Tumgik
khundanai-blog · 13 years
Text
Review: HQ hostel Bangkok
ด้านหน้าโรงแรม ผมมักรู้จักและคุ้นเคยกับที่พักประเภท Hostel เวลาเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากประหยัดเงินและค่าใช้จ่ายได้มาก ย้อนกลับมาที่เมืองไทย โอกาสที่จะพัก Hostel น้อยมาก เนื่องจาก โรงแรมมีให้เลือกหลากหลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้มีโอกาสเข้าพัก Hostel แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองธุรกิจย่านสีลม ซอย 3 (ซอยพิพัฒน์) นั่นคือ HQ hostel Bangkok ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆโรงแรมที่เข้าร่วมประกวด Thailand Boutique Awards 2011 ที่นี่หาไม่ยาก ตอนที่ไปพักกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง จึงไม่มีภาพล๊อบบี้หรือมุมอื่นที่น่าสนใจมาฝากมากนัก แขกที่พักส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ จุดเด่นของที่นี่คือ ที่ตั้งใจกลางเมือง และจ่ายในราคาเบา ๆ มีให้เลือกพักทั้ง 5 แบบ คือ ห้อง A Type : 10 Bunk beds (380 บาท/เตียง) L Type : 6 Bunk beds (630 บาท/เตียง) M Type : 4 Bunk beds (730 บาท/เตียง) T Type : 2 Bunk bed-private room with shared bathroom (1,300 บาท/ห้อง) และ S Type : 1 Queen Size bed for 2 people with bathroom (1,700 บาท/ห้อง) ห้องที่ผมพักเป็นแบบ S Type ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 5 (ไม่มีลิฟต์) เป็นห้องที่เรียบง่าย ตกแต่งแบบมินิมอล ที่เน้นสีโทนเรียบขรึม และความสวยงามของปูนเปลือย เตียงนอนติดพื้น ห้องน้ำเปิดโล่งภายในห้องมีเพียงราวผ้าบางๆกั้นไว��� ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่ได้อารมณ์ เหมาะกับคนที่ไม่เรื่องมากและชอบความแปลกใหม่ คนที่ชอบความสะดวกสบาย เช่น ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม เก้าอี้นอนกลางวัน โทรทัศน์ อาจจะรู้สึกขัดใจบ้าง เพราะที่นี่ไม่ได้มีไว้ในห้อง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นปัญหาในการพักผ่อนนัก เว้นเสียแต่ เวลาอาบน้ำ น้ำอุ่นไม่ได้ดังใจเพราะแทบไม่รู้สึกอะไร อาหารเช้าที่นัดหมายกัน 7 โมงเช้าก็ไม่มีวี่แววส่งมาถึงห้อง จนต้องโทรไปทวงถาม หากมีการจัดระเบียบการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้จะประทับใจมากยิ่งขึ้น โดยภาพรวม เมื่อมองถึงศักยภาพของทำเลที่ตั้งและราคา ผมก็ยังคิดว่า Hostel แห่งนี้ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
0 notes
khundanai-blog · 13 years
Text
Review: Focal Local Bed and Breakfast
บางที หากเวลาและโอกาส ไม่อำนวยให้สามารถไปพักผ่อนไกลๆได้ การเลือกเข้าพักในรูปแบบหนึ่งคือ การสัมผัสใกล้ชิดกับชุมชน ที่ไม่พลุกพล่านมากนัก ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนนั้น ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ... Focal Local Bed and Breakfast เป็นหนึ่งในหลายๆโรงแรมที่เข้าร่วมประกวด Thailand Boutique Awards 2011 ตั้งอยู่ที่ ซอยเจริญนคร 28 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ การเดินทางที่ไม่ยุ่งยาก เพียงลงทางด่วนสีลม ขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน(สาทร) ลงสะพานชิดซ้ายเข้าโค้ง ถึงสามแยกไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญนคร ตรงไปซอยเจริญนคร 28 จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องวัดเศวตฉัตร หน้าปากซอยมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จากนั้นเข้าซอยมาประมาณ 150 เมตร จะเห็นโรงแรมสีส้มเด่นสง่าอยู่ฝั่งซ้ายมือ ที่นี่มีห้องพักเพียง 7 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมีการออกแบบที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละแบบจะมีลูกเล่นเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์ เช่น ห้อง Yesteryears จะออกแบบย้อนยุค ให้เราสามารถรำลึกถึงบรรยากาศในยุค 80 ด้วยเฟอร์นิเจอร์และลวดลายที่เก๋ไก๋ ห้อง Simply gorgeous ห้องนี้จะตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหวานด้วยดอกไม้ประดับ และสีสันที่นวลตา ห้อง Siamese จะเน้นความเป็นไทย ด้วยเฟอร์นิเจอร์และลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม นอกจากนี้ยังมีห้องอื่น ๆ อีก แต่ห้องที่ผมได้พักเป็นห้องที่สะท้อนถึงอารมณ์สนุกสนานและเต็มไปด้วยสีสันที่ฉูดฉาด แฝงไปด้วยลูกเล่นที่สนุกสนานไว้ด้วยกัน ชื่อว่าห้อง Splash ซึ่งเตียงนอนนุ่ม นอนหลับสบาย ไม่มีปัญหา ห้องน้ำก็มีลูกเล่นทำให้เราอมยิ้มได้เหมือนกัน สิ่งที่โดดเด่นและประทับใจผมมากๆคือ การให้บริการที่เป็นกันเอง ดุจญาติมิตร นอกจากนั้น ความสะอาดโดยรวมทั้งโรงแรมก็ไม่บกพร่อง การตกแต่งที่ล๊อบบี้และห้องรับประทานอาหารเน้นการประดับที่สะท้อนความเป็นไทยและย้อนยุค ไม่มากและน้อยเกินไป สวนเล็กๆที่อยู่ชั้นสองแม้จะไม่ใหญ่มากนักเนื่องจากพื้นที่จำกัด แต่มีการจัดแต่งและจัดวางอย่างลงตัว เสียงเพลงเบา ๆที่เปิดคลอระหว่างพักผ่อน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา และหากเรารู้สึกเบื่อ อยากหากิจกรรมทำ ทางโรงแรมก็มีจักรยาน ให้เราสามารถปั่นเล่นแถวละแวกนั้นได้ เพลินดีเหมือนกัน ตกเย��นทางโรงแรมแนะนำร้านอาหารขึ้นชื่อย่านนั้นคือ ร้านคิ้มโภชนา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งโรงแรมมากนัก ซึ่งติดอยู่ถนนใหญ่ย่านเจริญนครนั่นเอง อาหารที่นี่อร่อยและถูกปากมาก จนต้องหาโอกาสมารับประทานอีกครั้งให้ได้ ด้านอาหารเช้าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยที่เรารู้จักกันดี อร่อย ถูกปาก แถมมีการตกแต่งจานได้น่ารับประทานมาก โดยภาพรวมแล้ว ผมได้รับความรู้สึกประทับใจทั้งการให้บริการและสถานที่ ถือว่าสอบผ่านครับ :)
0 notes
khundanai-blog · 13 years
Text
Review: X2-Kui Buri (ครอส ทู - กุยบุรี)
เคยไหมครับ บางครั้งอะไรที่มันมากเกินไป ก็รู้สึกเกินความจำเป็น แต่หากน้อยเกินไป ก็อาจรู้สึกไม่เพียงพอ ... อาจจะเป็นเพราะคนเราไม่มีความพอดีอยู่ในตัวอยู่แล้วกระมัง เราจึงหาจุดที่พอดีกับชีวิตเราไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด การได้ใช้ความคิดเงียบๆในบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่าน และมีความเป็นส่วนตัว ก็น่าจะทำให้เราตกผลึกความคิดอะไรบางอย่างได้บ้าง ... ผมมีโอกาสได้รับเชิญ เพื่อให้เข้าพักที่บูติก โฮเทลแห่งหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านชะอำ (จ. เพชรบุรี) หัวหิน ปราณบุรี ก่อนจะถึงจุดหมายที่กุยบุรี ช่วงกิโลเมตรที่ 310 ผมเคยสัมผัสกลิ่นไอทะเลของแต่แห่งทั้ง ชะอำ, หัวหิน และ ปราณบุรี มาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้มาใช้ประสบการณ์พิเศษ ที่กุยบุรีโดยเฉพาะ และครั้งนี้ ผมพักที่ X2-Kui