม’ พร้อมด้วยมงกุฎให้กับเธอ “ขอให้นางสาวสยามได้เดินอวดโฉมให้กับท่านผู้ชมได้ชมอีกครั้งครับ” นิษฐาค่อยๆก้าวขาเรียวเป็นจังหวะอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อถึงด้านหน้าเวที ใบหน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย มันเป็นอีกวันที่นิษฐารู้สึกภูมิใจในตนเอง ใครจะเชื่อว่าเด็กน้อยในวันนั้นจะได้มาเป็นนางสาวสยาม
------------------------------------------
อรอินท์:  “หมายเลข6 นางสาวนิษฐา ธราธร ” เสียงประกาศก้องจากเวทีการประกวดดังขึ้น ทำให้อรอินทุ์ที่ถือไฟแช็กรอไว้แล้วจุดเส้นด้ายขาวที่เชื่อมกับตัวพลุอย่างไม่รอช้า 
((ฟิ้วววว บุ้ม!!!)) เสียงพลุดังสนั่นขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือให้นางสาวศรีสยามประจำปีนี้ อรอินทุ์ปรบมือยินดีให้นิษฐาที่เห็นอยู่ลางๆซึ่งกำลังเดินอวดโฉมให้แก่ผู้ชมในงาน "วู้! ยินดีด้วยนะคะ" อรอินทุ์ตะโกนร้องแข่งกับเสียงพลุและเสียงปรบมือ
------------------------------------------
วีดา: เมื่อสิ้นเสียงประกาศผลการแข่งขัน วีดาที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเวทีก็ยกมือขึ้นปิดปากร้องกรี๊ดเบาๆด้วยความยินดีก่อนจะตั้งสติได้จึงรีบลุกขึ้นเพื่อปรบมือแสดงความยินดีให้กับนางสาวสยามจากบ้านธราธร "ทำได้แล้วนะคะคุณนิด!!"
------------------------------------------ 
มาลาริณทร์:   ในขณะที่มาลาริณทร์เดินชมงานวัดอยู่เสียงประกาศผลการแข่งขันก็ดังขึ้น "หมายเลข6 นางสาวนิษฐา ธราธร” มาลาริณทร์จึงรีบเดินไปที่เวทีการแข่งขันทันที และเมื่อเดินไปถึงก็เห็นคุณนิดของเธอกำลังได้รับสายสะพายอยู่จึงปรบมือแสดงความยินดีกับนิษฐาทันที ------------------------------------------
สิรธีร์:  “หมายเลข6 นางสาวนิษฐา ธราธร” เมื่อสิ้นเสียงประกาศดังขึ้นสิรธีร์ลุกขึ้นยืนพลางมองตามและ เมื่อเห็นนิษฐาหรือนางสาวสยามเดินมาถึงหน้าเวที สิรธีร์รีบเดินเข้าไปหาพร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้นางสาวสยามคนใหม่ “ยินดีด้วยนะครับน้องนิด” สิรธีร์ยิ้มออกมา
นิษฐา:  นิษฐารับช่อดอกไม้จากสิร์ธีร์พี่ชายของเธอ ก่อนจะกระซิบขึ้นว่า “น้องเป็นนางสาวสยามแล้ว อย่าลืมเลี้ยงขนมนะคะ!”
