Don't wanna be here? Send us removal request.
Text
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว 2020
สวัสดีค่ะ อัยเองนะคะ เนื่องจากในช่วงกลางเดือน กพ. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการร��บาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 เราได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่นกันมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เถลไถลไปประเทศอื่นแต่ก็ยังไม่ได้มาญี่ปุ่นซักที 555 กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดี.. วันนี้เราก็จะมารีวิวและแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆ
เราก็ได้ทำแพลนไว้ว่าอยากไปไหนบ้าง แต่พอไปจริงๆก็ไม่ค่อยตามแพลนเท่าไหร่ คืออยากไปไหนก็ไป 555 อันนี้เป็นแพลนที่เราทำไว้
มาดูสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในโตเกียวบ้าง
1.) Tokyo Metro & Toei subway ใช้สำหรับนั่งรถไฟใต้ดินได้ทุกสายตามแผนที่ด้านล่าง
2.) IC Card ก็จะมี Suica กับ Passmo ซึ่งเป็นบัตรสำหรับเติมเงิน สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน , JR , ร้านสะดวกซื้อต่างๆ หรือ Locker หลายๆที่ก็ใช้ได้ สะดวกสบายสุดๆ สามารถซื้อได้ที่ตู้ตามสถานีรถไฟหรือเติมเงินก็เติมได้ที่ตู้นี้เช่นกัน
3.) JR Tokyo Wide Pass ตั๋วที่ใช้เดินทางโดยรถไฟ JR ภายในและรอบๆโตเกียว ทั้งรถไฟแบบ Local, Rapid, Express, Limited Express ไปจนถึงรถไฟ Shinkansen (บางเส้นทาง) ใช้ได้ 3 วัน ราคา 10,000 เยน หากใครจะไปดูฟูจิที่ Kawaguchiko หรือไปเล่นสกีที่ Gala Yuzawa แนะนำว่าต้องซื้อ มันคุ้มมากๆ หน้าตาตั๋วก็จะประมาณนี้
..โดย JR Tokyo Wide Pass กับ Tokyo Metro เราจะไปซื้อที่สนามบินนาริตะ ส่วน IC Card เราได้ความอนุเคราะห์จากพี่ที่งานมาอีกที ของฟรีนั่นเอง 555 และก็มีจองที่นั่งชินคันเซ็นล่วงหน้าไปก่อน โดยจองได้ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้บัตรเครดิตในการจองด้วย ส่วนวิธีการจองก็เว็บนี้เลย https://chillchilljapan.com/online-shinkansen-reservation/ เมื่อไปถึงสนามบินก็ใช้ JR Tokyo Wide Pass ในการรับตั๋วที่จอง จะไม่มีค่าใช้จ่าย ..เอาละ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปกันเลย
Day 0 Take off
วันที่เรารอคอยกันเนิ่นนานก็มาถึง ไฟลท์ของเรา 1 ทุ่มตรง กับสายการบิน Vietnam Airlineโดยจะต้องมาขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราไม่ค่อยตื่นเต้นกันเท่าไหร่ แต่มาถึงกันตั้งแต่บ่าย 3 โมงอะ 5555 เมื่อมาถึงเราก็ไปดูที่บอร์ดก่อนนะ ว่าเที่ยวบินของเราจะเปิดให้ check-in ที่ gate ไหน ก็ไป gate นั้น ซึ่งเราได้ทำ web check-in มาเรียบร้อยแล้ว แนะนำว่าให้ทุกคนทำมานะ เพราะว่าหากไม่ได้ทำ web check-in มา เราจะต้องไปต่อแถวเพื่อ check-in ก่อน แต่หากใครทำมาแล้ว ก็จะได้ไปต่ออีกแถว ซึ่งคนน้อยกว่าและเร็วกว่ามากกก เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้า gate ได้เลย
---------
Day 1 First time in Japan