Buri ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆโรงแรมที่เข้าร่วมประกวด Thailand Boutique Awards 2011 ครับ ผมมักจะติดตามงานออกแบบของบุคคลหลากหลาย และหนึ่งในนักออกแบบที่ผมชื่นชอบก็คือ คุณดวงฤทธิ์ บุญนาค ซึ่งเป็นผู้ออกแบบ X2-Kui Buri ที่ซึ่งผมไปพักแห่งนี้ ... สถาปัตยกรรมก็คงเหมือนงานศิลปะแขนงหนึ่ง แล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ความชอบ ถ้าไม่รักแบบหัวปักหัวปำก็อาจจะเกลียดไปเลย... งานออกแบบของที่นี่ถือได้ว่ามีดีไซน์เฉพาะตัว ก้อนหินที่เรียงรายสวยงามที่ถูกจัดวางเป็นผนัง ลักษณะคล้ายๆกล่องหินขนาดใหญ่ ที่หลายคนอาจไม่คุ้นตา แต่คุ้นในความรู้สึก ให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งขึ้น เมื่อมือเราสัมผัสกับก้อนหินเหล่านั้นก็จะรู้สึกถึงได้ของความแข็งแกร่ง มั่นคง และสวยงามอย่างประหลาด ห้องพักที่ขนาดพื้นที่ไม่กว้างมากนัก แต่ถูกจัดวางพื้นที่ใช้สอยได้ดี และประหยัดเนื้อที่ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านพักมีขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ใจโลดแล่น แทบจะกระโดดลงสระทันทีที่เห็น น่าเสียดายบ้านหลังที่ผมพัก (ห้องที่ 16) ใกล้กับสโมสร สระว่ายน้ำของโรงแรม แม้จะมีกำแพงไม้กั้นไว้บางๆ แต่ก็ยังสามารถได้ยินเสียงเล็ดลอดเข้ามาทุกครั้งที่คนสนุกสนานกันอยู่อีกฝั่ง ... ถ้าใครที่รักความสงบและเงียบมาก ๆ ควรหลีกเลี่ยงห้องนี้ ผมฝากท้อง มื้อค่ำ ไว้ที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งติดกับทะเล นับได้ว่าบรรยากาศดีทีเดียว แม้อาหารที่ถูกเตรียมไว้ให้จะรู้สึกธรรมดาและเฉยๆ แต่ความงดงามของธรรมชาติและบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติค ของโรงแรมและกลิ่นไอทะเลริมฝั่งทะเลอ่าวไทยที่นั่น ก็ทำให้เราลืมรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆลงไป ... เมื่อหนังท้องอิ่ม และเดินเล่นย่อยอาหารเรียบร้อยแล้ว หนังตาก็เริ่มหย่อน ต้องยอมรับว่า ที่นอน หมอนของที่นี่สะอาด นุ่ม นอนสบายจริงๆ ส่วนห้องน้ำก็สะอาดและแบ่งหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยากอาบในร่มหรือกลางแดด ก็สามารถทำได้แล้วแต่ใจชอบ ... แต่ถ้าใครที่ติดความสะดวก มองหาตู้เสื้อผ้าหรือไม้แขวนเสื้อ ที่นี่ไม่มีไว้ให้บริการ ... ซึ่งผมรู้สึกว่า บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่คุณๆผู้หญิงอาจรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ... ที่นี่น่ารักมาก อนุญาตให้น้องหมาเข้าพักได้ด้วย ซึ่งต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กก. โดยเสียค่าบริการเพิ่มเล็กน้อย ซึ่งผมก็ว่าดีนะ เพราะบางทีเราไปที่สวยๆบรรยากาศดี ๆ ก็อยากให้ลูกๆของเราได้ไปด้วย... โดยภาพรวมที่นี่ถือว่าสอบผ่านในแง่ความประทับใจครับ
0 notes
khundanai-blog · 13 years
Text
Yangon 2011
ผมมักสงสัยเสมอว่า... การไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกับประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รบรา ฆ่าฟัน เกลียดกันมาก่อน จะมีผลต่อคนรุ่นหลังๆที่ไปเยี่ยมเยือนหรือไม่ ? โดยเฉพาะกับ ประเทศ "พม่า" "ย่างกุ้ง" เปรียบเสมือนเมืองกึ่งเปิดกึ่งปิด มีระเบียบวินัยและวัฒนธรรมของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นเมืองหลวง เปรียบเสมือนเมืองที่มีความเจริญที่สุด (ปัจจุบัน เมืองหลวงประเทศพม่าคือ เนปีดอว์) แต่เรายังคงเห็นภาพที่ชินตาของการแต่งกายที่นุ่งโสร่ง การเคร่งในศาสนา การสวดภาวนาตามวัดต่าง ๆ นอกจากนั้นเรายังคงเห็นความแออัดในการโดยสารรถประจำทาง รถแท็กซี่ที่เก่าและไม่มีแอร์ แต่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หาใช่เงื่อนไขที่หมดเสน่ห์ของย่างกุ้งได้ กลับกัน ผมกลับนึกช��่นชมในความอดทน การดิ้นรนในการดำรงชีวิตของชาวพม่า แม้ผู้คนจะเหน็ดเหนื่อย แต่เรายังสามารถพบปะกับรอยยิ้มของผู้คนได้อยู่เสมอ ๆ กำหนดการเดินทางครั้งนี้คือ ระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน 2554 แม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่เต็มเปี่ยมด้วยความประทับใจ อันน่าจดจำ "ย่างกุ้ง" แม้จะไม่เจริญเทียบเท่าบ้านเรา แต่น้ำใจและมิตรภาพของผู้คน ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าประเทศใด ผมนั่งนึกไปมาหลายครั้งว่า ถ้าหากเราละทิ้งความเจริญในวัตถุ และผู้คนรอบข้างทั้งที่สนิทใจและไม่สนิทใจ เราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข โดยที่เราไม่ต้องโหยหามันได้หรือไม่ ... นั่นซินะ คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบใด ๆ จากผม แต่อย่างน้อยที่สุด คำถามที่ติดค้างในตอนต้น ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า เราไม่ควรยึดติดกับอดีต ควรที่จะเรียนรู้จากมันเป็นบทเรียน เพื่อนำมาปรับปรุง พัฒนาแก้ไขให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง ... หนุ่ม 04/04/2011 VDO ประกอบทริปนี้ ดูที่ : http://youtu.be/-uO4zMdSKVk?hd=1
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
Bali - Java 2011
การกลับมาบาหลีครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาห่างจากครั้งแรกเพียงแค่ประมาณ 4 เดือน ไม่มีอะไรมากมาย นอกจากหลงไหลในความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบาหลี แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจเอาไว้คือ การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ จะเป็นการสูดกลิ่นไอแห่งวิถีชีวิตพื้นเมืองที่แท้จริง ไม่ได้เน้นเที่ยวตามวัดเพราะเราได้ไปมาแทบจะทุกจุดที่สำคัญของวัดต่าง ๆ ในบาหลีตอนมาเยือนครั้งแรกไปแล้ว แม้กระทั่งการแสดงร่ายรำ ที่เราสามารถหาชมได้ตามสถานที่สำคัญ ที่มีการเก็บเงินเข้าชมการแสดง เราก็เลือกที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม และสังเกตุการณ์ในวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งจะได้เห็นและเข้าใจ ซึมซับวิถีการดำเนินชีวิตของเค้าได้มากกว่า เราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ตลอดทริปนี้ เป็นการท้าทายตัวเองทั้งพลังกายและพลังใจว่าจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน เราเริ่มต้นเดินทางจาก Denpasar แล้วลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนมาพักค้างคืนที่ Candidasa ได้ที่พักราคาเหมาะสม ติดทะเล ในราคาเมื่อเทียบเป็นเงินไทยแล้ว ในราคาไม่ถึง 400 บาท !!! และนั่นเป็นโจทย์ที่เราตั้งใจเอาไว้ว่า ต้องหาที่พักราคาถูก และดีแบบนี้ตลอดทริปให้ได้ เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Tenganan ซึ่งไม่ห่างจากที่พักมากนัก โดยที่นี่ ยังคงความเอกลักษณ์ของหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของบาหลีนอกจากจะได้เห็นการทอผ้าที่ปราณีตแล้ว