สิรธีร์:   สิรธีร์ยิ้มกริ่มพลางกระซิบตอบ"พี่ไปสัญญาว่าจะเลี้ยงตอนไหน "
นิษฐา: “สัญญานานแล้ว ทำเป็นจำไม่ได้”
------------------------------------------
เมฆา:   ดูเหมือนปลัดหนุ่มจะมาช้าไปนิดสำหรับการร่วมแสดงความยินดี หลังจากเคลียร์ธุระปะปังของตนเรียบร้อยเมฆาก็รีบขึ้นรถมาทันที แต่ดูเหมือนกว่าจะมาถึงงาน การเดินโชว์ตัวก็เริ่มขึ้นเรียบร้อยแล้ว เสียงปรบมือ ประกาศ และการประกวดยังคงดำเนินต่อไปในตอนที่ร่างสูงแอบแง้มประตูเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเงียบๆ ไม่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปคั่นจังหวะความสุนทรีย์ระหว่างที่ทุกคนให้ความสนใจสตรีโฉมสะคราญตรงหน้า อา...เขาจะต้องหูชาแน่ๆถ้าเล็กรู้ว่าที่นั่งทำเลงามที่อุตส่าห์จองไว้ถูกปล่อยว่าง เสียงปรบมือเกรียวกราวขึ้นมา และถ้าเขายังไม่แก่เกินจนประสาทหูฟั่นเฟือง เสียงแสดงความดีใจที่คุ้นหูดูจะไม่พ้นน้องๆของเขาที่ได้ที่นั่งชิดติดขอบสนามพร้อมฉากการมอบดอกไม้ที่น่าประทับใจ เมฆาได้แต่ยิ้มบางๆอย่างเดาไม่ผิด นานๆทีคุณใหญ่จะแสดงท่าทีแบบนี้ให้เห็น เป็นเรื่องน่ายินดี ท่าทางช่อดอกไม้ของเขาจะรับหน้าที่พระรองแทนซะแล้ว พร้อมใช้โอกาสที่กาลและเวลาสมควรนี้ค่อยๆเดินเข้าไปร่วมวงด้วย "ยินดีด้วยครับคุณนิด สวัสดีคุณใหญ่" แขขนข้างที่ว่างแตะเบาๆที่บ่าลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่พอจะอายุรุ่นราวใกล้เคียงกันแทนการขออภัยที่มาแทรกจังหวะหวาน(?)
นิษฐา:  “ขอบคุณค่ะพี่เมฆ” นิษฐากล่าวขอบคุณก่อนจะยิ้มอย่างดีใจ
สิรินทร์:  สิรินทร์มองมาจากที่นั่งแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขบขนกับท่าทางลับๆ ล่อๆ ของปลัดหนุ่ม หล่อนลุกจากที่เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ในครอบครัว
เมฆา: "ไม่เป็นไรครับ เป็นเรื่องที่ควรฉลอง จริงไหม โตมาเป็นสาวสวยมีรางวัลรับประกันแบบนี้ หม่อมอาคงต้องไว้หนวดแล้วสิ" คลี่ยิ้มตอบอย่างใจดี นิดเองก็เป็นน้องสาวที่เมฆาเห็นมาแต่เด็ก ที่จริงเวลาไปไหนมาไหน ชายหนุ่มก็เลือกที่จะพูดอย่างภาคภูมิใจว่า สุภาพสตรีธราธรงามพร้อมทั้งรูป ทรัพย์ และกิริยา แทบนับตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆไปเสียแล้ว "พี่เอาดอกไม้มาแสดงความยินดี มีหลายๆช่อจะได้ไม่น้อยหน้าใครเขา นี่ครับ คุณสุภาพสตรี" ไม่พูดเปล่า ช่อดอกไม้สีสวยถูกส่งให้อย่างมีน้ำจิตน้��ใจ โดยไม่ลืมจะทำท่าค้อมตัวน้อยๆประกอบคำพูดที่ทำเอาเจ้าตัวหลุดหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
สิรธีร์:  "สวัสดีครับคุณเมฆ" สิรธีร์พูดพลางมองไปที่ลูกพี่น้องด้วยสายตาเอือมระอา
นิษฐา:  “หอมชื่นใจมากค่ะพี่เมฆ” นิษฐาเอ่ย ก่อนจะรับช่อดอกไม้จากเมฆา จนทำให้ตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเธอเต็มไปด้วยช่อดอกไม้แสดงความยินดีที่ได้มาจากพี่ชายทั้งสองของเธอ
------------------------------------------
สิรินทร์:   "คุณนิดคนสวยของคุณเล็ก ฝันเป็นจริงแล้วนะคะ วันนี้ต้องฉลองเสียหน่อย" สิรินทร์ยิ้มกว้างก่อนจะดึงคนที่เป็นเสมือนดาวเด่นของห้องโถงแห่งนี้เข้ามากอด แล้วจึงหันไปขยิบตาให้สิรธีร์และเมฆา
นิษฐา: “ถ้าไม่มีคุณเล็ก นิดคงเป็นยัยจอมแสบ” นิษฐากอดอย่างออดอ้อน เธอคิดว่าถ้าไม่มีสิรินทร์ค่อยสอนความเป็นกุลสตรีให้ เธอคงไม่ได้มาถึงตรงนี้
สิรินทร์: "ยังไงก็เป็นยัยตัวแสบของคุณเล็กเสมอนั่นแหละค่ะ" หยิกจมูกแม่ตัวดีที่ออดอ้อนออเซาะเป็นเด็กๆ
------------------------------------------
ปรัญชัย: อากาศด้านนอกเย็นขึ้นเรื่อยๆ มองไปทางไหนก็เห็นแค่คงามมืด เงาจากแสงไฟตามทางเดินด้านนอกก็พอจะทำให้มองเห็นลางๆบ้าง ปรัญชัยยังคงเฝ้ามองหาเธอ น้องสาวบุญธรรมคนสนิท 'เธอคงไม่มาแล้วล่ะ..'มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบบอกกัวเขาอย่างชัดเจน "และนางสาวสยามประจำปีนี้ได้แก่...หมายเลขหก นางสาวนิษฐา ธราธร"ทันทีที่ประกาศชื่อเขาก็รู้ทันที��่าอย่างไรนิษฐาก็ต้องได้ตำแหน่งไป เธอเพรียบพร้อมและสมกับตำแหน่งนี้ ปรัญชัยเดินกลับเข้าไปในงานเห็นคนในบ้านธราธรเข้าไปแสดงความยินดี วันนี้คนที่มาก็มีเพียง สิรธีร์ สิรินทร์ อรอินทุ์ มาลารินทร์ และเมฆาที่ไม่คิดว่าจะมางานนี้ได้ ทันทีที่เดินไปถึงปรัญชัยก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มที่ยินดีทันที ไม่ได้เปลี่ยนเพราะเพื่อรักษาน้ำใจน้องๆ แต่ยินดีกับสิ่งที่นิษฐาสมควรได้รับจริงๆ "ยินดีด้วยนะคะ พี่ไม่นึกเลยว่าเด็กหญิงตัวดำๆ ฟันหลอๆ หน้าตาขี้เหร่ที่พี่เคยเห็น จะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด"เขากล่าวชมพร้อมแฝงคำหยอกล้อ
สิรินทร์: "สัพยอกน้องเสียจมโคลนเลยพ่อคนนี้นี่" สิรินทร์เอ็ดชายหนุ่มแบบไม่จริงจังนักแล้วหยิกเข้าที่บั้นเอวของปรัญชัยด้วยความมันเขี้ยว
ปรัญชัย: ปรัญชัยเอี้ยวตัวเพื่อหนีมือที่บิดบั้นท้ายแต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยให้รู้สึกเจ็บน้อยลงเลยทำให้แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน "ไม่สวยแล้วยังชอบทำร้ายอีก...สู้คุณนิดก็ไม่ได้"ปรัญชัยมองสิรินทร์พร้อมด้วยรอยยิ้มก่อกวนเชิงหาเรื่อง เป็นธรรมดาที่ทั้งคู่จะปะทะคารมกันบ่อย แม้เขาจะเกิดก่อนสิรินทร์เพียงไม่กี่เดือน แต่ปรัญชัยกับมองว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนๆที่เล่นด้วยกันมา