เมื่อมาถึง เราก็เอาใบตม.ที่ลูกเรือแจกให้บนเครื่องนั่นแหละ แนะนำว่าให้กรอกตั้งแต่บนเครื่องนะ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากรอกตรงตม. แล้วก็ผ่านด่านตม.ปกติ ...โดยสายการบินนี้จะมาจอดที่ Terminal 1 นะ จากนั้นเราก็ต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน เดินตามป้าย Train ลงไปชั้นล่างเลย โดยตั๋วที่เราจะซื้อก็จะมี 1.ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ Skyliner + Tokyo subway 24 hrs. เพื่อนั่งจากสนามบินไปลง Ueno และซื้อขากลับไว้ด้วยเลย โดยเราซื้อที่เป็นแพ็ครวมกับตั๋วรถไฟใต้ดินแบบ 24 ชั่วโมง ราคา 4,780 เยน เราซื้อที่ Skyliner & Keisei Information Center ออฟฟิศใหญ่ๆสีน้ำเงิน หาไม่ยาก 2.JR Tokyo Wide Pass ซื้อที่ JR East Travel Service Center ออฟฟิศใหญ่ๆสีแดง ตอนซื้อทางพนักงานก็จะถามว่าเราจะเริ่มใช้วันไหน เขาจะระบุวันลงหลัง��ั๋วเราให้เลย เมื่อได้ตั๋วมาแล้วเราก็จอง reserved seat ของวันที่จะไ��/กลับ Kawaguchiko ไว้ด้วย เนื่องจากกลัวว่าจะเต็ม และเราก็รับตั๋วที่เราจองที่นั่งชินคันเซ็นล่วงหน้าด้วยเลย ..หลักจากเราได้ตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามป้ายไปเลย มีป้ายบอกค่อนข้างละเอียดไม่หลงแน่นอน เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากเราเลือกรอบ 9 โมง และตอนนั้นเหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 15 นาที รถไฟจะออก จึงต้องรีบลากกระเป๋าวิ่งกันโดยด่วน 555 และแล้วเราก็มาทัน บรรยากาศภายในรถไฟก็จะประมาณนี้นะ นั่งสบาย หลับยาว
ที่แรกที่เราจะไปกัน ก็คือ ตลาดปลาซึคิจิ การเดินทาง ก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย Hibiya Line จาก Ueno ไปลงสถานี Tsukiji โดยเราใช้บัตร Tokyo Subway 24 hrs.
หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็กลับไปที่สถานี Ueno เพื่อเอากระเป๋า และนั่งรถไฟใต้ดิน Ginza Line ต่อไปสถานี Tawaramachi เพื่อไปเช็คอินที่ที่พักกัน แต่ความที่ไม่หาข้อมูลมาก่อนไง ไม่รู้ว่าสถานีนี้ทางที่เราออกไม่มีลิฟต์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นจากสถานี แล้วเดินอีก 900 เมตร อากาศหนาวๆก็ได้เหนื่อยอะบอกเลย 555 แต่ระหว่างเดินไปที่พักก็มีวิว Tokyo Skytree ให้ได้ชมบ้าง
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงซักที ที่พักคืนแรกของเรา ก็คือ Sakura Hostel Asakusa จะอยู่ย่าน Asakusa ใกล้วัดเซนโซจิ โดยเราจองห้องแบบส่วนตัว 4 เตียงไป แต่ตอนมาถึงเจอพนักงานเป็นคนไทยด้วย เขาแจ้งว่าได้อัพเกรดห้องให้เป็น 6 เตียง แต่คือได้อยู่แค่ 4 คนเหมือนเดิมนะ ก็ดีเลยได้ห้องใหญ่กว่าเดิม ...ด้วยความที่ทุกคนเหนื่อยล้าจากเดินทางข้ามคืนกันมา จึงแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวแล้วก็พักผ่อนกันนิดหน่อย จึงไม่มีใครได้ถ่ายรูปห้องไว้เลย อันนี้เป็นภาพตัวอย่าง ห้องจริงก็เหมือนในรูปเลย รา��า 2,410 บาทนี่รวมอา��ารเช้าด้วยนะ ห้องน้ำรวมก็สะอาดมาก หากใครอยากประหยัดก็แนะนำเลย
--------------------------------
โดยวันนี้เราจะไปแค่วัดเซ็นโซจิ และเย็นๆไปถ่ายรูปเล่นบริเวณโตเกียวทาวเวอร์แล้วก็พักผ่อน พักเหนื่อยเสร็จแล้วก็ไปกันต่อดีกว่า ที่ที่เราจะไปก็คือวัดเซ็นโซจิ ระหว่างทางไป เราก็ได้แวะไปชิมไอศกรีมชาเขียวร้านดังนั่นก็คือร้าน Suzukien ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี เลยทีเดียว
--------------------------------------
ต่อไปเราจะไปกันที่ Tokyo Tower โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Asakusa ไปลงที่สถานี Daimon แล้วเดินประมาณ 900 เมตร ก็จะถึง
Tokyo Tower ก็เป็นอีกหนึ่ง Landmark ของโตเกียว ที่นี่เป็นหอคอยสื่อสารโดยภายในก็มีร้านค้าและจุดชมวิว รวมถึงสวนสนุกธีมวันพีซขนาดใหญ่อย่างโตเกียววันพีซทาวเวอร์ ก็อยู่ในนี้เช่นกัน แต่เราขอถ่ายรูปเล่นบริเวณรอบๆก็พอ
Day 2 Fall in love Mt.Fuji ------------------------------------------ … วันนี้เรา Check out ออกจากที่พักตอนตี 5 โดยจะเราไปค้างที่ Kawaguchiko กัน 1 คืน การเดินทางไป Kawaguchiko ที่นิยมกันก็จะมี 2 วิธี คือ 1.รถไฟ ซึ่งเราจ��ต้องไปเริ่มต้นที่สถานี Shinjuku มีทั้งแบบต่อเดียวถึง (Fuji Excursion) และแบบต้องเปลี่ยนสาย (Limited Express) ข้อดีของรถไฟก็คือ ตรงเวลา และหากใครซื้อ JR Tokyo Wide Pass สามารถใช้ได้ และ reserved seat ได้ด้วย (ซึ่งเราจองไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) 2.รถบัส วิธีนี้ต่อเดียวถึง Kawaguchiko เลย แต่จะควบคุมเวลาไม่ค่อยได้หากรถติดก็ช้ากว่ารถไฟ สามารถมาขึ้นรถได้ที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,950 เยน .. เรานั่งรถไฟใต้ดินจาก Asakusa ไปลง Ueno ก่อน (ใช้ Tokyo Metro 24 Hrs. ของเมื่อวาน) เพื่อจะเอากระเป๋าไปฝากใน Locker เอาเฉพาะของใช้ที่จำเป็นไป แล้วค่อยกลับมาเอาในวันพรุ่งนี้ จะได้ไม่ต้องแบกขึ้นลงรถไฟด้วย .. จากนั้นเราก็ใช้รถไฟ JR Yamanote Line จาก Ueno ไป Shinjuku (เริ่มใช้ JR Wide Pass) เมื่อมาถึง Shinjuku ต้องบอกเลยว่า คนโคตรเยอะ และคือ หลงสิ ซึ่งเรา reserved seat ขบวน limited express ไว้รอบ 7 โมง แต่ไปชานชาลาผิด ดีว่าได้คนญี่ปุ่นช่วยไว้ ไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ 555 ตั๋วก็จะหน้าตาประมาณนี้
Day 3 Bye Mt.Fuji ------------------------------------ ..วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมง กะว่าเดินชิวๆถ่ายรูปฟูจิ แล้วไปหาไรกินที่ Lawson พอออกมานอกโรงแรมเท่านั้นแหละ โคตรหนาววว แต่เห็นวิวฟูจิระหว่างทาง คุ้มค่ากับการทนความหนาว คือมันดีมากจริงๆ
หลังจากลงมาก็เดินชมวิวบ้านคนญี่ปุ่นไปเรื่อย เสียดายเวลาน้อยไปนิด ได้เวลากลับเข้าโตเกียวแล้ว.. เราก็ไปเอากระเป๋าที่โรงแรมและไปที่สถานี Kawaguchiko เพื่อกลับเข้าโตเกียวกัน ..ขากลับก็ใช้ JR Tokyo Wide Pass เช่นเดิม เราจะนั่งรถไฟ local จาก Kawaguchiko ไปลงที่สถานี Otsuki และต่อรถไฟด่วนพิเศษจาก Otsuki ไปลงที่สถานี Shinjuku ซึ่งรถไฟด่วนพิเศษเราได้ reserved seat ไว้ตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว ..รถไฟ local จะมีลายการ์ตูนน่ารักแบบนี้แหละ
พอมาถึงสถานี Shinjuku เราก็ต่อรถไฟ JR Yamanote Line ไปลงที่ Ueno เดี๋ยวเราจะไปเดินเล่นและหาไรกินที่ Ueno กันก่อน เนื่องจากต้องรอบ่าย 3 ถึงจะ Check in เข้าโรงแรมได้ ...หลังจากเดินทางกันมาอย่างยาวนาน ต้องเติมพลังกันก่อน เราไปกินข้าวหน้าปลาไหลที่ร้าน Unatoto มีหลายสาขาในโตเกียว แต่เรากินที่สาขา Ueno พิกัด : 〒110-0005 東京都台東区上野6丁目12−7