ยังได้เห็นงานไม้แกะสลัก ตลอดจนการเพ้นต์ลวดลายสีบนไข่ใบโต ดูแล้วน่าทึ่งอย่างยิ่ง จากนั้น เรามุ่งหน้าขึ้นเหนือ โดยผ่านทะเลที่สวยงามหลายจุดด้วยกัน อย่าง White Sand Beach หรือ Virgin Beach Club (Pasir Putih) ซึ่งการเดินทางเป็นไปด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากสภาพถนนที่โค้งชันและเป็นหลุมเป็นบ่อ และในที่สุด "โครม !!!!" ใช่ครับ มอเตอร์ไซค์ล้มระหว่างทาง ซึ่งก็ได้บาดแผลที่หัวเขาและแขน บาดแผล��าจไม่สำคัญไปกว่า การ เตือนสติตัวเองให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เราประคองตัวเองขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไป เราขับผ่าน Amed Beach ซึ่งเป็นชายหาดที่มีเอกลักษณ์ มีหาดทรายสีดำขุ่น มีเรือหนวดปลาหมึกเรียงรายมากมาย อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ทำให้จิตใจเบิกบานได้อย่างมากมาย ระหว่างทาง เราแวะทานอาหารที่เราเห็นบ่อย ๆ ตามบาหลี นั่นคือ Bakso หรือก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง โดยเค้าจะมีทั้งเส้นบะหมีและเส้นใส ๆ คล้ายวุ้นเส้นใส่รวมกันในชาม ซึ่งอร่อยทำให้ติดใจ จนขอเบิ้ลสอง แล้วเราก็เดินทางและมาหยุดพักค้างคืนที่ Lovina โดยตั้งใจเอาไว้ว่าจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับการชมปลาโลมา เหมือนเมื่อตอนมาบาหลีครั้งแรก แต่แล้ว ... โชคก็ไม่เข้าข้าง เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งอย่างรุนแรง เช้าวันรุ่งขึ้น โปรแกรมการชมปลาโลมาจึงต้องยกเลิกไปในที่สุด หลังจากเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้ว เราจึงมุ่งหน้าต่อไปยัง Gilimanuk ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมข้ามระหว่างบาหลีและฝั่งชวา (Java) โดยในการข้ามฝั่งนั้นจะมีค่าธรรมเนียมที่ Rp 16,000 (ประมาณ 58 บาท) ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เราก็จะถึงอีกฝั่ง ... เรานั่งมองทะเลที่กว้างใหญ่อย่างเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับธรรมชาติระหว่างการเดินทางข้ามอีกฝั่ง ... โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า มันเต็มไปด้วยอุปสรรค์ ที่ต้องวัดใจตัวเองอย่างมากมาย !!! และแล้ว เราก็มุ่งหน้าเดินทางไปดูภูเขาไฟโบรโม ทางที่แคบเล็กและเป็นฝุ่นทรายตลอดทาง เราดั้งด้นมาจนถึงที่พักจนได้ในเวลาสองทุ่มกว่า ทุกอย่างมืดสนิท เนื่องจากไฟฟ้าขัดข้อง ที่พักของเราคือ Cemara Indah Hotel ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งปลั๊กไฟ เป็นที่ซุกหัวนอน เพื่อที่ว่าจะต้องตื่นมาตีสี่ในการปีนเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขา Penanjakan แล้วส่องลงมาที่โบรโม่ เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เราไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ที่นั่น เนื่องจากมีหมอกปกคลุมหนา แม้ว่าจะเหนื่อยจากการปีนเขาประกอบกับอากาศที่หนาวเหน็บก็ตาม ความโชคร้ายยังไม่หมด เรามอเตอร์ไซค์ล้มระหว่างทางอีกครั้งตอนขากลับ ครั้งนี้เจ็บหนักกว่าครั้งแรกแต่พอทน ... จากนั้นเราเดินทางต่อไป จุดหมายของเราคือ Kawah Ijen ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่แปลกและสวยงาม การเดินทางที่แสนลำบากเนื่องจากทางที่คดเคี้ยว เราพบแต่หินก้อนโตตามทางเป็นหลาย ๆ สิบโล สามทุ่มกว่า เรามาถึงหมู่บ้านที่และพยายามหาโรงแรม แต่บรรยากาศรอบ ๆ เงียบกริบ มืดและหนทางดูจะไม่สิ้นสุดเสียที โชคดีที่คนในหมู่บ้านให้��ราพักค้างแรม แม้จะต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ไม่ได้สื่อสารภาษาเดียวกัน แต่มิตรภาพที่เขาหยิบยื่นให้มันมากมายเหลือคณานับ ทั้งที่พัก อาหารการกิน ดูแลเราเป็นอย่างดี รุ่งเช้าเราจึงมอบเงินให้เป็นจำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน ระยะทางจากจุดที่ต้องเดินไต่เขาเพื่อไปดู Kawah Ijen นั้นประมาณ 3 กม. ทางที่ชันและแคบ ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 1 ชั่วโมงเศษ ๆ กว่าจะมาถึง แต่ก็คุ้มค่าและน่าจดจำยิ่งนัก เสร็จแล้วเรามุ่งหน้าต่อเพื่อกลับไปยัง Ketapang เพื่อจะข้ามไปยัง Gilimanuk หรือฝั่งบาหลีนั่นเอง ���ราพักที่ Kuta และรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปที่ Pura Tanah Lot เพื่อไปชมความงดงามส่งท้ายและได้ไปล้างหน้าที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง .... ระยะทางในการเดินทางรวมทั้งสิ้นมากกว่า 1,400 กม. ตลอดระยะเวลา 6 วัน 5 คืน ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 4,384 บาท จะทำให้เราจดจำประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ ไปตราบนานเท่านาน ... ลาก่อน บาหลี - ชวา จนกว่าเราจะได้พบกันใหม่ VDO ที่เกี่ยวข้อง Bali : http://www.youtube.com/watch?v=Q2wP-Yvw2CM Java : http://www.youtube.com/watch?v=CLgpGSvn8LI
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
Singapore - Day 2-4; Singapore 2010
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
Singapore - Day (1) Zouk Out 2010 @ Sentosa Island Singapore
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
BALI - DAY : 4-6 (ClubMed Bali)
3 Days / 2 Nights @ Club Med Bali (2 - 4 October 2010)
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
BALI - DAY : 3
29 SEP - 4 OCT 2010 - Lovina Beach - Pura Ulun Danu Batur - Pura Tuluk Biyu Batur - Kintamani - Tegalalang Rice Terrace - Lake Batur - The Mother Temple of Besakih, or Pura Besakih - Barong Dance at Ubud Palace
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
BALI - DAY : 2
29 SEP - 4 OCT 2010 - Legian Beach - Pura Petitenget - Pura Taman Ayun - Jatiluwih Rice Terrace - Pura Ulu Danu Lake Bratan - Gitgit Waterfall
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
BALI - DAY : 1
29 SEP - 4 OCT 2010 - Lovina Beach - Pura Ulun Danu Batur - Pura Tuluk Biyu Batur - Kintamani - Tegalalang Rice Terrace - Lake Batur - The Mother Temple of Besakih, or Pura Besakih - Barong Dance at Ubud Palace
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
// Singapore 2010 //