สิรินทร์: "ไม่หล่อแบบพี่เมฆแล้วยังจะยียวนอีกแน่ะ" สิรินทร์แค่นเสียงเหอะ หล่อนกับปรัญชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เยาว์วัย อยู่ใกล้กันเมื่อใดเป็นต้องมีเรื่องวิวาทให้สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านได้แต่กุมขมับ
ปรัญชัย:   ปรัญชัยเมินหน้าแสร้งทำเป็นไม่รับฟังสิ่งที่สิรินทร์พูด "ขี้เกียจเถียงกับเล็กแล้ว..กลับไปเลี้ยงฉลองที่บ้านธราธรกันดีกว่า ชายเตรียมอาหารรอไว้ที่บ้านแล้ว"ปรัญชัยกล่าว
(จบโรลธราธรตอน “นางสาวสยาม”)
0 notes
Photo
Tumblr media
ชื่อ: นิษฐา ธราธร  
ชื่อเล่น: คุณนิด
เพศ: หญิง
อาชีพ: น.ร เรียน : ม.6
ประวัติการแพ้: -
บุคลิก: มีมาดนิ่ง นิสัยดี: จิตใจดี มุ่งมั่น ตั้งใจทำสิ่งใดทำสิ่งนั้น ร่าเริง
นิสัยเสีย: ดื้อ เอาแต่ใจ เย่อหยิ่ง มีทิฐิ
ชอบ: ชอบทานขนมไทย,เที่ยวเล่น,ทะเล,วาดรูป
ไม่ชอบ: ไม่ชอบทานผัก
งานอดิเรก/ความสนใจ: สนใจในประวัติศาสตร์ แฟชั่นและกีฬาเทนนิส
ความสามารถพิเศษ: ขี่ม้า
สัตว์เลี้ยง: -
ความกลัว: [ไม่กลัวอะไร เพราะเป็นคนเข้มแข็ง มุ่งมั่นและบ้าบิ่น แต่มักจะพาความปวดหัวมาให้พี่ๆเสมอ(?)]
ปมชีวิต: โดนคุณชายแกล้ง ทำให้พลัดตกน้ำเมื่ออายุ8ขวบ
ประวัติเพิ่มเติม: ความใฝ่ฝันที่คุณนิดอยากจะเป็นมาตั้งแต่เด็กคือ “นางสาวศรีสยาม” จนกระทั่งคุณนิดอายุ 18ปีบริบูรณ์ คุณนิดได้พบกับแม่เล้า ที่ชักชวนเธอให้มาร่วมแข่งขันนางสาว��รีสยามในครั้งนี้ คุณนิดตัดสินใจอย่างไม่ลังเล แต่คนในครอบครัวไม่เห็นด้วยมากนัก คุณนิดจึงตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อไปทำตามคงามฝันของตน โดยยังติดต่อกับคุณเล็กและพี่ใหญ่อยู่เสมอ.
0 notes
Text
RoleTharatornTheseries
กติกาการเล่นโรล ธราธร เดอะซีรีย์
1.พื้นฐานอยู่บนความเป็นจริง ห้ามเกินความสามารถของตัวละครที่จะทำได้
2. โรลอิงตามยุคสมัย 60-70s
3. แทนตัวเองด้วยบุคคลที่ 3 เช่น ดร.ดิเรก,เขา,เธอ
4. ห้ามโรลเป็นเชิงบังคับตัวละครผู้อื่น เช่น เดินไปนั่งพร้อมกับที่'คุณชาย'ดึงเก้าอี้ให้ 'คุณชาย'ดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ...(แต่สามารถสมมติตัวละครตัวอื่นที่ไม่ใช่คนในบ้านได้)
5.ไม่โรลทำร้ายร่างกายรึจิตใจผู้อื่นโดยไม่ได้ตกลงกับอีกฝ่ายก่อน
6.ส่วนไหนที่เป็นความลับรึไม่ได้บอก..(เช่นในประวัติชายที่บอกเสียคนรัก) ก็คือไม่สามารถรู้ได้
0 notes