.และแล้วเราก็เดินมาถึง 5 แยกชิบุย่า อีกหนึ่ง Landmark ที่ใครมาโตเกียวก็ต้องมาแวะถ่ายรูป ที่นี่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่มีความพลุกพล่านมากที่สุดในโลก จริงหรือไม่ ไปดูกันเลยย
คืนนี้จะไปกินราเมนกันที่ร้าน ichiran ramen หรือราเมนข้อสอบนั่นแหละ แต่เรานั่งแบบเป็นโต๊ะธรรมดา เมื่อเข้ามาในร้าน ก็จะเจอกับตู้ที่มีเมนูให้เลือกนะ โดยให้เราใส่เงินเข้าไปแล้วกดเลือกเมนูได้เลย พอมานั่งที่โต๊ะ พนักงานก็จะเอากระดาษให้เราวงรสชาติมาให้ ก็เลือกที่เราชอบเลยยย พิกัด : 〒111-0032 東京都台東区浅草1丁目1−16 HK浅草ビル B1F
อิ่มแล้วก็กลับเข้าที่พัก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเล่นสกีที่ Gala Yuzawa กัน แต่ก่อนที่จะนอนเราก็ได้เข้าไปเช็คที่เพจ Gala Yuzawa ทางเพจแจ้งว่าในวันพรุ่งนี้ Gala Yuzawa อาจปิดเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย ต้องรอเช็คพรุ่งนี้เช้าอีกที ม่ายยยยยยยยยนะ เรามาเพื่อจะเล่นสกีเลยนะ TT
Day 4 Heartbroken --------------------------------- ..วันนี้ออกจากที่พักกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ตั้งใจจะไปเล่นสกีที่ Gala Yuzawa และจะเป็นการได้นั่งรถไฟความเร็วสูง (ชินคันเซ็น) ครั้งแรกในชีวิต โดยเราต้องนั่งรถไฟใต้ดินจาก Asakusa ไป Ueno (ใช้ IC Card) ก่อน โดยเราจองชินคันเซ็นไว้รอบ 06.50 น. ...เมื่อมาถึงสถานี Ueno เราก็ซื้ออาหารที่นี่แหละเพื่อไปกินบนรถไฟ
นั่งมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสถานี Echico Yuzawa เห็นคนญี่ปุ่นแบกสกีกับสโนว์บอร์ดลงสถานีนี้กันเพียบเลย เขาน่าจะมีลานสกีอื่นอีกแหละที่เราไม่รู้ แต่เราเลือกเดินเล่นชิวๆที่เมืองนี้ดีกว่า
หลังจากเดินเล่นกันพักใหญ่ๆ ต่อไปเราจะไปกันที่ Karuizawa Outlet ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่และใกล้โตเกียวมากๆ ไหนๆก็ไม่ได้เล่นสกีแล้ว ไปช้อปให้หมดเลยละกัน 555 ...การเดินทาง ถ้ามาจากสถานีโตเกียวนั่งชินคันเซ็นต่อเดียวถึง Karuizawa เลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เราไปจาก Echico Yuzawa จะต้องไปเปลี่ยนสายที่ Takasaki เพื่อไป Karuizawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเช่นกัน
หลังจากช้อปกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว เราก็กลับเข้าโตเกียวไปลงที่สถานี Ueno เช่นเดิม เมื่อถึง Ueno เราก็ไปหาไรกินก่อนเลย ไปจบกันที่ร้าน Sushi Zanmai ร้านซูชิที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่น แต่เรามากินที่สาขา Ueno เมื่อเข้าไปนั่งในร้าน เขาก็จะให้เราสั่งอาหารผ่าน Tablet ครับ (มีภาษาอังกฤษ) จิ้มเอาได้เลย
หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็ไปตระเวรซื้อของฝากย่าน Ueno , ตึกม่วง ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย ที่ต้องซื้อไว้ตั้งแต่วันนี้ก็เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ สมาชิก 2 คนจะแยกตัวไป Tokyo Disney Sea แต่เราจะไป Kawagoe เลยกลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่มีเวลา หลังจากซื้อของฝากจนมืด เราก็จัดการเอาไปฝากใน Locker กันก่อน เพราะว่าเราจะไปหามื้อดึกกินกันที่ Ueno นี่แหละ ..เรามากันที่ร้าน Bouya เป็นร้านเนื้อปิ้งย่าง Wagyu A5 แบบยืนกินแต่ก็มีแบบโต๊ะนั่ง เราสั่งเป็นเซ็ตแบบ 4 คน จานนี้ในราคาแค่ 6,900 เยน เท่านั้น และคือเนื้อดีมากๆๆๆๆๆ 10 เต็ม 10 ไปเลย พิกัด : 〒110-0005 東京都台東区上野6丁目6−6 1~2F 小湊ビル
Day 5 Little Edo --------------------------------------------- ..วันนี้เราจะแยกกันเที่ยวกับสมาชิกอีก 2 คน ซึ่งวันนี้เราจะไปกันที่เมืองเก่า Kawagoe เมืองนี้ได้รับฉายาว่าเอโดะน้อย(Little Edo) ห่างจากโตเกียวแค่ชั่วโมงเดียวเองงงงง การเดินทางวันนี้เราจะต้องไปตั้งต้นที่สถานี Ikebukuro ซึ่งจากที่พักของเราจะต้องนั่ง Tokyo Metro ไปลงที่สถานี Ueno แล้วต่อ JR Yamanote Line ไปลงที่สถานี Ikebukuro เลย ..วิธีการไป Kawagoe เราจะขึ้นรถไฟ Tobu Tojo Line ไปยังสถานี Kawagoe เป็นรถไฟ Express ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งต้องไปซื้อตั๋วที่ Counter Tobu หน้าตาแบบนี้เลย
เมื่อกลับจาก Kawagoe เราก็ไปเดินเล่น ช้อปปิ้งที่ย่าน Ikebukuro ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้อีกตามเคย แต่หากใครอยากมาดูรองเท้า แนะนำให้มาที่ Ikebukuro เลย จะมีร้าน ABC Mart ร้านรองเท้ายอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่นี่จะเป็นสาขาใหญ่ มี 4 ชั้น มีแทบทุกรุ่น หรือร้านที่มีสาขาที่ไทยอย่าง Atmos ที่นี่ก็มี นอกจากร้านรองเท้า ก็จะมีร้านอื่นๆอีกเพียบ ลองมาเดินกันดู เราคิดว่าย่านนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ���ท่าไหร่ เจอแต่วัยรุ่นญี่ปุ่นเต็มไปหมด ..และสำหรับคืนสุดท้ายที่ญี่ปุ่น หลังจากสมาชิกพร้อมหน้าพร้อมตา เราก็ไปกินปิ้งย่างกันที่ร้าน Isomaru Suisan สาขา Ueno ร้านนี้เป็นร้านอาหารทะเล เปิด 24 ชั่วโมง มีสาขาทั่วญี่ปุ่น และเมนูของร้านนี้คือเยอะมากๆ และที่ใครมาก็ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ มันปูย่าง คือมันอร่อยมาก อร่อยจนหยุดสั่งไม่ได้ 5555 ยิ่งกินกับข้าวผัดนะ โอ้โห ที่สุดดดดด มาแล้วต้องลองให้ได้นะ พิกัด 〒110-0005 東京都台東区上野6丁目8−13 きぬや本館 1F
จบวันนี้ไปด้วยอิ่มแบบสุดๆ แต่เวลาผ่านไปไวจัง พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไทยแล้ว.. Day 6 Bye Japan --------------------------------------------- …วันนี้จะบอกว่าตื่นสายก็ใช่ 555 เราออกจากที่พักต้องนั่งรถไฟ Tokyo Metro ไปลงที่สถานี Ueno เพื่อจะนั่ง Skyliner จาก Ueno ไปสนามบินนาริตะ ซึ่งเราจองตั๋วไว้ตั้งแต่วันที่มาถึงสนามบินแล้ว เราก็เอาตั๋วนั้นไปแลกเป็นตั๋วจริงเพื่อขึ้นรถไฟได้เลย ด้วยความที่วิ่งกันสุดตัว จึงไม่มีรูปอีกเช่นเคย 555 ก็ไม่มีอะไรแล้วเนอะ ก็กลับสายการบิน Vietnam Airline เที่ยว 10 โมงไปแวะ transit ที่ฮานอย และไปถึงสุวรรณภูมิประมาณ 5 โมงครึ่ง ก็จบทริปนี้ไปโดยสวัสดิภาพ..
ขอขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามทุกคน
อัยญาวีร์
1 note
·
View note