Singapore Trip 11-14 December 2010 ได้มีโอกาสไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรก แถมได้ตั๋วเครื่องบินฟรีและบัตรเข้างานระดับโลกอย่าง Zouk Out 2010 ซึ่งจัดขึ้นที่ หาดซิโลโซ เกาะเซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ซะด้วย จากสายการบินที่เราได้ใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง อย่าง แอร์เอเชีย ส่วนการเดินทางครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ด้านบรรยากาศของงาน Zouk Out 2010 นั้นถือได้ว่าเป็นงานสุดยอดแห่งการเฉลิมฉลองสุดยอดเทศกาลดนตรี และครั้งนี้ ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบการจัดงานติดต่อกันเป็นปีที่ 10 (ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2543) ประสบการณ์ความมันส์กว่า 12 ชั่วโมง เรื่มตั้งแต่ตะวันตกดินจนตะวันขึ้นของเช้าวันใหม่ (สองทุ่ม ถึงแปดโมงเช้า) บนพื้นที่มากกว่า 56,000 ตารางเมตร ด้วย 4 โซนของความมันส์บนหาดทราย แต่ละโซนจะมีดนตรีที่แตกต่างกันไป ทั้ง เฮ้าส์, เทคโน ,อิเลคโทร, โปรเกรสซีฟ,อัลเทอร์เนทีพ,อินดี้,ฮิพฮอพ และที่แน่นอน แนวเพลงที่ฮิตตลอดการอย่าง แมมโบ้ แจมโบ้ (Mambo Jambo) และดีเจสุดฮอทมากมายที่มาให้ความบันเทิง อย่าง David Guetta, Tiësto, Laidback Luke เป็นต้น ขอบคุณแอร์เอเชียอีกครั้งสำหรับประสบการณ์และโอกาสดี ๆ ที่มอบให้ครับ : )
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
// Northern Leisure //
Mandarin Oriental Dhara Dhevi 26 - 28 November 2010
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
// Aleenta Resort & Spa | Hua Hin - Pranburi //
วันที่ไปพัก ฟ้าใส เป็นวันที่บรรยากาศดีมากอีกวันหนึ่งครับ : ) การจะเข้าใจความหมายของคำว่า "พักผ่อน" อย่างแท้จริง เราคงต้องใช้เวลาอยู่กับมัน เพื่อให้ได้สัมผัสของกลิ่นไอแห่งความสุนทรีย์ในชีวิต วันหยุดที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปพักที่ Aleenta Resort & Spa | Hua Hin - Pranburi การเดินทางครั้งนี้ ยอมรับว่าหลงทางอยู่เป็นชั่วโมง เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับทะเลแถบปราณบุรีซักเท่าไหร่ ประกอบกับป้ายบอกทางก็มีไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ แต่ในที่สุดก็มาถึงจนได้ .... พอได้มาเข้าพักแล้ว จะพบกับความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ด้วยจำนวนห้องที่ไม่มาก ซึ่งเป็นการจำกัดจำนวนแขกที่เข้าพักแต่ไม่ได้รู้สึกโหวงเหวงแต่อย่างใด เพราะที่นี่มีกิจกรรมสำหรับแขกที่เข้าพักหลากหลาย ห้องที่ผมพักครั้งนี้เป็นห้องแบบ Palm Pool Suite ซึ่งเป็นห้องที่เปิดโล่งมองเห็นน้ำทะเลใสของปราณบุรีได้อย่างงดงามทีเดียว ที่นี่ไม่มีโทรทัศน์เหมือนโรงแรมทั่วไป แต่มี iPod และ iDock ไว้ขับกล่อมเสียงเพลงให้ดื่มด่ำธรรมชาติอย่างแท้จริง ทำเอาผมเพลินและเคลิบเคลิ้มไปเลยทีเดียว ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่สิ่งที่ต่างจากโรงแรมทั่ว ๆ ไป คือ มีชุดนอนที่มีเนื้อผ้าบางเบานุ่มสบายให้สวมใส่ด้วยครับ นอกจากนี้ ยังมีหนังสือให้อ่านและหมากกระดานไว้ให้เล่นคลายเหงาอีกด้วยครับ ด้านอาหารที่นี่อร่อยไม่แพ้ใครเช่นกัน โดยภาพรวมผมประทับใจในคุณภาพและการบริการที่เอาใจใส่เป็นเลิศ และอยากเชิญชวนให้มาใช้บริการกันดูครับ จุดเด่น : 1. ความเงียบสงบ ใช้เวลาอยู่กับตนเองและเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น 2. ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีห้องพักจำนวนไม่มาก เป็นการจำกัดจำนวนแขกไปในตัว ไม่เกิดความวุ่นวาย 3. สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครัน ใส่ใจทุกรายละเอียดของแขกผู้เข้าพัก จุดเสีย : - ยังไม���พบ - ข้อจำกัด (ไม่ใช่ข้อเสียนะครับ แต่ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล���และลักษณะที่เข้ากันของแต่ละคน ซึ่งถือเป็นทางเลือกหนึ่ง) : 1. ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก 2. ไม่เหมาะกับผู้ที่ติดรายการโทรทัศน์หรือเคเบิ้ลทีวี เพราะไม่มีโทรทัศน์ สรุปคะแนนความประทับใจโดยรวม : 4.5 / 5 (จะมาใช้บริการอีกครับ)
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
// Let's Sea Hua Hin Al Fresco Resort //
หากจะบอกว่าการได้มาใช้บริการที่ Let's Sea - Hua Hin นั้น เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในช่วงวันเวลาแห่งการพักผ่อนที่แท้จริง ก็คงจะไม่ผิดนัก สิ่งแรกที่สัมผัสได้ นอกเหนือจากความร่มรื่น และความลงตัวทั้งบรรยากาศของโรงแรมและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์นั้น เรายังจะได้พบกับ การให้บริการที่เหนือความคาดหมาย ผมรู้สึกว่าพนักงานทุกคนที่นี่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างเป็นกันเอง ซึ่งผิดกับหลาย ๆ โรงแรมที่เคยไปใช้บริการมา ซึ่งก็ยังคงทำให้ผมประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและอยากถ่ายทอดบอกต่อ ๆ กัน ห้องที่ผมพักเป็นห้องแบบ Studio Pier ซึ่งอยู่ชั้นล่างและมีเฉลียงทอดยาวให้เอนกายพักผ่อนอยู่ริมสระน้ำ จุดเด่นของห้องนี้ จะมีอ่างอาบน้ำฝังพื้นขนาดใหญ่ที่สามารถนอนแช่น้ำได้อย่างสบายอารมณ์ (เคยไปพักมาหลายที่ ผมมักจะหงุดหงิดกับอ่างอาบน้ำที่แคบและเล็ก) แต่หากอยากจะยืนอาบน้ำ ก็มีฝักบัวขนาดใหญ่ให้เราได้อาบน้ำชุ่มฉ่ำ สบายกาย สบายใจไปเลย ผนวกกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพู ครีมอาบน้ำ ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ ทำให้สดชื่นตลอดวัน ด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง ทั้งภายในและภายนอก ผมคิดว่าสะท้อนและบ่งบอกถึงการใช้ความเรียบง่าย แต่ดูดีไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปทุกอย่างถูกจัดเรียงได้อย่างลงตัวและเหมาะสม จุดเด่น : 1. การให้บริการที่เป็นมิตรและอบอุ่น 2. การออกแบบที่เรียบแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 3. อาหารอร่อย ขอแนะนำให้ลองดินเนอร์ริมทะเลของห้องอาหารที่โรงแรม โรแมนติคมาก 4. สปาเปิดถึงสี่ทุ่ม ถ้าได้นวดผ่อนคลายก่อนนอนจะสบายตัวสุด ๆ (ผมลองใช้บริการตอนกลางคืน แสงไฟภายในสปาจัดไว้ได้สวยงามมาก) 5. พิธีพิถันด้านความสะอาด ทั้งภายในห้องและบริเวณโรงแรม 6. มีกิจกรรมมากมาย เช่น โยคะ สปา เรียนทำอาหารไทย เรียนทำเครื่องดื่ม Cocktel เป็นต้น ทำให้เพลิดเพลิน จุดเสีย : - ยังไม่พบ - ข้อจำกัด (ไม่ใช่ข้อเสียนะครับ แต่ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และลักษณะที่เข้ากันของแต่ละคน ซึ่งถือเป็นทางเลือกหนึ่ง) : 1. ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก 2. ไม่มีฟิตเนสแต่มีเครื่องเล่นกลางแจ้งไว้ให้ออกกำลังกาย สรุปคะแนนความประทับใจโดยรวม : 5 / 5 (จะมาใช้บริการอีกแน่นอนครับ)
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
"Wait" K-Mobile Banking PLUS
My First Animation : ) รบกวนช่วยโหวตคลิปให้ผม โดยการกด "Like" หรือ "ถูกใจ" ตามลิ้งค์ที่แนบมานี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ : ) http://www.facebook.com/video/video.php?v=1357368694599&oid=127610057890
0 notes
khundanai-blog · 14 years
Text
// ล า ว ส อ ง ส า ม ค น //
พี่แก้ว คริส และข้อยเอง ... 27 / 06 /10
0 notes